วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เข็มไมล์ก่อนเดินทางช่วงปีใหม่

ปีใหม่แล้วนะครับ ปีหนึ่ง ๆ ผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ ผมก็ถือโอกาศอวยพรให้ทุก ๆ คน มีความสุขเยอะ ๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง ขอให้สมหวังสิ่งใดก็ให้สมปรารถนา และอย่าลืมว่าตั้งใจทำดีเข้าไว้ สักวันต้องมีผลดีกับเราเองครับ

เอาล่ะ ขอวกกลับมาเรื่องของฮอนด้าแจ๊ซตัวโปรดของผมล่ะ

ผมก็มีธุระต้องออกต่างจังหวัดเหมือนกัน โดยผมออกเดินทางจากกรุงเทพ ตอนเช้าตรู่ของวันที่ 31 จริง ๆ ผมตื่นมาตั้งแต่ตี 3 กว่าแล้ว เพราะนอนไม่หลับ คนเดินกันวุ่นวายไปหมด รถมาจอดรับคนบ้าง ห้องนั้นออกบ้าง ห้องนี้ออกบ้าง ไม่ไหวนอนต่อก็ไม่หลับอยู่ดี เลยลุกขึ้นมาอาบน้ำออกไปเลยดีกว่า

ถ้าออกต่างจังหวัดช่วงเทศกาลเมื่อไหร่ ก็เป็นที่รู้กันว่ารถติดแน่ ๆ แต่ใครจะมีวิธีหลบหลีกไปไหนก็แล้วคนไป สำหรับผม ขอเลือกเอาแบบไปไห้ได้ ไกล้ไกลไม่เป็นไร ไม่ใช่ค่อยคลานไป ประมาณ 1 กิโล แต่ใช้เวลาเป็นชั่วโมง

ตี 4 นิด ก็ได้เวลาที่จะต้องออกเดินทางกันแล้ว เพราะต้องไปรับน้องอีกคนที่คู้บอน พอสตาร์ทรถเรียบร้อยแล้ว ผมนึกได้ว่าต้องดูเข็มไมล์ก่อน อืมมม เลขสวยครับ 20009 กิโล งั้นก็เลยใช้มือถือถ่ายรูปไว้ก่อนดีกว่า พร้อมตั้งระยะทางสำหรับการเดินทางปีใหม่ ตามปกติผมก็จะตั้งเข็มไมล์ใหม่เสมอ Trip A สำหรับการเดินทาง ส่วน Trip B ก็จะเอาไว้เช็คระยะทางเวลาเติมน้ำมัน เอาไว้ดูว่าเติมน้ำมันครั้งหนึ่ง ๆ วิ่งได้กี่กิโล ดูวิธีทำได้ที่ตอนท้ายของความครับ

พอรับเพื่อนขึ้นรถมาได้ก็เข้าวงแหวนตะวันออก .. แต่แม่เจ้าโว้ย เลี้ยวซ้ายเข้าวงแหวนปุ๊บเจอรถติดปั๊บ แล้วอย่างจะไปถึงไหนมั้ยเนี่ย ทำไมมันติดตั้งแต่ยังไม่ไปไหนเลย ผมกะว่าออกตี 5 แล้วไปสว่างที่สระบุรี แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ซะแล้ว หลังจากที่ค่อยๆ คลานมาเรื่อย ๆ จนรู้สาเหตว่าทำไม ก็มีรถ 2-3 คันชนท้ายกัน แค่นั้นแหละ พอผ่านไปก็ไม่มีอะไร

เหลือบดูนาฬิกา ประมาณเกือบ 6 โมงเช้า ถึงบางปะอินพอดี นึกว่าจะไม่มีรถติดอีกแล้ว พอเลี้ยวลงพหลโยธินเท่านั้นแหละ เห็นรถ วิ่งกันเอื่อย ๆ รถเยอะจริง ๆ รู้เลยว่าติดแน่ ทำอะไรไม่ได้แล้ว ขับต่อไปเรือย ๆ พอสระบุรีค่อยฉีกออกไปทางลพบุรีละกันไกลหน่อยแต่รถไม่ติดมาก วิ่งสัก 70 - 90 ก็ยังดีกว่านิ่งสนิท จริงมั้ยครับ

ข้อความนี้ผมขอปิดด้วยวิธีการตั้งเข็มไมล์เวลาเดินทางล่ะกันนะ

สำหรับฮอนด้าแจ๊ซที่ผมใช้อยู่ วิธีตั้งเข็มไมล์ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรครับ หลังจากที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ก่อนออกเดินทาง ให้กดปุ่มที่ด้านบนของหน้าปัด สังเกตว่าก่อนกดปุ่ม ที่หน้าจอ lcd ที่บอกระยะทางจะเป็นเลขปัจจุบัน ให้กดปุ่มนั้นเป็นจังหวะไป 1-2 ครั้ง ตัวเลขจะเปลี่ยนไปและมีตัวอักษรกำกับว่า Trip A, Trip B ตามจังหวะการกดปุ่ม ถ้าต้องการเลือกใช้ Trip A ก็ให้ค้างอยู่ที่หน้าของ Trip A ก่อน จากนั้นให้กดปุ่มค้างไว้จนตัวเลขเปลี่ยนเลขศูนย์แล้วค่อยปล่อย ถ้าต้องการเลือกใช้ Trip B ก็ทำเช่นเดียวกันครับ

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตอนขากลับ ขณะที่เติมน้ำมันเสร็จช่วงประมาณโนนสูง ผมกำลังจะตั้งเข็มไมล์สำหรับวัดระยะทางของการเติมน้ำมัน แต่ผมสังเกตว่าตัวเลข Trip A มันเปลี่ยนไปเริ่มต้นใหม่ อะไรเนี่ย !?!?! งงจริง ๆ มันเป็นไปได้ยังไง ผมก็มองๆ มาตลอดว่าตอนนี้วิ่งไปแล้วกี่กิโล ล่าสุดน่าจะประมาณ 1100 หรือ 1200 กว่า ๆ แล้วตกลงว่ามันไปได้สูงสุดกี่กิโลอ่ะ แต่เอาเฮอะ ยังไงเราก็มีรูปถ่ายตอนออกก่อนเดินทางแล้ว ดูสิว่ากลับถึงบ้านมันจะสักกี่กิโลกันแน่ !!!!

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

มีเรื่องขำขำมาเล่า

วันนี้ ผมมีธุระต้องไปรับของฝากให้คนที่บ้านต่างจังหวัดจากพี่ชายที่ห้วยขวาง ผมก็ออกจากห้องประมาณ 10 โมงเพราะมีนัดกับหมอที่วิภาราม ซึ่งกว่าจะเสร็จก็ประมาณ 11 โมงกว่า ๆ มีช่วงหนึ่งตรงไปไฟแดงแยก อสมท. ผมก็กำลังจะเปลี่ยนเข้าเลนเพื่อเตรียมเลี้ยวขวาจะเข้ารัชดา แล้วก็มีรถคันหนึ่งบีบแต่ใส่ทางขวา อะไรก็เมื่อกี้ไม่เห็นสักคัน

จริง ๆ รถเราข้างหน้ามันจะเข้าอยู่แล้ว พ้นไปไกลแล้วละ แล้วคุณซิ่งมาจากไหนอ่ะ ก็เลยลองทำเล่นๆ ใส่สักหน่อยประมาณว่าจะเบียดเข้าให้ได้อ่ะ พอดีมีรถแทกซี่อยู่ข้างหน้า ถึงกดคันเร่งเข้าไปก็ไม่พ้นอยู่ดี เลยฉะแว๊บไม่เข้าเลนนั้น ดูสิว่าจะซิ่งหนีเราป่าว .. ป่าวครับ เขายังตามมาและมาจอดรอที่แยกจะเข้ารัชดาอีก อยู่ข้างหลังเรานี่เอง เออ.. ถ้ารีบทำไมต้องมากรอข้างหลังเราด้วย ..

ยังครับ ยังไม่จบ .. พอเลี้ยวเข้ารัชดา ผมก็นึกว่าเขาจะเข้าห้างฟอร์จูน หรนือไม่ก็คาร์ฟูร์ .. ไม่ครับ เขายังตามผมมาอีก แบบกระชั้นชิดเลยอ่ะ เอ.. อะไรอีกละเนี่ย .. เขาจะตามเราไปอีกนานมั้ยเนี่ย เบื่อมากเวลามีรถมาตามจี้ไปนาน ๆ อ่ะ

พอเลยแยกห้วยขวางผมก็ถึงที่หมายก่อนก็เลยไม่สนใจอีกแล้ว นึกว่าจะตามมาอีก.. เฮ้ย.. ถึงสักที แอบดีใจลึก ๆ ว่าอย่าตามมานะ ไม่งั้นเป็นเรื่องถ้าเข้าซอยแล้วเข้าจอดที่ไกล้กัน เออ.. แล้วเราจะทำไงหว่า :P


เอาล่ะ บ่นเรื่องเครียด ๆ มาแล้ว คราวนี้ ขอพูดเรื่องขำ ๆ ของตัวผมเองตอนขากลับ ผมก็เห็นว่าเส้นจากคาร์ฟูร์ไปพระราม 9 รถมันเยอะ แอบคิดว่าระน่าจะติด เลยเลี้ยวซ้ายออกไปศูนย์วัฒนธรรม วิ่งเรื่อย ๆ บนถนนเทีมร่วมมิตร ก็ดีนะครับ รถนี่โล่งไปเลย แล้วเลี้ยวขวาตรงแยกใกล้ ๆ สยามเนรมิต จากนั้นพอผ่านอู่พักรถเมล์ผมก็เลี้ยวขวาอีกรอบ !!! ใช่แล้วครับ ตรงนี้ผมต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อจะออกพระราม 9 อาารมณ์ไหนไม่ทราบได้ ผมเลี้ยวขวาตามรถคันข้างหน้าซะงั้น!

มาถึงขั้นนี้แล้วทำอะไรไม่ได้แล้ว รถวิ่งทางเดียวด้วย ทำได้อย่างเดียวก็วิ่งไปจนถึงสามแยกคาร์ฟูร์อีกรอบ วนผ่านไปทางศูนย์วัฒธรรมอีกรอบ !! และคราวนี้พอถึงแยกผ่านหน้าสยามเนรมิตได้ผมก็เลี้ยวขวา แล้วก็ชิดซ้ายเลยไม่ลืมแน่ ๆ

จริง ๆ ผมว่าผมน่าจะชินกับเส้นนี้มากเลยนะ เพราะรถเมล์สาย 206 ก็ผ่านมาทางนี้ พักรถที่อู่นี้ตลอด แล้วทำไม๊ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้... งง!!

แผนที่

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เสียอารมณ์กับรถเมล์

ตอนแรกก็กะจะเขียนข้อความเดียวกัน แต่รู้สึกว่าอันก่อนมันเขียนแบบจบไปแล้ว เลยขอเริ่มเรื่องตอนเย็นใหม่อีกทีละกัน ..

พอตอนเย็นผมก็ออกจากออฟฟิซเร็วกว่าปกตินิดหนึ่ง ประมาณว่า 4 โมงครึ่งก็ออกแล้ว เพื่อจะไปรับรถที่ศูนย์ ฯ อีกอย่างถ้ามีเวลาเยอะก็จะขึ้นรถเมล์แทนเดินไปขึ้น BTS แบบมันต้องเดินไกลอ่ะ

ผมก็รอรถเมล์ที่ป้ายหน้าออฟฟิซสัก 5 - 10 นาทีได้รถ 116 ก็มาพอดี ไม่เลวอย่างที่คิด แม้รถจะเยอะก็แต่รถเมล์ซิ่งได้ตลอด

พอลงรถเมล์ที่อ่อนนุช ผมก็เดินไปรอรถ ปอ. 519 ไม่อยากขึ้นรถสองแถว เพราะต้องไปต่อรถที่แยกศรีนุชไปศูนย์อยู่ดี.. เชื่อมั้ยครับ ผมรออยู่เป็นชั่วโมง ไม่เห็น ปอ. 519 มาสักคัน รอแล้วก็รออีก ยังไม่มีวี่แววมาเลย จนจะ 6 โมง ผมว่าคงไม่ได้การแน่ งั้นขึ้นรถสองแถวแล้วไปต่อ 207 หรืออะไรก็ได้จากแยกศรีนุช รถเมล์ผ่านหมดแหละ

แปลกนะ แบบอยากขึ้นรถ ปอ. สายนี้ พอตอนผมขับรถเห็นวิ่งกันเยอะ ๆ แต่พอจะเรียกใช้งาน ไม่มีมาสักคัน เออ.. เสียอารมณ์อ่ะ...

เช็คสุขภาพรถก่อนเดินทาง

หลังจากที่ผมโทรไปทางศูน์ฮอนด้านครินทร์เมื่อ 2 วันก่อน เพื่อที่จะเอารถเข้าไปตรวจเช็คสภาพก่อนเดินทางปีใหม่นี้ ซึ่งตอนแรกผมกะว่าจะเอาเข้าไปวันเสาร์หรืออาทิตย์แทน เพราะจะได้ไม่ต้องไปทำงานสาย แต่พนักงานเขาบอกว่าตอนนี้มาได้เฉพาะวันธรรมดาเท่านั้น วันหยุดเต็มหมดแล้วค่ะ ผมก็เลยงั้นก็ขอนัดวันศุกร์แทนล่ะกัน

วันนี้เลยถือโอกาศตื่นสายหน่อย ต้มน้ำร้อน ขอชงกาแฟดื่มสักแก้วก่อน จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ 7 โมงนิดๆ ก็พร้อมออกนอกบ้าน ผมใช้เวลาเดินทางไม่นาน หรอกเพราะช่วงนี้รถไม่ค่อยมีเท่าไร ไม่แน่ว่ามันยังเช้าอยู่หรือว่าคนกลับบ้านกันหมด

พอเข้าไปก็กดบัตรคิว และนั่งยังไม่นาน น้องที่ทำเรื่องประกันก็บอกว่าถามว่าจะทำอะไร ถามตอบไป สุดท้ายเรากดบัตรคิวผิดช่อง น้องเขาก็เลยเดินมากดให้ใหม่ ... เราก็ต้องรออีกรอบ .. ว้า น่าเบื่อจัง อุตส่าห์มาเช้าแล้ว กว่จะเสร็จจากศูนย์ฯ ก็เกือบ 8 โมง เลยเดินออกจากศูนย์ ฯ ไปขึ้นรถเมล์ไปต่อรถไฟฟ้าที่เพชรบุรี และหวังว่ารถคงไม่ติดเหมือนคราวที่แล้วนะ :)

โชคดตามที่คาดไว้ รถไม่ติดมาก แบบไปเรื่อย ๆ ติดไฟแดงตามจังหวะไฟเท่านั้น กว่าจะถึงรถไฟฟ้าก็ 9 โมงกว่าเหมือนกันนะ พอลงจากรถเมล์ก็รีบวิ่งไปรถไฟฟ้าต่ออีกที อันนี้ ไม่นานจริง ๆ

พอออกจากรถไฟฟ้าก็ซื้อซาลาเปากับปาท่องโก๋ชุดหนึ่ง รู้สึกหิว ๆ และไม่ได้ซื้อของกินแถวนี้นานแล้ว ก็ตั้งแต่เริ่มขับรถมาทำงานโน้นแหละ :P

สรุปว่าใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าเหมือนกันนะ ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะถึงได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ช่วงเทศกาลอ่ะ :P

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ลองไปออกที่สุขุมวิท 50

วันนี้ ออกจากออฟฟิซเร็วประมาณ 4.50 รถก็ยังเยอะเหมือนทุกวัน กว่าจะผ่านแยกตลาดคลองเตยก็ใช้เวลานิดหนึ่ง

พอถึงช่วงพระราม 4 ก็วิ่งไปเรื่อย ๆ แต่รถก็เยอะดีนะ ชินเสียแล้ว

แต่พอถึงแยกกล้วยน้ำไท แทนที่จะเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสุขุมวิท 42 เราลองเลี้ยวขวา ไปทางรถไปสายเก่าดูว่าจะเป็นยังไงมั่ง เพราะไม่เคยเข้าเลย

พอเลี้ยวเข้าไปเท่านั้นแหละ ก็มีรถปิ๊กอัพคันหนึ่งขับจี้ตูดมา ทั้งบีบแตรใส่ ตีไปกระพริบมา เอออ .. อะไรว่ะ เลนขวาก็โล่ง จะมาวิ่งเลนกลางกะเราทำไม แต่พอถึงแยกใต้ทางด่วน ก็ไม่รู้เขาหายไปไหนแล้ว ไม่รู้ว่าเลี้ยวซ้ายแซงเราไปหรือว่าเลี้ยวซิ่งไปแล้ว แต่เอาเหอะ ไม่สนใจหรอกพวกแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มกันหรอก ..


สังเกตว่าตั้งแต่เลี้ยวขวาออกจากพระราม 4 ถนนเส้นนี้ไม่ดีเอาเสียเลย มีช่องระบายน้ำอยู่กลางถนน พอเลี้ยวซ้ายที่ใต้ทางด่วน ถนนก็ประมาณว่าวิ่งตามต่างจังหวัดดี ๆ นี่เอง พื้นถนนไม่เรียบ ไหล่ทางสังเกตยาก และที่หนักกว่านั้น พอเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกหลังจากวัดสะพาน ขอบอกว่าถนนแคบมาก มอเตอร์ไซต์ก็จอดจะกินเลนมาอีก โอ .. ขับยากมาก ดีที่ยังไม่มืดมาก เลยรู้สึกโล่งหน่อย ผมเลยขอขับแบบช้า ๆ ไปเลยดีกว่า เพราะมอไซต์ไม่เคยอยู่นิ่งตรงเลนของเขาเลย ชอบหลุดมาตลอด ขืนซิ่งไปผมรถพังก่อนจะชนอีก ไม่รู้ขับกันได้ไง

พอถึงปากซอย มีเรื่องสียวให้ได้ชมกันอีก เก๋งสีขาวกับ benz หรือ bm นี่แหละจะชนกัน ก็คนหนึ่งจะออกจากโลตัส ส่วนอีกจะเข้า แต่ทั้งสองคันก็ซิ่งพอ ๆ กัน ถ้าชนกันก็มันส์ครับ แต่อย่าเลย ยอม ๆ กันหน่อยเหอะ เสียเวลานิดเดียว เดี๋ยวก็ได้เข้าแล้ว ดีกว่ามาเสียเวลารอประกันฯ กับตำรวจมาต่อรองว่าใครผิด ใครถูกเพื่อเคลมอุบัติเหตุ

ผมมาเสียเวลาอีกทีที่ตรงรอกลับรถใต้สะพานพระโขนง มีรถทัวร์คัน รถตู้ และรถสองแถวแซกจะเข้ากันใต้สะพานเยอะแยะไปหมด แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องค่อยคลานเข้าไปกลับรถให้ได้ ไม่มีทางเลือกแล้ว

พอกลับรถออกมาได้ทุกอย่างก็วิ่งไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีสะดุด รถเส้นอ่อนนุชวันนี้โล่งดีมากกว่าทุกวัน เอ .. หรือว่าเราออกมาเร็ว ถึงห้องประมาณ เกือบ 6 โมงพอดี :)

เริ่ม 30 ธันวานี้ กล้องตามสี่แยก

เรียน ทุกท่าน เพื่อทราบ

สี่แยกที่มีกล้องจับ โดยจะมี การจับ3 กรณี
1. ผ่าสัญญานไฟแดง นอกจากนี้พวกที่ฝ่าไฟเหลืองก็มีโทษเช่นเดียว! กับฝ่าไฟแดง แต่จะไม่ตัดแต้ม
2. จอดติดสัญญานไฟแดงทับเส้นขาวด้านหน้า
3. จอดรถติดสัญานไฟคล่อมช่องทาง (คล่อมเส้นขาว)

วันที่เริ่มต้นใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค 51 ไฟแดงที่มีกล้องมีดังต่อไปนี้
1.แยกรัชดาฯ - ลาดพร้าว 2.แยกบ้านม้า 3.แยคลองตัน 4.แยกอโศกเพชร 5.แยกวิทยุ-เพลินจิต 6.แยกซังฮี้ 7.แยกพญาไท 8.แยกโชคชัย 4 9.แยกนิด้า 10.แยกอุรุพงษ์ 11.แยกประดิพัทธ์ 12.แยกรัชดาฯ - พระราม 4 13.แยกลำสาลี 14.แยกบ้านแขก 15.แยกบางพลัด 16.แยกนรินทร 17.แยกราชประสงค์ 18.แยกอโศกสุขุมวิท 19.แยกสาทร 20.แยกตากสิน 21.แยกโพธิ์แก้ว 22.แยกพัฒนาการ-ตัดรามฯ 24 23.แยกร่มเกล้า 24.แยกศุลกากร 25.แยกเหม่งจ๋าย 26.แยกท่าพระ 27.แยกประเวศ 28.แยกอังรีดูนังต์ 29.แยกประชานุกูล และ 30.แยกบางโพ

ปรับ ค่าปรับมีอัตราเดียว 500 บาท เป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ข้อหาขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง มาตรา 22 (2) มีโทษตามมาตรา 152 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท และตัดแต้ม 40 คะแนนใครเลี่ยงบาลีเอากระดาษปิดป้ายทะเบียนหวังหลบเลี่ยง โดนปรับเพิ่ม

เรียนทุกคนเพื่อทราบ

-- กรุณาแจ้งกลับเมื่อโดนคนแรก --

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ขับรถเข้ากรุงคนเดียว

ผมออกจากบ้านประมาณ 10 โมงครึ่ง พอดีว่าขับรถคนเดียวเลยขอลองอีกทางละกัน เพราะถนนมิตรภาพไม่ค่อยจะราบรื่นอย่างที่คิด ถนนซ่อมแล้วนะแต่ซ่อมเฉพาะที่พัง เหมือนแป๊ะตูดกางเกงอย่างนั้นแหละ มันเลยทำให้เวลาขับแล้วไม่เรียบเอาเสียเลย

ถนนช่วง อ. หนองสองห้องไป อ. ประทาย ก็ถือว่าทำดีทีเดียว เพราะผิวถนนไม่ได้ขรุขระ วิ่งราบรื่นดี แต่ว่าเส้นนี้จะยังไม่ขยายให้ใหญ่เหมือนเส้นทางหลัก เวลาจะแซงก็ต้องระวังมากและต้องเร่งเครื่องมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้เกิดการสิ้นเปลืองน้ำมันแม้ว่าจะไม่มากมายอะไร แต่ก็อดห่วงไม่ได้

ช่วงประมาณ ต. ตลาดไทร ก็มีเรื่องเสียวอีกครั้ง ลักษณะเหมือนเมื่อวานนี้ แต่คราวนี้ เราเป็นคนวิ่งสวน ไม่ใช่เป็นฝ่ายเร่งแซง ก็บีบแตรใส่นิดหนึ่ง เพื่อเรียกน้ำย่อย ประมาณเตือน ๆ ว่าทีหลังอย่าทำอีกนะ

พอถึง อ . ประทาย แต่เนื่องจากว่า ตอนนี้เขามีการจัดงานเทศกาลที่ตัวอำเภอ เลยต้องปิดถนนข้างหนึ่ง แล้วเปลี่ยนให้รถวิ่งสวนกันที่เลนทางขวาแทน ก็ยังถือว่ายังดีที่เป็นงานในตัวอำเภอ รถเลยวิ่งกันไม่เร็วเยอะ ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังกันมากขึ้น

หลังจากเลี้ยวซ้ายจากแยกบ้านวัดไปไม่นาน แต่คิดว่าน่าจะเป็นเขตของอำเภอโนนสูงมั่ง เพราะเห็นรถตำรวจเป็น สภอ. โนนสูง รถติดเป็นหางยาวไปไกลมากเหมือนกัน เอาละสิ .. นึกว่าติดไฟแดง แต่เป็นอุบัติเหตุปิดจราจรซะแล้ว ยังไงก็ต้องขอให้ผ่านตรงนี้ไปได้ด้วยดีนะ จะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง


พอวิ่งมาถึงก็พบว่ามีรถเครนสำหรับยกรถ ขึ้นมาจากร่องกลางถนน กู้ภัยฯ ก็โบกให้ขับไปเรื่อย ๆ ส่วนสภาพรถที่ยกขึ้นมาก็บอกได้คำเดียวว่าเละแบบสุดยอดจริง ๆ ท่าทางเขาคงขับมาเร็วมาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดเหตุนานแล้วหรือยัง จริง ๆ อย่าว่าแต่เขาเลย ผมเองก็ขับมาแบบ 100 เกือบตลอดเส้นทาง :)

อุบัติเหตุอีกครั้งที่เจอระหว่างทางคือช่วงกลับรถก่อนเข้าสระบุรี คาดว่าน่าจะมีรถกำลังกลับรถ โดยรถที่อยู่เลนในสุดหรือขวาสุดนั้นหยุดเพื่อให้ผ่านแล้ว แต่เลนซ้ายสุดอาจจะมองไม่เห็นว่ากำลังมีรถกำลังข้ามถนน ผมเหลือบมองแว๊บหนึ่ง เป็นรถกระบะ มีโครงเหล็กด้านหลัง พลิกคว่ำตรงไหล่ทาง แต่อีกคันไม่แน่ใจ เพราะคนกำลังมุงดูเยอะและผมเองกำลังขับรถอยู่เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก

พอหลังจากที่จ่ายค่าผ่านด่านมาสักระยะ ก็สังเกตว่าไฟบอกระดับน้ำมันขึ้นแล้ว ยุ่งละ.. ซวยแน่ ๆ ถ้าเกิดหมดจริง และยังวิ่งอยู่ในวงแหวนแบบนี้ แต่จากที่เคยทำมา คิดว่าน่าจะถึงที่หมายก่อนแหละ หรือถ้าไม่ได้จริง ๆ พอออกจากวงแหวนค่อยปั้มเติมละกัน

จนแล้วจนรอด ก็ออกวงแหวนจะเข้าอ่อนนุช แต่น้ำมันก็ยังไปต่อได้ และเพิ่งถึงบางอ้อว่า จากประเวศเข้ามาที่ศรีนครินทร์นั้น ไม่มีปั้ม ปตท. เลย เลยเลี้ยวซ้ายไปทางซีคอน หาปั้ม ปตท. แต่ก็ไม่มีอีกเหมือนเดิม เออ.. งั้นกลับรถที่ซีคอน แล้วค่อยเติมปั้มเชลล์ล่ะกัน ไม่หามันแล้ว เสียเวลา ขับรถมาทั้งวัน เหนื่อยก็เหนื่อย อะไรก็เหมือนกันแหละ..


วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เมื่อต้องออก ตจว

เช้านี้ ต้องตื่นมาแต่เช้า ประมาณตี 4 ได้แหละ เพราะจะไปส่งน้องเจไดกลับบ้าน ตจว. แต่กว่าจะออกจากห้องได้จริงก็เกือบหกโมงเช้า นี่ขนาดขนของลงไปใส่รถไว้ตั้งแต่ตอนเย็นแล้วนะ พอถึงตลาดเอี่ยม ฯ ก็จอดกดตังค์กับซื้อหมูปิ้งสักหน่อย เผื่อหิวจะได้กินได้เลย

พอวิ่งเข้าวงแหวนตะวันออก รู้สึกว่ารถไม่เยอะเท่าไร วิ่งได้สบาย ๆ แต่จะป้ายบอกทำถนนเยอะเหมือนกัน บางทีก็วางกวรยไว้ขอบทาง แบบล้ำเส้นเข้ามา ก็มีต้องวิ่งหลบกันบ้าง ดีว่าเราออกมาเช้า ๆ แบบนี้ อากาศกำลังดี แสงแดดโผล่มากราย ๆ เลยไม่ได้มืดจนต้องใช้อาศัยไฟหน้าอย่างเดียว เพราะไม่อย่างนั้นก็อาจจะขับลำบากไปนิดเหมือนกันแหละ

วิ่งมาตั้งไกล น้ำมันเริ่มพร่องไปบ้างแล้ว เลยแวะเติมน้ำมันที่ปั้ม ปตท. น่าจะประมาณ อ. แก่งคอย ช่วงนี้มองดูราคาน้ำมันค่อยชื้นใจหน่อย ลดลงมาเยอะมาก ผมกะจะเติมสัก 600 เพื่อให้เต็มถังแต่ใส่ไปได้แค่ 440 บาทก็เติมต่อไม่ได้แล้ว ถูกกว่าที่เราคิดมาก

จากนั้นก็ขับสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ คอยหลบแต่หลุมกับรถบรรทุกเท่านั้นแหละ ขับรถวันหยุดที่ไม่ใช่เทศกาลก็ดีแบบนี้แหละ รถไม่เยอะ ไม่ต้องกังวลอะไร วิ่งซ้ายที ขวาที แต่ไม่ใช่เซเหมือยเมานะ ขับแบบนี้จะได้ไม่เบื่อหรือง่วงนอน คอยะระวังแต่ความเร็วเท่านั้นแหละ เดี๋ยวโดนส่องเอาได้ :)

พอถึงเมืองพลก็แวะเข้าโลตัส ซื้อนมกับของใช้นิดหน่อย จากนั้นก็วิ่งออกไปทาง อ. หนองสองห้อง ถนนเส้นนี้จะเป็นแบบเลนคู่ เวลาจะแซงก็ต้องเร่งเครื่องเพื่อแซงให้ได้ ไม่ยังงั้นก็ไม่พ้น มีช่วงหนึ่งที่กำลังเร่งเครื่องเพื่อจะแซงเพราะเห็นว่ารถปิกอัพคันข้างหน้ามันวิ่งช้า ๆ เหยียบมาแล้วประมาณ 120 ได้มั้ง พอดีมีรถวิ่งสวนมาอีกคัน ... เสียวมากจริง ๆ ดีที่ว่าถนนยังกว้าง พอให้รถ 3 คัน วิ่งสวนกันได้ ผมก็เลยขอผ่อนคันเร่งหน่อยละกัน อย่าไปเลย เอาให้ชัวร์ก่อนค่อยเร่งเครื่องใหม่อีกที :)

หลังจากนั้นก็วิ่งมาเรื่อย ๆ ซิ่งบ้าง ผ่อนบ้างตามจังหวะ พอถึงช่วงประมาณ ต. สำโรงมั่ง แต่แล้วก็ต้องเหยียบเบรคกันแบบจะหยุดรถให้สนิทให้ได้เลย ก็เจอหลุมกลางถนนสิครับ มีหลายขนาดมาก เล็ก-กลาง-ใหญ่มีเกลื่อนถนนไปหมด คล้ายๆ พวกอุกกาบาตลงกลางถนนยังงั้นเลยแหละ พอเจอแบบนี้ ก็ไม่กล้าซิ่งอีกแล้ว คลานเอาก้ได้อ่ะ อีกไม่ 30 โลก็จะถึงบ้านแล้ว



วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ได้เวลาล้างรถแล้ว

หลังจากที่ไม่ได้ล้างรถมาเป็นเดือนเลยก็ได้ เพราะยังเป็นช่วงหน้าฝน และฝนชอบตกทุกครั้งที่ล้างรถเสร็จแล้ว ไม่รู้สิว่าทำไม เหมือนจะรู้จังเลยว่ารถของผมล้างแล้ว ฝนจงตกลงมา ๆ .. เอาล่ะ ช่วงนี้กำลังเข้าหน้าหนาวแบบเต็มตัวแล้วและเช็คพยากรณ์อากาศเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีฝนช่วง 2-3 อาทิตย์นี้แน่นอน

ฉะนั้นบ่ายแก่ ๆ วันนี้ ผมเลยขับรถออกไปที่ปั้มคาลเทกซ์หน้าปากซอย เพื่อล้างรถสักกะหน่อย อยากไปล้างที่เชลล์เหมือนกันแต่ดูเหมือนว่าจะทำไม่ค่อยดีเหมือนที่คาลเทกซ์ แต่บางทีมันก็เอาแน่นอนไม่ได้หรอก เพราะรู้สึกว่า2-3 ครั้งที่ผ่านมา ปั้มคาลเทกซ์ก็ทำแบบลวก ๆ ไม่ค่อยสะอาดเหมือนก่อน เท่าที่สังเกตดูจะเป็นคนใหม่เกือบทั้งหมดแหละ คนเก่า ๆ หายไปเกือบหมดอ่ะ

ผมใช้เวลารอรถที่ล้างอยู่ประมาณ 20 - 30 นาทีเพราะมีคิวรอก่อนหน้าผมอีก 2-3 คัน ก็ไม่ถือว่านานหรอก แค่นิดหน่อย เพราะคนอื่นก็คิดเหมือนเราแหละ ถึงเอารถมาล้างกันเยอะ อีกอย่างเราเองก็ไม่ได้รีบอะไร เสร็จจากนี้ก็ไปซื้อของที่ตลาดสดต่อเท่านั้นเองอ่ะ .. :)


วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ยางรถที่ไม่รู้จักคำว่าแบน

เผอิญวันนี้ ว่าง ๆ เลยนั่งอ่านข่าวในไทยรัฐสักหน่อย โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่ค่อยชอบอ่านข่าวหรอก ชอบดูจากทีวีมากกว่า รู้สึกว่ามันใช้เวลามากกว่า และยิ่งทุกวันนี้ ผมว่ามีอยู่เพียง 2-3 เรื่องที่จะเจอในหน้าหนึ่งแทบตลอด อันดับต้น ๆ จะเป็นข่าวฆาตรกรรม ขึ้นมาหน้าหนึ่งตลอด ไม่รู้เป็นมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วเหมือนกัน การ แต่มีให้เห็นกันแทบทุกวัน

ต่อมาก็น่าจะเป็นการเมือง แม้ว่าจะเบื่อแสนเบื่อกับบรรยากาศแบบนี้ แต่ก็เลี่ยงเสียไม่ได้ และไม่ต้องเอาเรื่องนี้ไปคุยมาก .. โดยเฉพาะในวงเหล้า ไม่งั้นมีเลือดสาดกลางวงเหล้า ต่างคนก็ต่างความเห็น ไม่มีบทสรุปที่แนนอนหรอก สำหรับผมแล้วจะอ่านข่าวประเภทนี้นิดๆ หน่อยๆ พอเป็นยาเท่านั้น

อีกเรื่องก็เป็นประเภทบันเทิง เรื่องร้องรำทำเพลง รวมไปถึงการซุบซิบดารา แฉดาราประมาณนี้ ชอบกันจังเลย แหละ ใครจะเลิกกับใคร ใครจะแต่งกับใคร ใครไปเที่ยวกับใคร ใครกิ๊กใคร โอยย.. อีกสาระพัดที่จะสาธยายครับ

ขอกลับมาเรื่องรถบ้างดีกว่า ก็เผอิญว่าเห็นมีโฆษณาตัวหนึ่ง ที่โฆษณายาง Finixx เป็นยางที่เหยียบตะปูแล้วไม่มีแบน เออ .. ยางแบบนี้ก็มีแฮะ ลองเข้าดูที่เวบของ Finixx เองก็มีรายละเอียดเกี่ยวกับยางและวัสดุที่นำมาใช้ประกอบเป็นยางเส้นขึ้นมา รวมไปถึงแนวทางการป้องว่าทำไมตะปูถึงแทงเข้าเส้นยางไม่ได้เหมือนยางทั่ว ๆ ไป แต่เสียอย่างเดียว ไม่เป็นบอกว่ามีขายที่ไหนหรือราคาเท่าไหร เพราะอย่างน้อยจะได้เก็บข้อมูลมาเป็นตัวเลือกอีกทีหนึ่ง สำหรับคนใช้รถใช้ถนนอย่างเราๆ ท่าน ๆ ทั้งหลาย ..

- Finixx
- ไทยรัฐ


วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

นัดเปลี่ยนโคมไฟหน้า

หลังจากที่เลื่อนนัดกับทางศูนย์ฮอนด้านครินทร์ มา 2-3 ครั้ง บวกกับที่เราเองก็ไม่ค่อยสะดวกที่จะเอารถเข้าศูนย์ ฯ สักที

เช้าวันนี้ ก็ต้องออกไปซื้อของใช้ที่ซีคอนอีก เลยขอผ่อนผันไปก่อนล่ะกัน

ประมาณเที่ยงเศษ ๆ พอซื้อของใช้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลยลองโทรเข้าศูนย์ ฯ ดูสักหน่อย เผื่อนัดเอารถเข้าพรุ่งนี้ เพราะยังไงก็เป็นวันเสาร์ น่าจะง่ายหน่อย คุยไปคุยมา เลยถามตรงว่าใช้เวลาทำนานมั้ย ช่างก็บอกว่าสัก 2-3 ชั่วโมงก็เสร็จ เลยบอกให้เขาเช็คงานก่อน ว่าวันนี้เข้าได้ปล่าว คำตอบที่ได้คือ โอเคครับ งั้นไม่รออะไรอีกแล้ว วางสายเสร็จก็เตรียมเอารถไปที่ศูนย์ฯ เลย

พอไปถึงศูนย์ ฯ ก็บอกว่าเปลี่ยนโคมไฟ จากนั้นก็ทำเรื่องเอกสาร กับเซ็นต์ชื่อกำกับในเอกสารนิดหน่อย ประมาณ 20 นาที ผมก็เลยบอกเขาว่างั้นเดี๋ยวเย็น ๆ จะมารับละกัน

พอกลับมาถึงบ้าน อ้าวววว ลืมสมุดบัญชีธนาคารในรถเล่มหนึ่งเป็นของผม ส่วนอีกเล่มเป็นของแฟน .. ได้แต่ภาวนาในใจว่าคงไม่หายหรอกมั้ง คงไม่หายไปไหนหรอก เพราะมันอยู่ด้านในซอกประตูฝั่งคนขับ ... :)

ผ่านไป 2 ชั่งโมง ช่างโทรมาบอกว่ารถเสร็จแล้วครับ พี่จะมารับเลยมั้ย ผมก็ตอบไปเลยว่าเดี๋ยวไปเอาครับ ไม่เกิน 6 โมงเย็น ..

ผมใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงศูนย์ ฯ เป็นเวลาที่ไม่ได้มืดมากอย่างเท่าไร เดินเข้าไปบอกว่ามารับรถ พนักงานต้อนรับก็ขอดูเอกสาร พร้อมกับเรียกช่างให้ขับมาส่ง ... ตรงนี้รอนานมากเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าจะไม่นานเพราะคนที่รับเรื่องก็วิทยุไปฝ่ายช่างให้เอารถออกมาได้เลย ลูกค้ามาแล้วและก็ไม่ค่อยมีคนด้วย แต่ดูดีแล้วมีเหมือนว่าจะมีคิวรอนานกว่าเราก็มีแฮะ .. และเราก็น่าจะต้องรอนานสักหน่อยละมั้ง แต่เอาเหอะ... รอไปก่อนดีกว่า คงไม่นานมากหรอก ...

จนกระทั่งผมเห็นช่างขับรถออกมาจอดตรงที่จะส่งมอบรถให้ลูกค้า พนักงานที่รับเรื่องก็เรียกผมให้ไปดูที่รถ พร้อมกับอธิบายอะไรหลายๆ อย่างว่า ประมาณว่าโคมไฟเปลี่ยนให้แล้วนะ กระจกที่ฝั่งผู้โดยสารเช็ดเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อเข้ามาได้เลย ส่วนบานตูด้านในต้องรออีกสักหน่อยเพราะต้องใช้เวลาในการทำ เดี๋ยวจะเรียกเข้ามาอีกที .. ผมก็โอเคแหละครับ เพราะจริง ๆ เราไม่ได้ดูให้ละเอียดก่อนรับรถงวดที่แล้ว

จากนั้นก็ขับรถกลับบ้านสบาย ๆ แม้รถจะติดสักหน่อยตรงที่จะกลับรถหน้าศูนย์ ฯ แต่ก็ไม่มากนัก ยังพอตีไปเลี้ยวเข้าไปเลนในได้เรื่อย ๆ อ่ะ ..


วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การจอดรถที่ร้านบ้านไร่กาแฟ

ถ้าเอ่ยถึง ร้านกาแฟตรงซอยทองหล่อ ทุกคนก็ต้องคิดถึงร้านที่ชื่อว่าบ้านไร่กาแฟ เพราะเป็นจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนจากแยกทองหล่อ และนั่นแหละ หลายคนก็ชอบนัดกันมาที่นี่ เพราะเขามี wifi ไว้ให้บริการด้วย ส่วนสรรพคุณอย่างอื่น อยากรู้เรื่องอะไรบ้างลองใช้ Google หาต่ออีกทีนะครับ ผมไม่ขอกล่าวละกัน เอาเป็นว่าเรามาว่ากันต่อเรื่องการจอดรถที่ร้านนี้

ลานจอดของร้านสามารถเข้าได้ทางซอยทองหล่อเท่านั้น โดยถ้าเลี้ยวซ้ายจากสุขุมวิท เข้าไปในซอยคงไม่ถึง 10 เมตรมั้งครับ ก็จะเจอทางเข้าร้ายอยู่ขวามือ แต่ต้องจอดรอเพื่อตัดช่องกับรถที่วิ่งอยู่เลนขวา และถ้าไม่ที่ติดไฟแดงแล้วโอกาศที่ข้ามถนนเข้าร้านก็น้อยมาก ฉะนั้น ทำได้เดียวต้องรอจนกว่ารถจะติดไฟแล้วค่อยแทรกเข้าไปครับ ต้องขอบอกก่อนว่าลานจอดของร้านนั้นเล็กมาก รับรถได้แค่ไม่กี่ 20-30 คันเท่านั้นเอง แต่คนนิยมมากเหมือนกันเลยทำให้ลานจอดรถไม่ค่อยพอ

อีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ก็คือเข้าไปจอดใน Major ทองหล่อซึ่งอยู่เส้นสุขุมวิทห่างจากร้านไปไม่กี่ 15 เมตรและสามารถจอดได้หลายคันกว่า เห็นในบอกว่าจอดเป็นพันคัน เลยทำไห้สะดวกดีเหมือนกัน

นอกจากนั้นยังมีอีกที่ คือสามารถเข้าไปจอดในลานจอดรถของวัดธาตุทองได้ ซึ่งตรงนี้ก็จอดได้หลายร้อยคันเลยทีเดียว จากนั้นค่อยเดินมาที่ร้านก็สะดวกดีไปอีกแบบ

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

สีหย่นด้านในประตูข้างหลัง

วันนี้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ พอมีเวลาเอารถเข้าล้างที่ปั้มคาลเทกซ์ ซอยอ่อนนุช 39 เพราะใกล้บ้าน ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ใช่.. รู้สึกว่าเสร็จเร็วกว่าปกติ แต่เอาเหอะ เดี๋ยวต้องไปรับแฟนอีกทีเลยไม่ได้ใส่ใจมากอะไร

พอไปถึงที่ทำงานแฟนก็จอดรอที่ลานจอดรถเหมือนเดิม มาที่นี้ทีไรนะ ก็ต้องคิดเหมือนกันว่าจะมีที่จอดหรือเปล่า จริง ๆ เขาก็มีลานจอดรถของเขาเองนั่นแหละ แต่เต็มตลอด บางทีถ้าเซลล์เข้าก็ยิ่งหนัก หาที่จอดยากมาก แค่จะกลับรถยังยากเลย จริง ๆ ผมว่าเขาจอดไม่ค่อยเป็นระเบียบมากกว่า เพราะอยากจอดก็จอดเอาดื้อ ๆ แถมไม่ปล่อยเกียร์ว่างอีก เฮ้ย .. เหนื่อยใจจริงๆ กับคนพวกนี้

เอาละ บ่นพอแล้ว ขอวกเข้าเรื่องที่เจอวันนี้ก่อนดีกว่า ก็ตอนที่จอดรอแฟนที่ลานจอดรถ ว่าง ๆ ก็เลยสำรวจหน่อยว่าสภาพรถตอนนี้เป็นไงบ้าง พร้องๆ กับเช็ดร่องรอยที่เขาล้างไม่สะอาดออกไปด้วย และแล้วก็เจอเข้าจนได้ ตรงไหนทราบมั้ยครับ ลองดูจากภาพข้างล่างนะ ..


เดาถูกกันมั้ยครับ ผมขอเฉลยเลยดีกว่า ก็มุมประตูหลังด้านขวา ใช่.. ประตูข้างหลังคนขับนั่นแหละ แต่เป็นที่ข้างใน ตรงที่ติดกับแผ่นยางระหว่างประตูกับบานประตูเลยครับ เกิดอะไรขึ้นอีกละเนี่ย แต่ผมดูๆ แล้วไม่น่าจะเกิดจากการกระทำของคนหรอก เพราะว่ามันอยู่ด้านใน ตรงขอบประตูก็ไม่เห็นว่ามีอะไรขูดเลยสักนิดเดียว


วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ที่กลับรถตรงพระราม 4 อีกแล้ว

คราวนี้ตรงกอนถึงร.พ. เทพธารินท์ ตอนแรกก็เห็นหรอกว่ามีรถป้ายแดงคันหนึ่งน่าจะเป็น APV หรือ Avanza นะเพราะพวกสูง ๆ ผอม ๆ คงมีไม่กี่รุ่นหรอก ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะออกมาหรอก เพราะรถเยอะมาก อีกทั้งข้างหน้าข้างหลังของผมก็มีรถมากเหมือนกัน

แต่แล้ว มีรถอีกคันที่พึ่งจะวิ่งเข้ามา ซ้อนทางขวารถป้ายแดงคันนั้นพุ่งออกมา โอย หัวใจจะวาย มันมาแบบเร็วและแรงมาก เป็นพวกรถปิกอัพนี่แหละ ไม่ได้มองสูงขึ้นไปอีก ห่วงแต่หน้ารถของเขาว่าจะชนเราหรือป่าว มันเสียบมาแบบเร็วมาก แรงมาก อย่างไรก็ตามรถเขาคงไม่เป็นไรหรอก เพราะมีโครงเหล็กตรงกันชนหน้าบังไว้ แต่ของเราสิ ไม่อยากคิดเลย โคตรเสียวเลย !!

เลยมาได้หน่อย ก็พอดีมีที่จอดทางขวา เข้าไปนิดหนึ่ง ขอจอดดูหน่อยดีกว่า แต่ก็ว่าไม่น่าจะโดนหรอก เพราะถ้าโดนก็คงหมุนหรือมีการแตกหักกันบ้าง .. พอจอดรถแล้วก็สำรวจรอบคันสักหน่อย ก็ไม่มีอะไรหรอก แต่มันหมั่นไส้บวกกับตกใจมากกว่า พอเห็นว่าไม่มีอะไรก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วก็ขับต่อไปตามปกติ ..


วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เหตุเกิดที่ปากซอยเข้าออกหน้าบ้าน

เหตุเกิดที่ปากซอยเข้าออกแถวบ้าน หน้าบ้านนั่นแหละ พอดีวิ่งถึงปากซอย มีรถปิกอัพคันหนึ่งตีไฟจะเข้าซอย ผมก็เลยวิ่งออกมาเลยเพราะเขาข้ามเลนกลางถนนจะเข้าแล้ว ผมก็เลยวิ่งออกไปเลยเพราะ ถ้าไม่ออกก็กักทางเข้าออกอยู่แล้ว พอออกมาก็ต้องติดก่อนข้ามเส้นกลางถนนไปเพราะรถวิ่งกันมาเยอะ แต่แล้วผมก็เหลือบไปเห็นทางขวาว่ามีรถปิกอัพอีกคัน มาจอดอยู่ไกล้ ๆ เออ.. รถข้ามถนนเข้าซอย เขาไม่เหยียบเบรคบ้างรึไง เมื่อกี้เห็นอยู่ไกล ๆ แต่ทำไมตอนนี้มาไกล้แล้ว พอดีผมเปิดหน้าต่างไว้นิดหนึ่ง ได้ยินเสียงบ่นกันจัง ประมาณว่าขับรถไม่ดูซ้ายขวาหรือไง แปลกกว่านั้น ผมได้ยินเสียงผู้หญิงนั่งข้าง ๆ คนขับด่ามาด้วยมั่ง แต่ไม่สนใจแล้วอารมณ์นี้ ออกมาแล้วนี่นา กลับไม่ได้อยู่แล้ว รถทางซ้ายว่างพอดีเลยรีบบึ่งไปเลย .. ช่างมัน ฉันไม่แคร์ประมาณนั้น :)

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

เย้ .. ได้เวลารับรถแล้ว

ประมาณ 10 โมงกว่า ทางศูนย์ฮอนด้านครินทร์โทรมาบอกว่าให้ไปรับรถได้แล้ว ผมก็เลยบอกเข้าไปว่างั้นขอเป็นตอนเย็นหลังเลิกงานละกัน สะดวกกว่าเยอะ

พอตกเย็น ผมก็ออกจากออฟิซตั้ง 16.30 น. ไปต่อ BTS เลยเพราะเผื่อว่าจะได้ดูรอบ ๆ รถสักหน่อย และก็คงใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร พอลงจาก BTS ก็เดินไปหน้าคาร์ฟูร์ ตอนแรกก็กะว่าจะขึ้นสองแถวเหมือนทุกวัน คิดไปคิดมา ไม่เอาดีหว่า ขอเป็นแทกซี่เลยดีกว่า เพราะถ้าไปสองแถวก็ต้องต่อรถอีกคัน ซึ่งก็อาจจะเป็นรถแทกซี่เหมือนเดิม

ผมใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงศูนย์ ฯ รับบัตรคิว แล้วก็นั่งรอแป๊บหนึ่งพี่เขาก็เรียกเข้าคุยที่โต๊ะที่เคยคุยเรื่องประกันวันที่เอาเข้ามา เซ็นต์ชื่อ 2-3 ครั้งก็ให้ฝ่ายช่างมาคุยต่อ แน่นอนมีเซ็นต์ชื่ออีก 2-3 ครั้ง จากนั้นก็ไปแผนกจ่ายตังค์ โฮ .. โดนไปเยอะครับ สำหรับค่าเช็คระยะงวดนี้ ไม่เป็นไร จ่ายบัตรเครดิตแล้วกัน แล้วค่อยผ่อนไปเรื่อย ๆ

หลังจากนั้นช่างก็พาผมไปดูรถ ผมแทบจะไม่ได้รอยที่เคลมประกันสักนิดเลย ส่วนใหญ่ก็คุยเรื่องห้องเครื่องกับช่าง พี่ช่างก็บอกว่าถ้ามีอะไรก็บอกได้นะ ผมก็เลยตอบกลับทันทีว่า ครับ ถ้ามีปัญหาผมกลับมาแน่นอน แล้วขับออกจากศูนย์ ฯ ไปรับแฟนจากที่ทำงานต่อ .. :)

สิ่งที่ไม่ได้ทำตอนเอารถออก
- เช็ครอบตัวรถโดยละเอียด โดยเฉพาะจุดที่เคลมประกัน
- สิ่งของข้างในรถก่อนเข้าศูนย์ ฯ ว่าเหลือครบหรือไม่ แม้ว่าตอนนั้นจะเช็คดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้เอาออกหมดทุกอย่างเช่น ร่ม และอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ


วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

เอารถเข้าศูนย์ฯ

วันนี้ ตื่นมาสาย ๆ หน่อย เพราะไม่ต้องรีบไปทำงานเหมือนทุก ๆ เช้า แต่จะต้องเอารถเข้าศูนย์ไปเก็บรอยกับประกันฯ ที่กำลังจะหมดอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ บวกกับที่ต้องเช็ครอบ 2 หมื่นโลด้วย แม้ว่าจะยังไม่ครบ 2 หมื่นแบบเต็ม ๆ นัก ยังไงก็ขอเช็คสภาพรถด้วย ก็รอบแรกเราเอาเข้าไปเช็คตั้งแต่ตอน 7 พันกว่าโลเอง เพราะตอนนั้นวิ่งต่างจังหวัดเป็นว่าเล่น ประมาณว่าออก ตจว. ทุก 2 อาทิตย์เลยทีเดียว เอาไว้คราวหน้า เราลองเช็คพวกอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เป็นเองเสียก่อน อันไหนที่พอข้ามไปก็คงข้ามไปก่อน

พอเข้าไปถึงศูนย์ฯ พอจอดรถปุ๊บ ก็เห็นพนักงานมายืนรอเราที่ท้ายรถเสียแล้ว เออ.. ไวดีนะ ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่ต้องทำอะไรมากแล้วล่ะ จากนั้นก็ไปนั่งคุยกันที่โต๊ะทำงานของเขาแหละ พนักงานคนนั้นก็คีย์ข้อมูลใหญ่เลย แล้วก็สรุปค่าใช้จ่ายออกมา พนักงาน ฯ ก็อธิบายแจกแจงมาว่าเป็นค่าอะไรบ้าง .. ที่เห็นว่าหนัก ๆ ก็จะเป็นค่าน้ำมันเครื่องกับค่าล้างแอร์ โดนไป 3-4 พันบาท รวมกับค่าน้ำอื่น ๆ เข้าไปอีก บวก vat อีก 7% (เหมือนไม่เยอะหรอกนะ) โอ .. แม่เจ้า !! ตั้ง 5 พันกว่าบาท !?!?! ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ แต่ก็คงต้องเออออไปกับเขาแหละ เพราะรถเราก็ต้องดูแลให้ดีหน่อย ใช่ว่าจะขับอย่างเดียว .. มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ต้องอาศัยรถคันนี้ไปอีกนาน รักษาเขาให้ดีหน่อย .. :)

แต่ก่อนที่จะส่งมอบให้รถกับช่างฯ ขอถ่ายภาพหน้าปัดไว้หน่อย ดูว่าเข็มไมค์จะเพิ่มลดแค่ไหน ตอนที่เรามารับรถกลับบ้าน ...

เดินออกจากศูนย์ก็ประมาณ 9.20 น. พี่ยามก็ถามว่าจะเอาแทกซี่มั้ยครับ .. ไม่หรอกครับ ผมไปรถเมล์ดีกว่า ..

ก็เลยเดินไปที่ป้ายรถเมล์ กะว่าจะไปลงที่เพชรบุรีเพื่อไปต่อรถไฟใต้ดิน ..

เดินมายังไม่ถึงป้ายรถรถเมล์ด้วยซ้ำครับ อืมมม สาย 11 มาแล้วขึ้นเลย ๆ ช่วงศรีนครินทร์ก็ดูดีหรอกครับ รถวิ่งกันสบาย ไม่ติด แต่พอเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นพัฒนาการเท่านั้นแหละ ติดตั้งแต่คอสะพานข้ามแยกพัฒนาการเลย จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับกันทีละ 3 - 5 เมตร โอย อะไรจะติดขนาดนั้น!!! เชื่อมั้ยว่าผมติดอยู่พัฒนาการจน 10.15 จะออกตัวได้หน่อยก็ช่วงแยกสุขุมวิท 39 สุดยอดจริง ๆ เส้นนี้ ผมไปถึงสถานีเพชรบุรีก็ 10.30 แล้วแต่ก็คงต้องไปทำงานต่ออยู่ดี .. :P


มีรอยตำหนิที่โคมไฟด้านหน้า

เนื่องจากเมื่อวันก่อนที่ไปรับรถที่ศูนย์ฮอนด้านครินทร์ตอนเย็นเลยไม่ได้เช็คอะไรเลย แค่ถามช่างว่าเสร็จหรือยัง งานเป็นไงมั่ง แบบคร่างเพราะเย็นแล้ว พอดีเช้านี้จะเอารถออกไปหาอะไรใส่ท้องยามเช้า เลยเดินสำรวจรอบคันดูว่างานจริง ๆ เป็นไงมั่ง แล้วก็มาหยุดที่ตรงโคมไฟด้านหน้าขวา เพราะว่ามีจุดเป็นฝ้า ลองเขี่ย ๆ ดูที่รอยก็รู้เลยว่าเป็นที่ด้านใน ไม่ใช่ข้างนอกแน่นอน โอเค แบบนี้ต้องกลับเข้าศูนย์ ฯ อีกเป็นแน่

ผมเลยโทรเข้าไปที่ศูนย์ ฯ บอกอาการแล้วก็บอกว่าจะเอารถเข้าไปให้ดูที่ศูนย์เลย เพราะง่ายกว่าที่จะอธิบายทางโทรศัพท์

พอเข้าไปที่ศูนย์ก็บอกให้ดูที่ประตูฝั่งซ้ายด้วยเพราะเวลาเลื่อนขึ้น-ลงมันจะมีกาวติดขึ้นมาด้วย พร้องกับแจ้งเคลมโคมไฟหน้าด้วย แต่เอาไว้วันหลังค่อยเข้ามาเปลี่ยนอีกที


วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

มีปัญหากับรีโมต

เนื่องจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมมีปัญหากับรีโมตรถอย่างมาก กดเปิดประตูตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ ผมเลยลองเอากุญแจไปเปิดเอง .. เป็นเรื่องครับ รถผมร้องใหญ่เลย ไม่ยอมหยุดเลย เปิดปิดประตูหลายรอบก็ไม่เป็นผล ก็ต้องกดรีโมตให้สิครับ สุดท้ายก็ได้ แต่กว่าจะได้ เล่นเอาผมหัวเสียเลยทีเดียว ผมกดรีโมตไปไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยครั้ง

เย็นวันนี้ เลิกงานมาเลยขอดูหน่อยว่าเป็นแบตชนิดไหน เผื่อไปหาซื้อที่ 7-11 ไกล้ ๆ ที่ทำงานตอนเที่ยงได้บ้าง .. :)


วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

วีคเอนด์แห่งการเดินทาง (2)

10.00 น. ออกจากบ้านไรับญาติที่คาร์ฟร์ พระราม 4 เพราะเปลี่ยนจากเมื่อวานมาเป็นวันนี้แทน จากนั้นก็พากลับมาที่บ้าน แล้วออกไปทานข้าวเที่ยงกัน ไม่ได้พาไปไหนไกลหรอกครับ ก็พาไปทานก๊วยเตี๋ยวเป็ดที่ซอยอ่อนนุช 68 ขอบอกว่าเจ้านี้อร่อยครับ ไปทานที่นี่หลายครั้งแล้ว พอทานเสร็จก็จะซื้อพวกขนมที่ร้านติดมือกลับบ้านด้วยทุกที

บ่ายนิด ก็เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิกัน จริง ๆ ผมก็ไปหลายรอบแล้วแหละ และถ้าไปทีไรก็จะชอบหลงถนนหาทางตลอด ประมาณว่าต้องมี navigator ส่วนตัวติดรถไปด้วยเสมอ อิ .. อิ ..

แต่เนื่องจากว่า เราไม่ทราบเวลาที่แน่นอนว่ามาสายการบินไหน เครื่องขึ้นจากที่โน้นเมื่อไร และจะมาถึงเมื่อไร แะนั้นเราก็เลยจำยอมว่าต้องรอโดยไม่รู้อะไรเลย

จริง ๆ เรื่องรอก็ไม่เท่าไรหรอก ปัญหามันอยู่ที่หาทางลงไปชั้น 1 ตรงที่จะไปรับผู้โดยสารขาออก เพราะหาทางลงไปยากจริง ๆ บันไดเลื่อนใช้ได้แค่อันเดียว และอีกที่จะมียามยืนกั้นไว้อยู่ ให้เฉพาะพนักงานที่มีบัตรลงไป พอเข้าลิฟต์มันก็ไม่จอดที่ชั้น 1 เออ.. มันออกชั้น 1 ไม่ได้ เป็นงง ..

สุดท้ายผมเลยลงบันไดเลื่อนแล้วไปรอญาติอีกฟากหนึ่งแทน ก็ถ้าเขาออกที่ฟากก็คงต้องหากันวุ่นอีกที เสี่ยง ๆ ไปหน่อยละกัน แต่ก็นับว่าโชคเข้าข้างผมนิดหนึ่ง ญาติเขาเดินมาทางที่ผมอยู่พอดีก็เลยไม่มีปัญหาอะไร

แล้วเราก็ไปกินข้าวกันที่ร้านไก่ย่าง ระราม 9 เพราะเป็นอาหารอีสาน ประเภทก่ย่าง น้ำตก ส้มตำ อย่างไรก็ต้องขอแบบบ้าน ๆ ก่อน แม้จะไม่ค่อยหิวกันมากก็น่าจะกินได้เยอะกว่าอาหารชนิดอื่น :)

ออกจากร้านไก่ย่างพระราม 9 ได้ก็ประมาณหกโมงกว่า ๆ แต่ข้างนอกสิฝนตกซะแล้ว แถมตกหนักอีกต่างหาก เลยแวะซื้อของฝากที่ The Mall รามคำแหงก่อนสักหน่อย ซื้อของไม่เยอะหรอกครับ แต่เดินนาน เลือกกันนานมาก คนเดินตามล่ะเหนี่อยแทนจริง ๆ

หลังจากที่ได้ของฝากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปส่งที่หมอชิตใหม่แล้ว แต่กว่าจะออกก็เกือบ 2 ทุ่ม ดีนะที่เลือกออกทางด้านหลัง The Mall เพราะถ้าเลือกออกไปทางด้านหน้าเพื่อเลี้ยวขวาที่แยกคลองตันคงใช้เวลานานมาก ๆ

พอออกพระราม 9 ได้ก็วิ่งตรงไปแล้วเลี้ยวขวาเข้าวิภาวดี เรื่อยไปจนถึงหมอชิต 2 แหละครับ รถเยอะเหมือนกันแต่ไม่ไปไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีทางเลือก แบบต้องไปส่งพี่เขาอย่างเดียว

พอถึงหมอชิต 2 ก็วิ่งขึ้นข้างบน และก็นึกได้ว่ามันจอดนานไม่ได้ เลยต้องวนลงมาแล้วหาที่จอดในลาดจอดด้านหน้าแทน จากนั้นก็ขนของลงจากรถ เพื่อเข้าสู่ชานชลาสายขอนแก่น

ประมาณเกือบ 4 ทุ่มก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว พอเดินมาถึงรถ กดปุ่มรีโมท อ้าว .. ทำไมประตูไม่เปิด ผมก็กดอยู่ประมาณ 10 ครั้งแต่ก็เปิดไม่ได้ ลองเอากุญแจไปเปิดแทน ก็ได้ครับ แต่สัญญาณกันขโมยร้องไม่หยุดสิ ก็เลยเปิด ๆ ปิด ๆ ประตูอยู่นาน กดปุ่มที่รีโมทไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็ประสพความสำเร็จครับ.. กดติดสักที ลำคาญเสียงอยู่นาน ..

จากนั้นก็บึ่งรถกลับบ้านที่อ่อนนุชโดยใช้ทางด่วนไปลงที่ศรีนครินทร์เหมือนเดิม ...

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

วีคเอนด์แห่งการเดินทาง

เรื่มต้นเช้าวันเสาร์ก่อนละกัน ตอน 9.30 นาฬิกา ผมมีนัดกับคุณหมอที่โรงพยาบาลวิภาราม แต่จนแล้วจนรอด ผมไปถึงโรงพยาบาลเกือบสิบโมง สังเกตว่าวันนี้รถจะเต็มลานจอดแล้ว แต่ก็ยังวนไปเรื่อย ๆ ตั้งใจว่าจะหาที่ ๆ เคยจอดแหละ จะได้ไม่ต้องเดินไกล ผมก็งงว่าทำไมยามที่ลานตรงนั้นไม่เห็นบอกเราเลยว่ามันเต็มแล้ว เขากลับเดินไปหาที่นั่งเฉยเลย แต่ผมก้ไม่ถามอะไรมาก แบบอารมณ์เช้า ๆ นี้ไม่อยากหาเรื่อง วนรถกลับเข้าไปอีกฟากหนึ่งของลานจอด แล้วก็เดินเข้าไปรอที่หน้าห้องตรวจชั้น 4 ตามปกติ

ประมาณเที่ยงเศษ ๆ ผมก็ออกจากโรงพยาบาล และกะว่าจะไปรับญาติพระราม 4 แต่ต้องเปลี่ยนแผน คุยกันไปคุยกันมา บอกไม่มา ก็ต้องกลับมาอ่อนนุชเหมือนเดิม

พอตกเย็นประมาณ 5 โมงได้มั่ง ข้างนอกฝนตกปรอย ๆ แต่ผมก็ต้องออกจากบ้านเพื่อร่วมงานเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยที่ร้านน้องเนย หลังเซ็นทรัล พระราม 2 ง่ายสุดก็ใช้ทางด่วนครับ ไปลงดาวคะนอง ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่ดันไม่ชินเส้นทาง แทนที่จะเลี้ยวเข้าห้างตอนกลับรถ แต่ดันวิ่งลงทางราบ เลยต้องวนเข้าข้างหลังอีกไกลเลยแหละ

พอถึงที่หมายก็ต้องหาที่จอดรถเป็นอันดับแรกก่อน ชอบตรงที่ว่าที่จอดรถเยอะ บรรยากาศดี ไม่เหมือนอยู่ในเมืองเท่าไร

จากนั้นก็นั่งเล่นแถวนั้นก่อน แต่ท่าทางจะร้อนไปหน่อยเลยชะแว๊บเข้าไปเดินเล่นในเซ็นทรัลแทนละกัน แต่ยังเดินกันได้ไม่นาน เพื่อน ๆ ก็โทรมาบอกว่าตอนนี้มาถึงกันแล้ว

ขออภัย ตอนกินข้าว ไม่ขอบรรยายอะไรมากหรอกครับ ...

งานเลี้ยงก็ต้องมีเลิกลา 4 ทุ่มกว่า ๆ ก็เรียกเด็กมาเช็คบิล แต่ผมก็ไม่ได้รอจนเสร็จหรอก ก็เลยฝากตังค์ไว้ให้จ่ายค่ากับข้าวและใบส่วนลดที่พิมพ์ออกจากเนตก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะต้องเดินทางกลับบ้านอีกไกล

กลับถึงบ้านประมาณ 5 ทุ่มกว่า ๆ อาบน้ำเสร็จก็เข้านอนทันที พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางอีกนาน

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551

จะเข้าออฟฟิซอยู่แล้ว

เมื่อคืนนี้ฝนตก ตอนเช้ามาก็้ลยขอเช็ดรถรถสักหน่อย เพราะไม่งั้นหลังคารถก็คงชุ่มช่ำไปจนถึงที่ทำงานแน่นอน ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็เสร็จแล้วล่ะเพราะทำแบบลวก ๆ ไว้ก่อน เอาไว้เสาร์-อาทิตย์ค่อยล้างที่ปั้มปากซอยใกล้บ้านละกัน

สังเกตว่าเช้านี้รถมาก ติดตั้งแต่หน้า LPN คอนโดเลย ค่อยๆ กระดึ๊บมาเรื่อย ๆ จนออกจากซอยอ่อนนุช จากนั้นก็ติดตรงหน้าคาร์ฟูร์ พระราม 4 รถวิ่งกันวุ่นจริง ๆ เข้าซ้ายออกขวากันจ้าละหวั่นเลย พอหลุดจากนั้นก็โอดี

ตรงหน้าบ่อนไก่ก็ชินเสียแล้ว เพราะรถเยอะเหมือนปกติทุกวัน ไม่เคยเห็นว่ามันวิ่งชิว ๆ สักทีตรงนี้

ปัญหาจริง ๆ (เกือบมี) มันอยู่ที่หน้าออฟฟิซนี่เอง ตีไฟเข้าซ้ายตั้งแต่ป้ายรถเมล์ เห็นมีมอไซต์จอดจะออกจากซอยแล้ว จะจอดให้ก็กระไรอยู่ เพราะเรามาตรงและก็จะเข้าอฟฟิซแล้ว แต่พอหักรถจะเข้าก็เหลือบมองไปเห้นว่า มอไซต์คันนั้นออกต่อท้ายเรามา แถมจะเข้าซ้ายเราอีก ก็เลยต้องเบรคสิครับ ไม่ดันทุรังอยู่แล้ว ดีที่มากันไม่เร็ว ไม่งั้นก็โดนเข้าเต็ม ๆ


วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

ต้นกันยา ฟ้าไม่สวยเลย

ต้นเดือนกันยายนมา ฟ้าไม่ค่อยเท่าไหร่ ตื่นมาเห็นว่าฝนกำลังตกอย่างหนักเลยยังนอนรออยู่แป๊บหนึ่ง พอฝนซาลงก็อาบน้ำขับไปทำงานตามปกติ ออกจากบ้านประมาณ 6.10 น. เหมือนเดิมทุกอย่างแต่ว่าเช้าดูมึน ๆ ยังไม่รู้ดิ

ขณะที่กำลังรถรอไฟเลี้ยวขวาเข้าสุขุมวิท ตรงหน้าคาร์ฟูร์อ่อนนุช จังหวะหนึ่งที่กำลังก้มเอาน้ำมาดื่ม ก็ได้ยินเสียงโครมมม พร้อมเสียงเตือนขโมยมั่งก็ดังขึ้น เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่า รถคันที่อยู่หน้าเราก็ตีไฟจะออกขวา เลยไปชนกับมอไซต์ทที่วิ่งกลางเลนมาอย่างจัง เออ.. น่าจะเรียกว่ากลางถนนนะ รู้สึกว่าจะมีเด็กนักเรียนนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ไม่รู้เหมือนว่าทำไมรถคันนั้นก็ต้องออกขวา ไม่มีถนนที่จะเลี้ยวเข้าซอยเลย แต่ถ้าจะเข้าซอยข้างหน้า ก็ต้องวิ่งสวนเลนไปอยู่ดี ถ้าหากจะแซงคันข้างหน้าก็น่าจะออกซ้ายไปแทนเพราะไม่สวนเลน แต่ระวังมอไซต์กับรถอีกเลนเท่านั้นเอง ..

เนื่องจากว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ก็เลยตีไฟเปลี่ยนออกช่องเลนซ้าย ไปพร้อม ๆ ไฟเขียวขึ้นพอดี คราวนี้ เริ่มมีการพันตูกันอีกรอบตรงทางแยก เกลียดมากเลย พวกที่จะเบียดทางซ้ายก็มี แล้วยังมีพวกที่วิ่งเลนในจะออกอีก เอาไงดีเนี่ย .. และแล้ว เพราะมัวแต่ระวังรถใหญ่ ลืมดูไปว่ามีมอไซต์วิ่งอยู่รถปิกอัพขวามือ พอเหลียวไปเจอก็สะกิดพี่แกไปซะแล้ว คิดว่าน่าจะโดนบังโคลนหลังนะ พี่แกมีอาการสะดุดนิดหน่อย จากที่แกวิ่งช้า ค่อย ๆ แซะออกไป แกซิ่งหนีไปเลย ไม่หันมามองเลยสักนิด ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจครับ .. :)

พอถึงที่ทำงานก็ลงมาดู โอ.. มุมขวาล่างอีกแล้ว เกือบจะซ้ำรอบเดิมนะ




วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ถ้ามาแบบนี้ ผมไม่ให้เข้า

เช้านี้ออกจากบ้านก็เวลาปกติ ประมาณ 6.10 น มั้ง ออกจากปากซอยไม่ไกลมาก ก็รู้สึกว่ารถมันจะช้า ๆ ลงนะ แล้วสุดท้ายก็ถึงกับเรียกว่าจอดเลยก็ได้ ตรงปากซอยซอยอ่อนนุช 30 มีรถเก๋งกับปิกอัพชนกัน ตรงกลางถนนเลย อะไรเนี๊ย งานเข้ากันแต่เช้าเลย ...

จากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก มีสะกิดต่อมนิดหน่อยช่วงหน้าบ่อนไก่ วีออสคันหนึ่งขะเขาขวา แบบเบียดออกมาดื้อ ๆ เลย ล้ำหน้าเราไปไม่ถึง 20 เซ็นมั่ง เราก็ตามคันข้างหน้าอยู่ทิ้งช่วงห่างไม่ถึงคันรถด้วยซ้ำ ตีไฟกระพริบเสร็จะก็จะแซะเข้ามา หน้าไม่อายเอาเสียเลยนะ สะพานไทย-เบลเยียมก็อีกไกล กลับรถก็ไม่มีแน่แถวนี้ ถ้ามาแบบนี้ เสียใจครับ ผมไม่ให้เข้า ชนเป็นชนสิ เอ้า ... ให้ไปก็ได้ใจแหละพวกนี้

ตอนเย็นตอนขากลับ พอข้ามสะพานช่วงปั้มเอสโซ่ ซอยอ่นนุช 23 มั่ง ก็เห็นคุณป้าคนนึ่งจะแกข้ามถนนจากซ้ายไปขวา แกก็กำลังยืนรออยู่ตรงกลางถนนแล้วล่ะ พอมีรถวิ่งสวนมาแกก็ก้าวถอยกลับมาอีก โดยไม่ได่มองมาทางผมสักนิดว่ามีรถลงสะพานมาแล้ว จริง ๆ ผมก็บีบแตรใส่ตั้งแต่บนสะพานแล้วแต่แกก็ไม่ได้สนใจ หนำซ้ำยังถอยมาหาผมอีก ดีว่าผมไม่ได้ซิ่งมาแรงก็เลยหยุดรถแบบไม่กระชากให้หยุดมากเท่าไร แต่รถที่ตามมาข้างหลังสิ มันบีบแตรใส่อย่าแรง บีบใส่ผมหรือว่าบีบใส่คันที่มันแซกมาทางซ้ายก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมีรถเบียดเข้ามาเพื่อหลบรถที่จอดอยู่เลนซ้ายสุดอีกที เออ.. ไม่เป็นไร เอาเป็นอั๊วะไม่ชนป้าแกก็ดีแล้ว ถ้าจะโดนชนท้ายก็ยกให้ประกันคุยกันเองละก้านนน :)

วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ไฟแดงตลาดเอี่ยม

วันนี้ออกไปทำธุระที่คลองจั่น ตอนบ่ายแก่ ๆ ก็เลยได้เวลากลับบ้านแล้ว และระหว่างที่จอดรถกำลังรอเลี้ยวขวาตรงหน้าตลาดเอี่ยม ฯ ผมก็เห็นว่ารถมันตอดนานเลยจะเปลี่ยนเกียร์มา N แล้วยกเบรคมือเอาดีกว่า พอเปลี่ยนเกียร์มาที่ N ได้แล้วก็มีเสียงกึกกกก .. มาทางข้างหลัง เกียร์เลยกระโดดไปที่ R แทน อ้าว.. อะไรยังเหยียบเบรคอยู่แล้วมันจะเลื่อนไปได้ไง หันไปมองข้างหลังก็เห็นมี CRV หรืออะไรก็ไม่แน่ใจไม่สนใจหรอก ท่าทางจะจูบตูดรถเราเสียแล้ว โอ้ยยยย เกลียดจริง ๆ เลยจะโดนหนักมั้ยเนี่ยยยยย .. หันไปมองเจ้าของรถเขาก็ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ .. เดี๋ยวครับ ขอดูรายละเอียดรถผมก่อน เดี๋ยวเป็นเรื่องถ้ารถของผมพัง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็คงคุยกันอีกนาน จอดอยู่กันดี ๆ ยังมีการเลื่อนมาชนอีก

พอลงไปดูก็เห็นเลยว่าติดสนิทเลย แต่ยังดีที่ไม่มีอะไรแตกหักออกมา หันไปมองที่คู่กรณี เขาก็ยกมือไหว้ขอโทษอีกที ก็ผมมองแล้วว่าไม่น่าจะมีอะไรเสียหายมาก อาจจะเป็นรอยถลอกนิดหน่อยล่ะก็คงโอแหละ งั้นก็ยกมือรับไหว้เขาหน่อย ก็หยวน ๆ กันไปครับ ไม่มีอะไรเสียหายจนสังเกตเห็นได้ และก็ไฟเขียวแล้วด้วย

บอกตามตรงว่าลืมจดหมายเลขทะเบียนคันนั้นจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยเพราะมัวแต่อยากดูว่ามีอะไรเสียหายหรือเปล่า

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เย้ .. ราคาน้ำมันลดลงแล้ว

ช่วงนี้ คนที่ขับรถมาทำงานก็คงชอบกันเป็นแน่ ประมาณว่าหายใจคล่องสบายกระเป๋าไปสักระยะ เพราะราคาน้ำมันลดลงมาแบบสุด ๆ เท่าที่ผ่านมา แบบไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมทนโยบายใหม่ของรัฐบาล เพราะฉะนั้น วันดีคืนดี ราคาน้ำมันก็อาจจะพุ่งทะลุ 40 บาทแบบลอยนวลเหมือนเดิมได้

และผลที่เกิดขึ้นสำหรับเช้านี้วันนี้ คือรถเยอะมาก ทั้งๆ ผมก็ออกมาเช้าเหมือนเดิมหรือเช้ากว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ น่าจะประมาณสัก 6.10 น ได้แหละแต่ก็สุดยอดครับ กว่าจะออกจากปากซอยที่อยู่ได้ก็รอพักใหญ่เหมือนกัน จากนั้นก็กว่าจะหลุดจากอ่อนนุชได้ ก็ทะลักทุเล รถเยอะจริง ๆ พระราม 4 ก็เรื่อย ๆ ไม่มาก รอไปแดงที่แยกคลองเตยไม่นาน จะมาเสียเวลาหน่อยก็ตรงบ่อนไก่ จริง ๆ ชินเสียแล้วตรงนี้ก็เป็นแบบนี้ทุกที ฝนจะตก แดดจะออก ยังไงก็ติดร่ำไป :P

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

จี้ฮอนด้าหายไปไหน

เนื่องจากว่าผมใช้ใช้รถมาก็นานพอสมควรแล้ว แต่ลืมสังเกตอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือพวงกุญแจที่ใช้สตาร์ทรถอยู่ทุกวี่ทุกวัน แรกเริ่มเดิมที ก็รู้ว่ามีจี้รูปฮอนด้าเล็ก ๆ ติดอยู่ พอเย็นวันหนึ่ง ผมรู้สึกว่าพวงกุญแจมันเบา ๆ หรือมีอะไรหายไปยังไงไม่รู้สิ เลยหยิบขึ้นมาดู อ้าววว !! จี้ฮอนด้าหายไปไหน เป็นไปได้ยังไง ใครเอาไปนะ แล้วทำไมเอาแค่จี้ไปล่ะ หรือว่าเราทำหล่นเองหว่า ..


คิดไป คิดมาก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แปลกอ่ะ หายไปได้ยังไง เราใช้รถคนเดียว จะมีก็ตอนที่เอารถไปล้างที่ปั้มเท่านั้น แต่เราก็ไม่ได้เช็คพวงกุญแจทุกทีว่ามีอะไรหายไปหรือปล่าว ถ้าเอากุญแจใส่ประเป๋ากางเกง มันจะหล่นตอนหยิบพวงกุญแจออกจากระเป๋ากางเกงได้ด้วยหรือ งงครับ เสียดายจริง ๆ แม้ไม่ได้สวยเริ่ดอะไรมากมาย แต่มันก็เหมือนเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของรถของเราเลย .. คิดแล้วเสียดายไม่หายนะเนี่ย !!

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เกยท่อนปูนที่กั้นในลานจอด

เมื่อวานขับไปเกยกับท่อนปูนที่กั้นในลานจอดที่ตลาดเอี่ยม ฯ ตอนแรกก็ไม่ได้มองอะไรมาก เพราะมีรถจะเข้า ๆ ออก อยู่ 2-3 คัน เลยมองแต่รถ ไม่ได้มองพื้นลานจอด ก็เลยกะจะเสียบเข้าจอดก่อนแล้วค่อยขยับอีกที

พอวิ่งเข้าไปได้นิดหน่อย ก็มีเสียงดังกึก ๆ ใต้ท้องรถ เออ.. ต้องจอดดูก่อน ดันทุรังจะเข้าไม่ได้หรอก เลยจอดลงมาดูว่าโดนอะไร เห็นมีท่อนปูนอยู่ใต้ท้อง ขอลองดึงออกมาก่อน ก็ไม่เห็นว่าจะปีนหรือทับแบบดึงไม่ได้ น่าจะครูดท้องรถนิดหน่อยนะ พอส่องดูใต้ท้องรถก็เห็นว่าที่แผงที่กั้นใต้ท้องด้านหน้า (ใต้เครื่อง) หลุดมานิดหนึ่ง เหมือนกับว่านอตหลุดไปตัวหนึ่ง ก็โอนะ คงไม่เป็นไรมากหรอกมั้ง คิดว่าเดือนหน้าก็จะนำเข้าศูนย์เช็คด้วย

ตอนเย็นกลับถึงบ้านลองเช็คดูอีกที อ้าว มีน้ำหยดลงมา ตรงช่วงล้อคู่หน้า ล้ำไปทางล้อฝั่งซ้าย (ฝั่งผู้โดยสาร)หน่อยหนึ่ง เลยถอยรถออกมาแล้วไปดูน้ำที่หยด (เอามือแตะ) ลองดมดูก็ไม่มีกลิ่นอะไรครับ แต่ไม่ได้ชิมนะครับ :)

- สงสัยว่าเป็นน้ำอะไร? น้ำแอร์หรือน้ำระบายความร้อน?
- ขับไปอีก 1- 2 อาทิตย์ จะเป็นไรมั้ย ?
- ถ้าเครื่องร้อนจัดจะสังเกตจากไหนได้บ้าง ?

มีอย่างอื่นที่น่าจะเป็นไปได้บ้าง ก็ช่วยแนะนำด้วย ตอนแรกคิดว่าจะเอารถเข้าศูนย์เดือนหน้า อาการแบบนี้ไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไร คงเอาไปเร็ว ๆ นี้แหละครับ

อ้อ .. อีกอย่าง ผมสังเกตว่าความสูงของช่วงล่างกับพื้นทางฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับจะต่ำกว่าฝั่งคนขับมากทีเดียว วัดจากสายตาน่าจะสักคืบกว่า ๆ เอง แต่ฝั่งคนขับสูงว่าเยอะมาก อย่างนี้เป็นปกติมั้ย เอาเป็นว่าเดี๋ยวลองไปดูรถคันอื่นบ้างดีกว่า ..

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เบียดเสาไฟฟ้าไม้

ตื่นเช้ามาตอน ประมาณ 6 โมงครึ่งเพราะนอนต่อไม่ได้แล้ว คนเริ่มมาร่วมงานกันมากขึ้น พอออกมาก็เห็นว่ารถเราจอดขวามทางเดินชาวบ้านอยู่ เลยจัดระเบีบบหน่อย เลยขับเข้าไปเพื่อจอดข้างใน แต่เห็นมีรถจอดอยู่ 2 - 3 คันแต่ต้องเข้าให้ได้แหละ

ผมก็ค่อยแซะเข้าแหละ ทางซ้ายมีเสาไฟที่เป็นเสาไม้ ทางขวาก็เป็นท้ายรถตู้ที่มีโครงเหล็กหุ้มอยู่ พอพ้นได้ครึ่งคัน เลยหักเข้าซ้ายหน่อยเดี๋ยวเลยไปชนห้อนหินใต้ต้นไม้ พอหักเข้าไปได้นิดหนึ่งเลยมองซ้ายหน่อยว่าถึงยัง โอ้ละหนอ .. ล้อหลังเบียดกับเสาไฟเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้การแล้ว ขอลงไปดูว่าจะแก้ยังไงได้ แล้วก็กลับมาลองขยับซ้ายทีขวาที ไม่ดีขึ้น อืมมม เรียกคนเลยดีกว่า

พี่ป้าน้าอาก็มาดูกันเยอะแหละ ก็คุย ๆ กันว่าจะทำยังไงดี ผมก็เดิน ๆ รอบคัน คิด ๆ จะเอาไงดีหว่า พอดี เห็นกลุ่มที่อยู่ทางซ้ายรถค่อยๆ ดันออกจากเสา โอ้ ขยับได้ด้วย งั้นเลยให้ช่วยกันดันรถออกไปตรง ๆ เลย ไม่ต้องขับออกหรอก ไม่งั้นสะเกิร์ตตรงล้อพังแน่นอน พอผลักรถออกไปได้สัก 5 - 10 ซม. ก็ค่อยขับออกไปเข้าที่จอดได้ เฮ้ย ... โล่งไปที นึกว่างานเข้าแต่เช้าแล้วเชียว :P


ครั้งแรกที่กลับบ้านกลางคืน

หลังจากที่ขับรถออกจากกรุงเทพฯ โดยใช้วงแหวนตะวันออกไปลงที่บางปะอินเหมือเดิมเวลากลับบ้านอ่ะ จราจรเย็นนี้ก็วิ่งไปได้เรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุกกับรถทัวร์ครับ โอย เห็นแล้วก็น่ากลัวครับ วิ่งกันเร็วมากจริง ๆ รถเล็ก ๆ อย่างเราต้องรีบหลบไปให้พ้นทาง อย่าไปซิ่งแข่งกับพี่เขาโดยเด็ดขาด รักษาชีวิตไว้เป็นดีที่สุด ..:)

พอช่วงขึ้นเนินแถวมวกเหล็กแหละมั่ง ไม่แน่ใจ จะมีรถบรรทุกคันหนึ่งออกสีขาวหรือสีเทา ๆ นี่แหละ ซิ่งมา แบบว่าฝ่าขบวนต่างๆ ที่เขาขับตาม ๆ กันมาแบบชะลอสุด ๆ แต่พี่แกมาแรงและเร็วมาก สังเกตพี่แกเกือบจะเสยท้ายรถบรรทุกรุ่นใหญ่หลายคันเหมือกัน แต่ไม่โดนสักที แค่ทำเสียว ๆ สุดยอด ..

จากนั้นมาก็ไม่มีอะไรมาก แต่พอจะถึงทางเลี้ยวซ้ายที่แยกเมืองพล ที่จะเข้าไปทางอำเภอหนองสองห้อง เราก็ชิดขวาไว้เพราะจะเลี้ยวขวา แต่ดันมีรถเก๋งสีดำ ตีไฟใส่เรา ประมาณว่าหลบหน่อยอั๊วะจะไป วิ่งขวาแต่ขับช้าอยู่ได้ เราจะหลบก็กระไรอยู่ ก็เลยตีไฟกระพริบว่าจะเลี้ยวขวาแล้วนะ อยากไปก็แซงทางอื่นสิ ก็ให้มันรู้ไปดิว่างจะไม่เข้าใจกันบ้างเลย .. :P

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างนะ

ตอนแรกว่าจะไม่พูดถึงหรอก แต่ก็อดใจไม่ได้ ขอหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างไว้เลยดีกว่า

เช้านี้ ผมก็ขับรถมทำงานตามปกติ บนถนนเส้นเดิม ๆ คือจากอ่อนนุชมาที่สาทร แต่มีเรื่องมาเล่าก็ตรงที่กำลังจะกลับรถหน้าหน้าโรงพยาบาล BHN ตอนนั้นผมก็อยู่เลนในสุดแล้ว และมี Vios คันหนึ่งอยู่ข้างหน้าผมอีกที ถัดไปก็จะเป็นรถปิ๊กอัพ ใส่ลูกกรงหรือตะแกรงโปร่งด้านหลัง คาดว่าน่าจะเป็นรถขนของอะไรทำนองนั้น พอผมชะแว๊บเข้าเลนี่จะเลี้ยว ที่มีกรวยกั้นไว้ไม่ให้รถเข้า-ออกเลยอีก แต่รถปิ๊กอัพจะตรงไป พอดีกับว่ามีรถปิกอัพอีกคันที่ไส่หลังคาแครี่บอย วิ่งตัดหน้ารถปิกอัพคันที่อยู่หน้า vios อีกทีเพื่อที่จะกลับรถ เท้านั้นแหละคนขับรถปิ๊กอัพส่งของก็บีบแตรไล่เป็นการใหญ่ แต่เจ้าปิ๊กอัพที่ใส่หลังคาแครี่บอยก็ไม่ไปเพราะจะเลี้ยวขวา และแล้วคนขับรถปิ๊กอัพส่งของก็เปิดประตูเดินลงมาตรงไปที่รถคันที่จอดขวางอยู่เขา ตะโกนพร้อมตบมือประมาณว่าไล่ ๆ ว่าเลนนี้เอาไว้ให้รถตรงไป ตัดหน้าเข้ามาทำไม แล้วเขาก็เดินกลับมาที่รถแซะออกซ้ายไปเลย

คนขับรถปิ๊กอัพส่งของก็ไม่น่าจะวิ่งเข้ามาเลนนี้หรอก เพราะเลนนี้เขาวางกรวยไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อคนที่จะกลับรถหรือเลี้ยวขวา แต่เขาก็วิ่งเข้ามาได้ และก็เหมือนกัน คนขับรถปิ๊กอัพใส่หลังคาแครี่บอยก็ไม่น่าจะตัดหน้าเข้ามาขวางทางไว้เพราะเขาเว้นกรวยไว้เพื่อให้รถวิ่งออกจากเลนได้ ในกรณีที่รู้ตัวว่าเข้าผิดเลน ฉะนั้น ผมคิดว่าเขาผิดกันทั้งสองคน :P

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แผนที่ปั้มแก๊ซ NGV ของ ปตท

ช่วงนี้เห็นมีข่าวสำหรับคนที่มีรถใช้แก๊ซแทนน้ำมัน ชอบมีปัญหาเวลาจะเติมทีละที ที่เจอบ่อย ๆ ก็จะเป็นแก๊ซหมดกับรอคิวนานเกินไป ผมว่าเหมือนกับที่แทกซี่บ่นประจำเวลาจะเติมแก๊ซแหละครับ รัฐบาลบอกต้องส่งเสริมให้คนหันมาใช้แก๊ซแทนน้ำมัน แต่ก็ไม่ยักกะเพิ่มจำนวนปั้มเท่าไหร่ สังเกตเวลาขับรถผ่านปั้มแก๊ว ก็จะเห็นคิวยาวๆ บางทีเลยออกนอกปั้มไปเลยก็มี ..

สำหรับคนที่ชอบออนไลน์ ลองเข้าไปดูที่เวบแผนที่ปั้มแก๊ซ NGV ของ ปตท. นะครับ แนะนำว่าเช็คให้ดีก่อนครับว่าจะไปปั้มไหนดีและระหว่างทางมีปั้มอื่น ๆ หรือใกล้เคียงมั่ง จะได้เผื่อ ๆ ไว้ว่าถ้าปั้มนี้หมด ต้องไปปั้มไหนต่ออีกที จะได้ไม่เสียเวลาวิ่งหาเพราะเมื่อล้อขยับ เข็มระดับแก๊ซมันก็เริ่มลดลงไปด้วยเหมือนกัน :)

Link : http://innovation.pttplc.com/gisinfo/pttngvmaps.plex

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ติดแล้วสติ๊กเกอร์ใบแรกที่ท้ายรถ

ผมเคยคิดที่จะหาสติกเกอร์สวย ๆ สักอันมาติดท้ายรถ แต่ไม่อยากให้เป็นพวกคำพูดหรือสโลแกนยาว ๆ เพราะดูแล้วไม่สวยแถมยังดูเกะกะไปด้วยซ้ำ อาทิตย์ที่แล้วผมมีโอกาศได้เล่น iPod Touch ของน้องที่ออฟฟิซคนหนึ่ง ในกล่องก็จะมีซองๆ หนึ่งที่มีพวกคู่มือ 2 - 3 เล่มก็เลยคลี่ออกแต่ละเล่ม อ้อ.. มีสติกเกอร์สีขาวของ Apple อยู่ด้วย เท่านั้นแหละ ก็ปิ๊งไอเดียว่าเราน่าจะเอาสติกเกอร์ติดท้ายรถเรานะ

ปล่าวหรอกนะครับ ผมไม่ได้ขอน้องเขาหรอก เพราะผมคิดว่าผมน่าจะมีสติกเกอร์นี้ เพราะตอนที่ผมซื้อ iBook มาก็น่าจะมีสติกเกอร์นี้เหมือนกันนะ แต่ก็บอกน้องเขาไปว่าถ้าพี่หาไม่เจอ พี่ขอสติกเกอร์นี้นะ :P

วันนั้นกลับถึงห้องก็คิกว่ากล่อง iBook ของเราอยู่ไหนนะ น่าจะมีทุกอย่างครบ เพราะไม่เคยเก็บอะไรในกล่องทิ้งเลยน แต่จะวางไว้ไหนเท่านั้นเอง :) สรุปวันนั้นยังหาไม่เจอ เก็บไว้ในใจก่อน เดี๋ยวค่อยหาใหม่อีกที

ต่อมา ตอนบ่ายของวันอาทิตย์ ผมก็ลองหาอีกรอบ และพบว่าคู่มือ iBook และใบรับประกันทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ (ไม่น่าเชื่อนะ ผมซื้อ iBook มาตั้งแต่ปี 2004 แต่ Apple ก็แถมสติกเกอร์นี้เหมือนกัน .. แอบดีใจนิด ๆ อ่ะครับ :)

พอเก็บเอกสารและอื่น ๆ ที่เปิดออกมา เข้ากล่องเหมือนเดิม ก็เดินไปที่รถและดูว่าจะติดสติกเกอร์ที่ส่วนไหนดีที่จะทำให้ดูสวย ๆ ได้ ... ข้างหน้าคงไม่ได้หรอก ไม่เก๋เลย .. เอาล่ะ งั้นเอาตรงกลางด้านหลัง แต่เป็นช่วงบนๆ หน่อย เผื่อจะได้ไม่ถูกที่ปัดน้ำฝนปัดออกไปได้ง่าย ๆ .. แต่มันติดแน่นดีมากเลยนะครับ คิดว่ามันคงหลุดยากมากทีเดียว ...

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ที่กลับรถไกล้ ๆ สะพานไทย-ญี่ปุ่น

เมื่อวานนี้มีโอกาศได้ไปสัมมนาที่โรงแรมดุสิตธานี ใกล้ๆ กันกับสวนลุมพินี พอเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถโรงแรม พี่ยามก็เหมือนไม่สนใจเลย ถามว่าจอดตรงไหนได้บ้างก็แค่บอกให้เลี้ยวเข้าไปก่อน พอไปนิดหน่อยก็เห็นพี่ยามอีกคนยืนอยู่ แต่ไม่ยักกะเอากรวยออกให้เราเข้าจอด เออ.. แบบนี้ก็มี งั้นไปข้างหน้าละกัน ห่างจากตรงนั้นไม่ไกลก็มีรถปิคอัพจะออกพอดี เราก็เข้าเสียบพอดี แต่มันแคบไปหน่อย เข้ายากเหมือนกันอ่ะ

ผมใช้เวลาอยู่ในโรงแรมก็ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง พอเสร็จงานก็ออกมาประตู 2 ลองถามพี่ยามดูว่าตรงแยกกลับรถได้มั้ย เขาบอกว่าต้องตรงไปก่อนสัก 100 - 200 เมตรแล้วค่อยไปกลับรถได้ เราก็ต้องยอมเพราะไม่มั่นใจทางเลยเส้นนี้จริง ๆ เดี๋ยวเจอคุณตำรวจเรียกเข้าจะลำบากมากกว่าอีก ..

พอเลยไฟแดงตรงแยกสีลมตัดกับพระราม 4 ก็ชิดขวาไว้ ตรงใต้สะพานนั่นเองก็มีที่เลี้ยวขวา แถมมีป้ายห้ามกลับรถบอกด้วย อ้าววว แล้วจะทำงัยดีล่ะ เข้าเลนรขวาแล้วก็ต้องเลี้ยวขวาสิ ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ ๆ พอเลี้ยวไปได้นิดเดียวก็เจอลูกศรบอกเลนขวากลับรถได้ แล้วก็มีพื้นป้ายขวามือตรงเกาะกลางถนนไว้สำหรับกลับรถ เออ.. แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย.. จริง ๆ มันก็ต้องให้รถสายตรงแหละ แต่ว่า 4wd คันนั้นออกตัวช้าไปหน่อย เราก็เลยเสียบเข้ามาเลย จังหวะเดียวกับคันที่เลนที่ 2 ยังไม่ออกตัวมา ก็สะบายตัวไปนิดนึ่ง ไม่ต้องรอนาน ..

จากนั้นก็รักษาช่องเลนกลางไว้เพื่อเลี้ยวเข้าพระราม 4 อีกรอบและจะต้องเข้าเลนขวาเพื่อขึ้นสะพานไทย - เบลเยียมให้ได้ วันนี้ก็แปลกรถเยอะมาก กว่าจะขึ้นสะพานได้ก็นาน พอจะลงก็ติดที่คอสะพานแล้วก็ขับเรื่อย ๆ มาตลอดจนถึงสามแยกก่อนคาร์ฟูร์ ไม่รู้ทำไม รถติดไปแดงตรงนี้นานมาก คิดว่าน่าจะมีอุบัติเหตุ เห็นมอไซต์ชะเง้อคอมองไปด้านหน้าหลายคัน แต่พอวิ่งผ่านก็ไมีอะไรเกิดขึ้น .. อืมม รถติดธรรมดานี่หว่า ... :)

พอพ้นตรงแยกนั้นได้ก็วิ่งเบียดกับรถอีกหลายมาตลอด ประมาณว่าข้าก็จะไปเหมือนกันทำนองนั้นแหละ บ้าสิ้นดี รถจะเข้าจะออกแต่ละเลนก็น่ากลัว ๆ อยากเปลี่ยนเลนก็เปลี่ยนเลย ไม่สนใจว่ามีรถข้างหลังมั้ย เฮ้ย.. เหนื่อยจริง ๆ :P

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เย็นนี้ฝนตกหนักมาก

ตอนแรกมองออกหน้าต่างก็รู้เลยว่าฝนต้องตกแน่ เลยออกจาอที่ทำงานแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะพอเดินไปถึงลานจอดฝนก็เทลงมาแล้ว เออ.. ออกมาแล้วนินา ฝนจะตกก็เรื่องของฝน ไปแบบช้า ๆ หน่อยก็ได้ ไม่ต้องรีบ ...

พอถึงพระราม 4 ช่วงกล้วยน้ำไทก็ขับคู่กันมากับรถเมล์ 2 - 3 คัน ขอบอกว่าสุดยอดมาก ก็แบบทั้งซิ่งทั้งแซงใส่กันจนไม่รู้จะบอกยังไง กะจะแซงได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่มาเสียเปรียบที่รถเรามันเล็ก พอจะข้ามแยกออกจาก รพ. กล้วยน้ำไท รถเมล์วิ่งแรงจะแซงให้พ้น ๆ ไปแต่น้ำมันเยอะมาก ล้อหลังเลยทำน้ำที่ขังอยู่ถนนกระเด็นใส่หน้ารถเราจนแบบมืดมิดไปหมด โดนไปเต็ม ๆ โอ.. ไม่ได้การล่ะ เบรคไปเลยดีกว่า อย่าไปต่อกรณ์กับเขามากเลย

ต่อไปต้องระวังแล้วล่ะเวลาเจอน้ำขังตามถนนแล้วมีรถวิ่งเร็วมาเนี่ย ทำให้รถสกปรกไม่พอ ยังต้องระวังด้วยว่าจะเบียดเราแค่ไหน เพราะมองไม่เห็นเส้นแบ่งเลนกันอ่ะ ถ้ารถโดนรถนะ ลำบากกันแน่ ๆ ไม่อยากลงรถมาต่อรองเรื่องราวกันกลางสายฝนที่เย็นช่ำ แต่ใจมันร้อนรน !?!?


วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วันนี้มีงาน Commart XGen

วันนี้มีงาน Commart XGen ที่ศูนย์ประชุมสิริกิตย์ ก็เลยชวนเพื่อนไปเดินเล่นหน่อย รถติดแต่เราไม่ต้องเอารถไป ยังไงไม่ที่จอดแน่นอน เพราะเคยไปวนหาที่จอดในนั้นแต่ไม่ได้เลย เข็ดแล้วไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ถ้าจะให้ใกล้สุก็น่าจะเป็นลานจอรถที่ตรงข้ามกับตลาดคลองเตย แต่ต้องกลับรถแล้วชิดขวาให้ทัน อันแน่ไม่ชอบเลยจริง ๆ ใจไม่ด้านพอที่จะเบียดชาวบ้านเขาขนาดนั้น เอาแบบสบายก็ขึ้นรถไฟฟ้า หรือจะขึ้นรถเมล์ไปที่ตลาดคลองเตยก็โอ..

ในงานก็ดูไปเรื่อย ๆ แหละ กะจะเอา HDD สักตัวแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเอามั้ยเพราะคอมที่ใช้สเปคยังเป็น Pentium III อยู่เลย แต่มาสะดุดที่เจ้า Jabra SP5050 .. ตัวนี้เป็ฯ speakerphone ที่ผมมองๆ ไว้นานแล้วเหมือนกัน เพราะไม่ชอบแบบเสียบหู มันรำคาญ ลองถามน้องในร้านดูเขาบอกว่าราคา 2400 บาท โอ.. นี่ ดีนะที่ได้เจ้า Samsung WEP 300 เมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อน เพราะตอนนั้นกฏหมายมันไม่รออีกแล้วล่ะ เลยตัดใจเอาแบบเสียบหูแทน ก็คงได้แต่ทำตาละห้อย.. เอาไว้คราวหน้าถ้าลดลงอีก .. เอาแน่ คอยดู!!!


วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Freed ใหญ่ถูกใจครอบครัว


วันนี้ ผมมีโอกาศเข้าไปดูห้องว่าด้วยเรื่องรถของเวบ www.manager.co.th เพราะมีพูดเรื่องรุ่นใหม่ของฮอนด้าที่ออกแแบบต่อยอดมากจากแจ๊ซ ตัวใหม่นี้ทางฮอนด้าใช้ชื่อว่า Honda Freed ซึ่งจะแปลว่าอะไรนั้นก็ไม่แน่ใจ หากจะคิดง่าย ก็เหมือนกับเป็นกริยาช่อง 2, 3 ของคำว่า Free แหละครับ ลองไปเข้าไปดูได้ที่ Dictionary.Com นะครับ

ผมคิดว่ารูปทรงการออกแบบก็สวยดี รูปทรงยังไม่ฉีกแนวแจ๊ซมากนัก ดูเผิน ๆ อาจจะบอกว่าเป็นการขยายขนาดทั้งแนวกว้างแนวยาวก็ว่าได้ โดยมีการปรับแต่งภายในให้เหมาะกับการใช้เป็นรถสำหรับครอบครัวเพิ่มมากขึ้น และมีรูปแบบการจัดเบาะนั่งให้เลือกได้ทั้งแนวนอนเหมือนรถสองแถวและแนวขวางธรรมดาแบบ 8 ที่นั่ง รูปลักษณ์ภายนอกก็ยังดูสวยสไตล์ Honda Jazz คือไม่ผอมสูง เรียวบางจนเกินไป ทำให้ดูแล้วรู้สึกว่าสวยเข้ารูปไม่น้อยเลยทีเดียว :)

ส่วนเรื่องราคาที่น่าเป็นห่วงก็ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องเอ่ยถึงเพราะยังไม่ได้ถีบตัวสูงมากจนเกินไป คงเป็นเพราะเรื่องเครื่องที่ไม่ได้ใส่ไว้ให้แรงมากถึง 1800 หรือ 2000cc อย่างที่น่าจะเป็น และนั่นแหละคือกำลังเป็นที่ถกกันว่าเครื่องยนต์ขนาดเล็กแล้วต้องมาเป็นกำลังขับให้รับน้ำหนักที่มากกว่าปกติ ทำให้ต้องใช้แรงมากขึ้นหรืออย่างไร

อย่างไรก็ตาม ตัวจริงยังไม่มีโชว์ในบ้านเรา จะสวย จะเด่นและถูกตาต้องใจมากน้อยแค่ไหน หรือด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ทางฮอนด้าอาจจะไม่นำรถรุ่นนี้เข้ามาทำตลาดเมืองไทยก็เป็นได้ ต้องรอพิสูจน์กันอีกต่อไปสักกะหน่อย ...

วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

คราวนี้สะเกิร์ตหน้าโดน!!

เช้าวันนี้ออกไปทานข้าวเช้ากับแฟนที่ซอยอ่อนนุช 62 มั่ง ตอนเข้าไปในซอยก็ดูโอหรอก แต่ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก้ต้องหาทางกลับรถเอา ซึ่งไม่มีหรอก ก็คงต้องกลับรถเอาตรงไหนเท่าที่พอจะทำได้แหละ เผอิญใกล้ ๆ ร้านกับข้าวทางขวามือมีช่องเข้าอู่หรือร้านซ่อมนี่แหละ ก็เลี้ยวขวาเข้าไป แต่ยังไม่ได้เข้าไปในร้านหรอกครับพี่น้อง ..

เนื่องจากทางขึ้นมันเป็นเนินเล็ก ๆ จากถนน พอล้อรถลงร่องก่อนขึ้นเนินเล็ก ๆ นั้นก็มีเสียงครึ๊นนนน ๆ ออกมา .. อาาาา สงสัยสะเกิร์ตข้างหน้าคงโดนเข้าแล้วสิเรา เห็นเป็นอู่หน่อยก็อยากเข้าใช้บริการจริง ๆ ซะแล้ว เลยต้องรีบถอยออกมากลับรถแบบด่วนจี๋ แล้วไปจอดดูหน้าร้านก๊วยเตี๋ยวแทน เฮ้ยยย โล่งอกไปล่ะ ไม่ได้แตกหักหรือหล่นให้ดูน่าเกลียด จะจำไว้เลยว่าถ้าไม่มั่นใจอย่างเสี่ยงอะไรเด็ดขาด มันไม่คุ้มเอาเสียเลย !!!


วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

รถร่วมฯ ประท้วง

เช้าวันนี้ พอออกจากซอยอ่อนนุช สังเกตว่ามีคนรอรถเมล์กันเยอะกว่าทุกวัน และยังไม่เห็นว่ามีรถเมล์หรือรถร่วมวิ่งมาแซงสักคัน เลยเปลี่ยนจะจากฟังเพลงมาฟัง จส 100 ก็เห็นมีการพูดเรื่องรถร่วมไปประท้วงกันที่รัฐสภา ว้า .. คนใช้บริการรถเมล์ก็แย่สิครับ ถึงจะมีรถแดงวิ่งอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมไปทุกพื้นที่หรือไปได้ไม่ไกล เช่นถ้ามาจากสุขุมวิท จะไปสาทรเนี่ย ไม่มีรถแดงวิ่งครับ ต้องต่ออีกสัก 2-3 สาย ทั้ง ๆ ที่ไม่ไกลมาก แต่ถ้าเป็นรถร่วมก็จะมีอยู่ 2-3 สายได้ ที่บอกได้เพราะแต่ก่อนก็ใช้บรอการเส้นนี้ถนนประจำ จนเปลี่ยนมาขับรถเองเมื่อตอนปลายปีที่แล้วนี่เอง :)

ช่วงหลัง ๆ มาเริ่มฟัง จส. 100 บ้างเวลาเบื่อ ๆ หรือว่ารถติดเยอะ ๆ ทำไห้ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จะหลีกเลี่ยงไปทางไหนได้บ้าง ผมว่าเขาทำดีนะ จะมีสักกี่คนที่เปิดวิทยุมาฟังบ้างเในวลาขับรถ เพราะเวลาคนโทรเข้ามาจะบอกว่าตรงนั้น ตรงนี้เกิดเหตอะไรบ้าง เพราะถ้าผ่านมาทางเราก็อาจจะมองว่าใช่คันที่เขาต้องการความช่วยเหลือหรือป่าว แล้วเราจะช่วยอะไรได้บ้าง เช่นถ้าเป็นพยาบาลมาอย่างน้อยอาจจะช่วยเปิดทางให้ เพื่อให้ไปถึงมือหมอได้เร็วขึ้น แต่ส่วนใหญ่ที่จะเป็นพี่แทกซี่ทั้งหลายเท่านั้นที่ชอบฟัง นอกนั้นก็จะเปิดเพลงฟังดัง ๆ ในรถ ให้ลืมไปว่าตอนนี้กำลังสบายอยู่รถ ลดความเครียดอะไรทำนองนั้น ใส่ใจกับสังคมอีกสักนิด เพื่อให้การใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมให้ดีขี้นนะครับ

Link : www.js100.com



วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

สำหรับคนชอบฟังเพลงบนท้องถนน

วันนี้ขอพูดถึงเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนสักหน่อย ช่วงกฏหมายว่าด้วยเรื่องการโทรไม่ขับ หรือขับไม่โทรนั้นกำลังเป็นที่ฮือฮากันเหลือเกิน โดยส่วนตัวแล้วผมว่าถ้าจะเอาผิดกับคนขับรถอย่างเดียวก็คงไม่ยุติธรรมเท่าไรหรอกนะ เพราะบางทีคนเดินบนถนน คนข้ามถนนเอง ก็ยังไม่ได้ใส่ใจตัวเองเลย ประเภทว่าคุยโทรศัพท์เดินข้ามถนนแบบสบายใจเฉิ่ม แต่ไม่ได้สนใจว่ามีรถหรือมอไซต์วิ่งมาไกล้ตัวแล้ว เขาจะเดินคุยไปแบบไม่ส่นใจใครเลย ถ้าบีบแตรใส่ก็มองหน้าด่าเลยว่าไม่เห็นหรือไง มีคนเดินอยู่ประมาณนั้น ?!?!

จริง ๆ แล้วไม่ได้มีเพียงคนคุยโทรศัพท์เท่านั้นหรอก ผมว่ายังมีอีกคือกลุ่มที่ชอบเสียบหูฟังเพลงตลอดเวลา ประมาณว่ารักในเสียงเพลงมาก เปิดเพลงดัง ๆ เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงรอบข้างรบกวน เขาก็จะไม่ได้ยินอะไรหรอก กลุ่มนี้ก็เสี่ยงต่อความปลอดภัยของตัวเองเหมือนกัน!

เอาล่ะ บ่นมาพักหนึ่งแล้วขอคุยเรื่องดี ๆ บ้าง เช้านี้ได้รับเมล์มาเกี่ยวกับการณรงค์สำหรับคนเดินถนนที่ชอบฟังเพลงของตำรวจในรัฐ New South Wales ประเทศออสเตรเลีย ว่าให้ระมัดระวังหน่อย เพราะถ้าหากไม่ระวังแล้ว คุณอาจจะได้ไปนอนบนถนนแล้วตีกรอบเหมือนเวลารถชนกันได้ โดยกรอบที่ใช้ก็เป็นสายของหูฟังนั่นเอง ถือว่าเป็นการรณรงค์ที่น่าสนใจทีเดียว บวกกับมุขขำนิดหน่อยครับ

Link:
- NSW Police
- Road Safty Campaign


วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

มอไซต์ตัดหน้าตอนไฟเขียว

เช้านี้ ขณะที่จอดติดไฟแดงตรงแยกซอยอ่อนนุช 10 แต่แล้วพอไฟเขียวเปิดปุ๊บ อ้าว! มอไซต์ฉะแลบมาจากซ้าย ตัดหน้าเราเพื่อจะมารอข้ามไปทางขวา อะไรวะ ไฟเขียวแล้ว แทนที่จะขับออกไปเลย กลับหักรถออกมาตัดหน้าเรา จะเลี้ยวขวาแล้วทำไมไม่มารอเลนขวา โอ้ยยย ดีที่เห็นก่อนนะ ไม่งั้น มีกองกันต่อหน้าตำรวจในตู้ยามเป็นแน่ ไม่รู้โผล่มาได้ไง พอแกผ่านไปแล้วก็หันมามองหน้าประมาณว่าไม่เห็นรึไงมีรถอั๊วะอยู่ทั้งคันนะ เกลียดจริง ๆ พวกมอไซต์แบบนี้ แต่เอาเหอะ ต่อให้ชนจนตายมันก็ไม่รู้สึกหรอก เชื่อสิ!!!

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เกือบเสียดกับเสาที่ลานจอด

วันนี้วันจันทร์และเมื่อคืนนี้ฝนตกหนักทีเดียว ก็เลยดูแค่ขี้เกียจตื่นตอนเช้านิดหนึ่ง ลงมาก็ขอเช็ดกระจกหน้า-หลังสักหน่อย เช็ดน้ำบนหลังคาด้วย เพื่อให้ดูว่ารถสะอาดตา สบายคนดูหน่อย เลยออกจากบ้านสายไปนิดหนึ่ง พอเข้าถึงออฟฟิซ ที่จอดรถประจำเราเลยโดนจองไปซะแล้ว ต้องหาที่จอดใหม่ วิ่งวนมาจอดข้างทางขึ้นใกล้ ๆ กับเสานิดหน่อย

ตอนเย็นพอจะออกก็มีรถมาจอดข้างหน้าและช่องใกล้ที่จะหมุนตัวออก เลยต้องให้พี่ยามมาเข็นรถออกไปก่อน และเขาก็โบกให้เราขับออกมาทางซ้ายก่อน เพื่อหลบรถอีกคันก่อนจะออกซ้ายสุดไปเลย แต่พอได้จวนจะพ้นแล้ว พี่แกก็เรียกให้หยุด !!! อ้าว อะไรหว่า มองซ้ายทีขวาที โอ.. ซ้ายหลังเกือบแตะกับเสาเสียแล้ว เมื่อมองจากกระจกข้างแล้วน่าจะอีกไปม่ถึงนิ้วมั่ง ตายล่ะ ออกขวาก่อนละกันแล้วค่อยเข้าซ้ายหลบคันข้างหน้านั้นอีกที :P

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

โดนสะกิดช่วงล่างอีกแล้ว

เหตุเกิดตอนเย็น ๆ หลังเลิกงาน ขณะที่กำลังจะเข้าเทียบจอดบริเวณหน้าหอพักเหมือนทุกวัน ตอนแรกก็ปรับกระจกมองข้างลงดูขอบนิดหน่อย เออ ยังไกลอยู่นะ แต่เอาชัวร์ดีกว่า ลงไปดูหน่อยละ ก็เห็นว่ายังไกลนะ ถอยยาวมาเรื่อย ๆ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเสียดข้าง ๆ .. โอ .. เอาอีกแล้วหรือเนี่ย หันไปมองกระจกข้างขวา .... สะเกิร์ตแนบสนิทกับขอบอิฐของกระถางต้นไม้เหมือนด้านหน้าเด๊ะเลย .. ก็ต้องเดินหน้าออกมาก่อนแล้วค่อยถอยหลังเข้าใหม่อีก .. เฮ้ย ทำไจไปตามระเบียบ!!!




วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เมื่อต้องซื้อหูฟัง bluetooth

หลังจากที่เลือก ๆ มากหลายวัน แม้ว่าตอนแรกจะตั้งใจว่าจะเอาแบบ speakerphone ไว้ใช้ในรถ พอไปดูจริง ๆ หายากเหมือนกัน มิหนำซ้ำยังแพงจนไม่น่าจะซื้อเอาไว้ใช้เสียเลย จากที่เดิน ๆ ดูหลายๆ ร้านนะ บางทีคนขายทำเป็นงงใหญ่แล้วบอกไม่มีหรอกพี่ มีแต่แบบที่เปิดเสียงดังจากมือถือเลย อืมมม ไม่เป็นไรงั้นลองไปดูร้านโซนี่เลย พอไปถึงก็เจออยู่ 2 รุ่น Sony Ericsson HCB-100E มั่ง หน้าตาคล้าย ๆ กับที่โพสต์ในบลอกก่อน ๆ แต่มี LCD ให้ดูชื่อได้ ตัวนี้แพงมาก ๆ ประมาณ 4000 กว่าบาท โอ.. โน่.... และก็มีอีกตัวเป็นแท่ง ๆ จำรุ่นไม่ได้แล้ว อันนั้นก็ประมาณ 3800 บาท ดูแล้วมันยังแพงเกินไปที่จะซื้อมาใช้ได้ งั้นก็หาแบบไม่ธรรมดาก็ได้อ่ะ

สุดท้ายก็มองว่าเป็นที่เสียบหูกก็ได้ ก็มาลงเอยกับ Samsung WEP300 เพราะไม่ชอบแบบครอบหูและถูกด้วยอ่ะ อีกอย่างถ้าเป็นแบบครอบหูนั้นมันจะไม่สะดวกกับตอนใส่แว่นตาด้วย และก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ในรถมากเท่าไรนัก เพราะตามปกติก้ไม่ชอบใช้โทรศัพท์เวลาขับรถอยู่แล้ว จริง ๆ ก็แค่คุยตอนเย็นนิดหน่อย สัก 2 - 3 นาทีเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น เล็ก ๆ แบบนี้ทำให้สะดวกในการใช้ กับเบาสบาย ก็โอแล้ว :P

Samsung


วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551

เอาจริงมือถือโทร.ทางด่วน

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งจุดตรวจและจัดสายตรวจ ตรวจสอบบนทางพิเศษทุกสาย คุมเข้มการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่รถของผู้ใช้ทางพิเศษ หลังจากที่กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก และราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พุทธศักราช 2551 ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2551 นี้ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ใช้ทางพิเศษโปรดปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 400-1,000 บาท

ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เสนอร่างกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ยานพาหนะ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเรื่องดังกล่าว กทพ. ได้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ผ่านทางป้ายปรับเปลี่ยนข้อความบนทางพิเศษ (VMS) การรณรงค์ไม่โทร.ไม่รับขณะขับรถบนทางพิเศษ ผ่านป้ายผ้าที่ติดตั้งบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษทุกด่านทุกสายทางพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้บริการทางพิเศษเป็นอย่างดี และปัจจุบันสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก และราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พุทธศักราช 2551 ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกประกาศ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2551 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 400-1,000 บาท ทั้งนี้ หลังจากกฎหมายมีผลใช้บังคับ กทพ. กับ บก.จร. จะตั้งจุดตรวจและจัดสายตรวจตรวจสอบการฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยจะตั้งจุดตรวจบนทางพิเศษทุกสายทาง รวมถึงการตรวจสอบผ่านทางกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บนทางพิเศษ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือผู้ใช้ทางพิเศษตลอดจนผู้ใช้รถทุกท่าน โปรดปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด หากจำเป็นต้องใช้ โทรศัพท์ขณะขับขี่รถจะต้องใช้อุปกรณ์เสริม อาทิ แฮนด์ฟรี หรือบลูทูธ เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่านและผู้ร่วมทาง.

ที่มา: ไทยรัฐ ฉบับวันอังคาร ที่ 29 เมษายน 2551

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2551

กฏหมายการโทรขณะขับรถ

ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว ถ้ารถที่ขับแปลก ๆ แบบไม่ตรงไปข้างหน้าเหมือนชาวบ้านเขา แต่แกชอบขับแบบคล่อมเลนบ้าง ไม่สนใจรถข้างๆ หรือข้างหลังหรอกถ้าบีบแตรใส่ แกจะทำโมโห ตอบมาว่า "ไร อั๊วะ ก็ขับอยู่เลนของอั๊วะนี่หว่า" และก็เลื่อยไปตรงนั้นตรงนี้บ้าง น้านแหละ ใช่เลย มองเข้าไปในรถก็เห็นเขาทำคอเอียง ๆ ชัวร์ป๊าบบบ คุยโทรศัพท์ขับรถ!!

หลายๆ คนอาจจะติดตามกฏหมายใหม่ที่เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถกันมาตลอด ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นผลต่อทั้งคนขับและผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน เพราะนอกจะทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อทรัพย์สินและตัวบุคคล ยังทำให้เสียเวลา เสียความรู้สึก และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย เพราะฉะนั้น ก็เตรียมหาอุปกรณ์เสริมเอาไว้ใช้งานในรถไว้หน่อยก็จะดีเป็นอย่างมาก

โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมชอบแบบ speaker phone ดีกว่า เพราะดูแล้วไม่เกะกะ ไม่รำคาญที่ต้องเอาหูฟังหรือ bluetooth headset มาแนบติดกับหูตลอดเวลา อีกอย่าง มันเหมือนเราเป็นหุ่นยนต์เกินไปหรือพวก bodyguard ที่ต้องติดต่อกับนายตลอดเวลา ตอนนี้ก็มอง ๆ หลายรุ่นเช่น Sony Ericsson HCB-100, Jabra SP5050 และ Nokia Speakerphone HF-300 แต่กะลังดูราคาว่าอันไหนมันคุ้มกว่า ก็แน่นอนว่าแล้วความชอบของแต่คน ชอบแบบไหนห็เอาแบบนั้นแหละครับ ถ้าโดนตำรวจแล้วมันไม่คุ้มกันเลยจริง ๆ

Links:
- Jabra
- Sony Ericssion
- Nokia

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2551

จำลองการเดินทางบนทางด่วน

[นอกเรื่อง]วันนี้เริ่มทำงานวันแรกหลังจากที่หยุดสงกรานต์ไปหลาย แต่จริง ๆ แล้วผมเองก้ไม่ได้ไปไหนหรอก ก็ยังอยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนเดิม เพราะไม่อยากออกต่างจังหวัดเลย ยิ่งช่วงเทศกาลใหญ่ๆ แบบนี้นะ ผมว่ามันเป็นทุกข์มากกว่าที่ต้องเสียเวลาบนถนนนาน ๆ ตอนไปหรือตอนกลับ ผมว่าคนขับคงเครียดมากนะที่ต้องขับรถออกนอกเมืองแบบช้า ๆ บางทีก็มีแบบขับตามขอบถนนมาเรื่อย ๆ แล้วก็มาตัดหน้าเข้ามาดื้อ ๆ เราก็อุตส่าห์เสียเวลารอตั้งนานกว่าจะขยับไปได้แต่ละที ดันคนมาตัดหน้าเอาอีก มันรู้สึกว่าฉุน + เซ็งมาก ๆ บางทีมากจนเรียกว่าโกรธหรือโมโหไปเลยนั่นแหละ สำหรับผมแล้วจะไม่ชอบอย่างมากกับการกระทำแบบนี้ ถ้าผมเลี่ยงได้ แน่ว่าผมไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด อย่างไรก็ตามก็มีครั้งหนึ่งที่ทำแบบนี้ เพราะความไม่รู้ ลองย้อนกลับไปดูวันก่อน ๆ นะครับ เดี๋ยวจะรู้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร

เผอิญว่าวันนี้ไม่ค่อยมีอะไรทำหรือว่าเบื่อ ๆ ก็ไม่รู้สิ เล่นเนตไปเรื่อย ๆ หาแผนที่สำหรับพวก PocketPC บ้าง หาโปรแกรมเล็กๆ บ้าง (แต่จริง ๆ ยังไม่มีหรอกครับ) ก็ไปเจอบลอกเดินทางที่ได้พูดถึงการจำลองการใช้ทางด่วนในกรุงเทพ ฯ ไว้และก็มีลิ้งค์ไปทางด่วนกรุงเทพ กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยด้วย ว่าง ๆ ลองเข้าไปดูนะครับ :P

Links:
- Thailand Travel Information Blog
- บริษัททางด่วนกรุงเทพ
- การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
- แผนที่รถเมล์ ขสมก.



วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551

เย็นนี้มีเรื่องเสียว

เย็นนี้มีเรื่องเสียวอีกตั้งแต่ออกจากออฟฟิซเลยทีเดียว เรื่องก็มีอยู่ว่าตรงทางออกมีรถ ป.อ. ขับช้า ๆ มาเรื่อย ๆ พี่ยามที่หน้าทางออกก็โบกให้รถเมล์จอดพร้อมเร่งให้เราออกถนน เราก็เชื่อนะ เขาบอกให้ออกไปแล้วนี่ ตีไฟออกหน่อยพร้อมกับขับออกไปแบบสบายแหละ แต่ยังไม่ได้ข้ามเลนหรอก ยังอยู่ที่เลนซ้ายสุด กะจะขับไปเรื่อย ๆ ก่อน พอจะถึงทางแยกเลียวซ้ายข้างทิสโก้ อ่ะ มีรถออกมา เราก็ตีไปออกขวาหน่อยเพราะข้างหลังว่าง .. ชะแว๊บบบ โอ... เว้ย มีรถตู้วิ่งตัดเลนจากเลนข้างในแต่จะเลี้ยวเข้าซอยนั้น ไอ้บ้า.. มันน่ามั้ยหล่ะ เห็นแก่ตัวชิบหาย อยู่เลนในสุดแต่ดันอยากเลี้ยวเข้าซอย อยากออกก็อกกมาโดยไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ไม่รู้จะรีบไปไหนนักหนา ค่อย ๆ เข้ามาก็ได้ ดีนะที่เบรคทัน ไม่งั้นเป็นเรื่อง !!!!

มอเตอร์เวย์ฟรี 4 ด่าน เย็นนี้!

กรมทางหลวงจะยกเว้นค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ทั้ง 4 ด่าน คือ ด่านทับช้าง ด่านพานทอง ด่านลาดกระบังและด่านธัญบุรี เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. วันนี้ ไปจนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 16 เมษายน และวันนี้ กรมทางหลวง ได้ปล่อยขบวนรถจักรยานยนต์ตรวจการณ์ และรถบริการประชาชนบนเส้นทางทางหลวงในสงกรานต์


ที่มา : Manager.Co.Th

วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2551

จอดรถที่วิภาราม

เมื่อปีที่แล้ว ผมไปใช้บริการที่โรงพยาบาลวิภารามบ่อยมาก เพราะผมพาภรรยาไปฝากครรภ์ที่นี่แหละ เพราะว่าใกล้บ้านดีและไปมาง่ายสบาย ๆ จนกระทั่งภรรยาผมคลอด ผมก็ยังไปใช้บริการที่นี่หลายครั้งเหมือนกัน

สำหรับลานจอดรถที่ รพ. วิภารามนั้น ผมจัดให้อยู่ในอันดับที่เรียกว่าดีพอสมควร เพราะเขามีลานจอดรถ 2 ที่ด้วยกัน ลานจอดที่หนึ่งจะอยู่บนตึกของ รพ. เองที่ทางขึ้นลงอาจจะแคบมาก บางทีต้องตีวงให้กว้างไว้ เพราะถ้าทำมุมแคบไปรถอาจจะไปครูดกับขอบทางเดินรถได้

แต่อีกลานจอดนั้นจะอยู่ที่ด้านข้างโดยอ้อมไปทางด้านหลังของตึก ถึงจะไม่มีร่มหรือที่บังแดดแต่ก็ทำให้รถไม่ติด มีที่ว่างตลอด ประมาณหนึ่งเพราะเขามีที่จอดที่กว้างขวาง ไม่มีจุดบอดสำหรับรถเข้าออกลาดจอด นอกเสียจากว่าจะมีใครสักคนอยากจอดรถกวนชาวบ้านเท่านั้น

โดยส่วนตัวแล้วผมเลือกจอดชั้นบนแค่ครั้งแรก ๆ ที่เข้ามาใช้บริการที่นี้ นอกนั้นจอดข้างล่างตลอด เพราะขี้เกียจวนรถขึ้นตึกแค่นั้น ไม่ชอบขับขึ้นทางมันแคบครับ

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2551

เสียดกับมอไซต์

เย็นนี้ ระหว่างที่กำลังจะชิดขวาเลี้ยวเข้าซอยซ้ายมือก่อนถึงตลาดเอี่ยม ใกล้แยกอ่อนนุช ผมก็ขับช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงแก๊ก ๆ ทางด้านซ้ายของตัวรถ อ้าวววว เอาละสิโดนอะไรอีกแล้ว มองไปซ้ายมือมีมอไซต์จอดอยู่ เออ.. โดนเข้าแล้วแต่ทำไมรถไม่ล้มนะ แล้วโดนอะไรล่ะ เปิดกระจก โผล่หน้าออกไปดูหน่อย ก็ยังดูห่าง ๆ อยู่นะ แต่น่าจะโดนท่อไอเสียหรือไม่ก็ที่พักเท้ามอไซต์ครูดแล้วล่ะ เฮ้อ ... ซวยแล้วมั้ยเรา

โดนจากด้านหน้าก่อน
สุดท้ายก็ขอโทษขอโพยพี่เจ้าของรถเป็นการใหญ่ ผมก็นึกว่าฉีกออกมาพ้นแล้วนะ เขายังมาบอกว่ารถเราโดนครูดข้างล่างนะ ผมเลยบอกปัดไปว่าไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะถ้าเขาโอกับเราก็ไม่มีปัญหาอะไร :P

ที่เหยียบเท้าก็ครูดต่อ

วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551

โอ จอร์จ มันยอดมาก

เลิกงานเมื่อวานนี้ กะว่าจะออกเร็วแล้วไปรับแฟนตามปกติที่เคยทำ พอโผล่หน้าออกจากออฟฟิซประมาณ 5.15 ตอนเย็น ก็ติดแหมะอยู่กับที่เลย แล้วขยับนิดหน่อยพอให้รถสามารถอยู่แนวตรงได้ ตอนแรกก็คิดว่าจะเข้าสีลมซอย 2 ไปออกสีลมแล้วค่อยหาทางเพชรบุรี แต่ไม่ทันเสียแล้ว จากนั้นนิ่งสนิทอยู่หน้า tisco bank จะแทรกเข้าเลนขวากลับรถก็ไม่ได้ เพราะเลยแยกไปแล้ว เลยจำยอมต้องรอไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป 6.45 น. รถพอขยับไปกันได้ ไฟเขียวเปิดให้เข้าถนนวิทยุเป็นช่วง ๆ เอออ .. ก็ยังดีกว่าไม่ขยับเอาเสียเลย ผมก็เลยเล็งว่าจะไปทางถนนวิทยุแล้วค่อยเข้าเพชรบุรีดีกว่า พระราม 4 ยามนี้คงไม่เหมาะเป็นแน่ จส. 100 รายงานเป็นระยะว่าอย่าไปเลย !!

พอสุดถนนวิทยุก็เลี้ยวขวาเข้าเพชรบุรี ไปเรื่อย จนมีบทผู้ร้ายนิดหนึ่ง คือผมเห็นว่ามีรถวิ่งออกเลนขวา ยังไม่ทันดูว่ากินเลนทางขวา ก็เลยตามเขาไป จนต้องไปจอดรอก่อนขึ้นสะพานข้ามรัชดา (สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพชรบุรี) ขอโทษจริง ๆ ยังไม่ทันดูว่ากินเลนออกไปอ่ะ :P แล้วก็ขับไปเรื่อย ๆ ตามถนนเพชรบุรี รถเริ่มบางตาไปมากหลังจากผ่านแยกเข้ารามคำแหง ขับแบบสบาย ๆ จนถึงแยกเข้าถนนศรีนครินทร์ สุดท้ายถึงบ้านประมาณสองทุ่มกว่า ๆ หากเป็นแบบนี้ทุกวันคงเลิกขับรถมาทำงานแน่ ๆ สุดยอดจริง ๆ !!!!!


วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551

เปิดตัวแจ๊ซตัวใหม่

ผมคงต้องพูดถึงฮอนต้า แจ๊ซตัวใหม่หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Honda Jazz 2008 เสียแล้วล่ะ เพราะทางฮอนด้าเริ่มเปิดตัวโฆษณาทั้งทางทีวีและหนังสือ สื่อต่าง ๆ มากมายสักระยะแล้วมั้ง หลังจากที่มีข่าวคราวตามเวบบอร์ดต่าง ๆ กันมากมาย ซึ่งยังไม่เฟิร์มกันทั้งนั้น และแล้วฮอนด้าจะนำแจ๊ซตัวใหม่มาเปิดอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ที่ไบเทค บางนา ให้ชาวแจ๊ซได้ยลโฉมกัน

ผมได้ข้อมูลแบบคร่าว ๆ จาก Honda Jazz Lover เวบไซต์ หากจะถามว่าชอบแจ๊ซตัวใหม่หรือไม่ สำหรับผมแล้ว ผมซื้อรถมาไว้ใช้นาน ๆ หรือเวลาเดินทางจะไปกันกับครอบครัวและเพื่อนๆ ได้จึงไม่ได้มองมุมของความเท่ห์เลยสักนิด ฉะนั้นผมว่าเฉยๆ นะ มีการเปลี่ยนมุมมองภายนอกนิดหน่อย ไฟท้ายไม่สวยเหมือนตัวเก่า พวงมาลัยกับคอนโซลหน้าดูหรูขึ้น แต่ทำไมทำ cd player แบบ built-in ซะนี่ เพราะถ้าเสียมาคงลำบากน่าดู ..
อย่างไรก็ตาม คนเราชอบอะไรที่ไม่เหมือนกันเสมอ บางคนอาจจะบอกว่ามุมนั้นดีอย่างนี้ มุมนี้ดีอย่างนั้น แต่ละคน ก็แต่ละมุมมองครับ :)

Related Links :
- Honda Jazz Lover
- 29th Bangkok International Motor Show
- Honda (Thailand)


วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

เรื่องเสียว ๆ วันนี้

วันนี้ มีสองจังหวะที่ทำอะไรเสียว ๆ เริ่มต้นจากหน้าออฟฟิซแหละ ตามปกติพี่ยามจะให้ออกมาแค่เลนเดียว แต่วันนี้ พี่แกให้ออกมาแบบตีคู่ คงเพราะเห็นว่ารถเยอะมั้ง เลยรีบปล่อย เลยทำไห้รถแถวนั้นติดกันระนาวเลย ไม่รู้สินะ วันนี้รถเยอะจริง ๆ กว่าจะพ้นสาทรได้ก็ปาเข้าไปประมาณ 5 โมงครึ่งแล้วอ่ะ

จากนั้นก็ขับมาเรื่อย ๆ ไม่มีเสียจังหวะอะไรมากมายนัก แต่ก็มีสะดุดนิดหน่อยตอนเลี้ยวซ้ายสามแยกพระโขนงที่จะไปทางอ่อนนุช ก็รถกระบะมีหลังคาจะออกซ้ายแต่พี่แกไปไม่ได้ ติดรถเมล์เล็ก ข้างหลังเรายังมีรถเมล์ใหญ่อีก หนำซ้ำยังมีรถเก๋งอีกคันทำเสียวตั้งแต่รถออกจากไฟแดงแล้ว ก็พี่แกขับแบบเสียบไม่ได้เลือกที่เลย ขอให้มีช่อง ข้าจะเสียบซะอย่าง ..

สุดท้ายอีกอันก็คือหลังจากที่ไปรับแฟนจากหน้าออฟฟิซเธอ ก็ขับมาจะเลี้ยวซ้ายเข้าศรีนครินทร์ ซ้ายสุดก็มีรถสองแถวจอดอยู่ ส่วนด้านขวาก็มีรถกระบะจะเข้าซ้าย พอดีเราจะออกไปเพราะเห็นว่ารถกระบะเขาชะลออยู่ แต่แล้วด้วยเหตุใดไม่ทราบ เขาพุ่งออกมาข้างหน้า เราก็ต้องหักหลบดิ พอดีรถสองแถวที่ส่งคนอยู่ก็เร่งเครื่องจะออกมา โฮ... เมื่อกี้น่ะ ไม่ได้มองซ้ายหรอก เพราะเห็นว่าเขาจอดส่งคนลงรถ ก็เลยออกมา แต่กระบะดิ ไม่ยอมมห้เราพ้นมาก่อน ดันพุ่งขึ้นมาได้ แต่ยังไงก็ไม่ได้มองซ้ายอยู่ดี ก็จอดอยู่ดี จะซิ่งออกมาทำไมหน๊าาา ..

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551

โทรศัพท์ ขับรถ เกือบชน!

เย็นนี้ หวิดเกือบได้เรื่องแล้ว ตรงแยกสีลมซอย 1 มั้ง มีรถเก๋งคันหนึ่งคุยโทรศัพท์ ขับรถแบบพุ่งออกมาเลย ทั้ง ๆ ที่ตำรวจยืนคุมหน้าปากซอยบอกให้รถที่จะออกหยุดกันหมดแล้ว แกพุ่งออกมา ก็แน่ล่ะ ใครจะขับต่อล่ะ เราเลยขอเบรคพรวดเลย ข้างหลังเบรคกันสุด ๆ .. ไม่รู่แหละออกมาแบบนี้ เสียวจริง ๆ พอแกหักออกเลนซ้ายได้ก็ยกมือประมาณว่าข้าขอโทษ แต่ทราบมั้ยว่าไอ้มือข้างที่ยกมาน่ะ คือข้างที่จับพวงมาลัยอยู่ ส่วนมืออีกข้างแกยังถือโทรศัพท์คุยต่อโดยไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักนิด พอดีข้างหน้าเราก็ว่าง แกก็ยังซิ่งตัดเข้าเลนขวาสุด อีกจนได้ .. เอ็ย เบื่อพวกขับแบบนี้จริ้ง จริ๊งงงงงง

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2551

ครบหมื่นกิโลแล้ววววว..

หลังจากที่ออก MyJazz คันนี้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมเมื่อปีที่แล้ว และขณะนี้ก็วิ่งไปได้ครบหมื่นกิโลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจจะสร้างความประหลาดใจพอสมควรเพราะออกมาได้แค่ 4-5 เดือนก็พาเข็มไมล์ไปได้ไกลมากโข ทั้ง ๆ ที่น่าจะอยู่ที่ 6 เดือนหรือสำหรับบางคันนั้นอาจจะเป็นปีเลยทีเดียว เรื่องก็มีอยู่ว่าผมขับรถออกต่างจังหวัดเดือนละ 2-3 ครั้ง หรือบางทีก็ถึง 4 ครั้งเลยด้วยซ้ำ แบบว่าทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์เลยแหละ ขนาดวันธรรมดายังมีลางานอีก!!! ซึ่งจริง ๆ ผมคิดว่าจะทำแบบนี้ได้ แต่ก็มีเรื่องจำเป็นที่ต้องออกต่างจังหวัดเป็นประจำ โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยได้มีโอกาศกลับบ้านบ่อยนักหรอก นาน 5-6 เดือน หรือบางทีเป็นปีไปเลย :P

ภาพข้างล่าง ถ่ายจากมือถือขณะกำลังจะออกจากลานจอดที่ทำงาน ซึ่งเป็นตอนเย็นเลยทำให้ภาพออกไม่ค่อยจะเปอร์เฟคมากสักเท่าไร ...

ส่วนเรื่องการเข้าศูนย์ ฯ ครบหมื่นโลนั้นผมไปทำตั้งแต่ตอนได้ประมาณ 7 พันกว่าโล ประมาณต้นเดือนนี้เอง ก็ขอให้เขาตรวจเช็คเครื่องยนต์และเติมน้ำมันเครื่องให้แล้วเสร็จไปเลยดีกว่า เพราะอออกต่างจังหวัดบ่อยมาก น่าจะเกินการสึกหรออะไรหลายอย่าง วันนั้นก็ทำหลายอย่างนะ ขัดเคลือบด้วย น้ำมันเครื่องที่ใช้ก็เอาแบบสังเคระห์ไปเลย ช่างบอกรถใหม่ควรใช้ เออ .. เอาก็เอา... หมดไป 3 พันกว่าบาท เอ้กกกก แพงเหมือนกันนะเนี่ย นี่ยังไม่รวมเรื่องราคาน้ำมันที่จ่อจะขึ้นราคากันแทบทุกวัน ทุกอาทิตย์ แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังเห็นรถใหม่ป้ายแดงวิ่งกันเกลื่อนเมืองเหมือนเดิมนะ :)

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551

สนใจ pda phone ที่มี gps

ห่างหายไปนานเหมือนกัน วันนี้เลยขอพูดนอกเรื่องสักหน่อย เพราะช่วงนี้กำลังมองหาอุปกรณ์หรือของเล่นชิ้นใหม่ไว้ใช้ในรถแหละ นั่นคือ pocketpc ที่มี gps เวลาขับรถออกต่างจังหวัดหรือไปสถานที่ที่ไม่เคยไป เพราะบอกตามตรงว่า ตั้งแต่เริ่มขับรถมา ชอบมีปัญหาเวลาไปไหนมาไหนตลอด ขนาดบางทีไปจนถึงปากซอยเข้าอยู่แล้ว แต่ยังเลยไป หรือเรียกง่าย ๆ ว่าหลงทางนั่นแหละ
หากจะถามว่าตอนนี้กำลังมองรุ่นไหนอยู่บ้าง ก็มีหลายรุ่นแหละครับ เพียงแต่ตัดสินใจยังไม่ได้ว่าจะเอาตัวไหนดี โดยหลักการก็จะมองรุ่นที่มี network connectivity ให้ครบไว้ก่อนล่ะ คือขอให้มีพวก edge, wi-fi กับ bluetooth อ่ะ.. ไม่ได้กะจะใช้พร้อมกันหรอกครับ แต่ขอให้มีไว่เป็นดีสุด นอกจากนั้นที่ขาดไม่ได้เลยคือ gps ต้องมีเป็นตัวเลือตัวแรกเลย ยิ่งถ้ามีแถมอุปกรณ์ชุด car kit ก็จะดีมาก ๆ จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อให้วุ่นวายทีหลัง นอกจากนั้นก็มีในเรื่องรูปทรงที่น่าสนใจสักหน่อย ไม่ต้องหวือหวามากหรอกเพราะเอาไว้ใช้เองดีกว่า

จำเป็นไหมว่าต้องมี wi-fi ด้วย แม้ว่าจะไม่มีเนตใช้เองที่บ้านหรือหาจุด hotspot ไม่ค่อยได้มีในกรุงเทพฯ แต่ผมคิดว่ามันก็เป็นอีก network connectivity อีกช่องหนึ่งที่ควรจะมี ซึ่งจริง ๆ แล้วผมก็มี wi-fi router ตัวหนึ่งที่ฝากไว้บ้านเพื่อน เวลาอยากเล่นก้ไปบ้านเพื่อนคนนี้ประจำ ก็หวังว่าสักวันเราจะมีบ้านเป็นของตัวเอง มีเนตความเร็วสัก 1-2 mb เล่นเองที่บ้านก็จะได้สะดวกขึ้น ตอนนี้ก็เช่าเขาอยู่ไปเรื่อย ๆ ก่อน :)

ถ้าถามจริงๆ ว่ารุ่นไหนชอบสุด แรก ๆ ก็มองเจ้า asus p526 ไว้ ชอบดีไซน์ตัวนี้มาก แต่หลัง ๆ ทางasusก็ออกมาอีกหลายรุ่นแต่ไม่ประทับใจเรื่องราคาเท่าไร แพงเกินจริง นอกจากนั้นยังมีเจ้า a702 ของทาง mio ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานมาให้ที่ครบครัน ทั้งอุปกรณ์เสริมในรถยนต์มาด้วย แต่ยังติดเรื่องของราคาอยู่นั่นแหละ และยังมีหลายรุ่นจากค่าย (eten) glofiish ที่ใส่ฟังก์ชั่นครบเหมือนกันกับ mio 702 และราคาถูกกว่าตั้งหลายพัน แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องของศูนย์บริการและอุปกรณ์ที่ให้มาว่ามีอะไรมั่ง

อย่างไรก็ตาม p3300(artemis)ที่ทาง htc ออกมาพร้อมฟังก์ชั่นพร้อมเหมือนกันกับรุ่นที่กล่าวมาแต่ว่า p3300 นั่นออกตัวมานานแล้วและมีช่องเสียบ microd sd ข้างในต้องปิดเครื่องถอดแบตจึงจะเปลี่ยนการ์ดได้อ่ะ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ยังต้องรอดูราคาก่อนว่าจะสามารถไคว่คว้ามาไว้ในมือได้หรือเปล่า เพราะยุคนี้อะไร ก็แพงไปหมด เห็นได้ชัดก็นมเปรี้ยวแต่ก่อน 18 บาทมาตอนนี้ราคาถีบตัวขึ้นไปที่ 24 - 25 บาทแล้ว !!!

รุ่นใหม่ ๆ ในขณะนี้ก็มี Portege G810 ของ Toshiba ซึ่งมีสเปคแบบที่ลงตัวที่สุด แต่ยังไม่ฟันธงเรื่องของราคา กับอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจซึ่งคล้าย ๆ กันกับเจ้า a702 ของ mio ก็คือ HP iPAQ 600 Series Business Navigator ผมว่าตัวนี้ดูหนักแน่น บึกบึนกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่มีในตลาดตอนนี้ ราคาเท่ากันเด๊ะเลย ก็แน่ละ เพราะเขาพึ่งออกมาไม่นาน คงถล่มราคาสู้กันสุด ๆ เลยปีนี้

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เสียวสุด ๆ ที่หน้าคาร์ฟูร์

วันนี้ เกิดการชุลมุนวุ่นวายมาตั้งแต่ตอนเลี้ยวขวาตรงสามแยกพระโขนงที่จะไปอ่อนนุช เพราะมีรถเมล์วิ่งอยู่เลนซ้ายสุดและจะเข้าเลนกลาง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ไปเลนอื่นแน่นอน เพราะเปลี่ยนเลนวิ่งไปมานั้น ไม่ใช่นิสัยของผมแน่ ๆ ไม่เป็นไร ก็ขับไปเรื่อย ๆ แหละ ถึงช้าก็ถึงเหมือนกัน

อีกช่วงหนึ่งตรงทางข้ามถนนหน้าคาร์ฟูร์เลย มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งข้ามถนนมาจากทางขวา ซึ่งผมเองก็อยู่เลนซ้ายสุด แล้วก็มองไม่เห็นว่ามีคนจะข้าม จริง ๆ ผมจอดรอให้กลุ่มใหญ่ข้ามไปแล้วคนกลุ่มนั้นก็ผ่านไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าอีตานั้นวิ่งข้ามมาได้ไง รถที่ขับตาม ๆ กันมาก็เลยต้องเบรคกันแบบตูดโงไปเลย

หลังจากนั้นไม่นาน ห่างจากจุดเมื่อกี้แค่ไม่กี่สิบเมตร ผมเองก็ขับชิดซ้ายเพราะจะได้หลบรถที่เลี้ยวเข้าคาร์ฟูร์ คุณตำรวจยืนโบกให้รถออกจากคาร์ฟูร์ อ่ะ เลนกลางว่างครับ ผมเลยตีไฟจะเข้าขวาหน่อย เพราะข้างหน้าคนรอขึ้นสองแถวกันอยู่ ระหว่างนั้นเองมีรถอีกคันจากเลนกลางเหยียบคันเร่งออกมาจากข้างหลัง เอออ ทำไมมาแรงจัง ให้ไปก่อนละกัน แต่แล้ว .. รถคันนั้นก็โดนชนเข้าอย่างจังกับรถที่วิ่งออกมาจากคาร์ฟูร์ สังเกตเห็นว่ามีเศษยางตรงกันชนหน้าและชิ้นส่วนแตกกระจายออกจากรถแล้วก็ .. บอกคำเดียวว่าโอ โฮ... ก็ต่างคนต่างเร่งออกมาใส่กันแบบนั้น คงบุบไปเยอะแหละครับ จริงเขาก็น่าจะวิ่งกันช้า ๆ ก็ได้นะ ตอนเช้าตอนเย็น ตรงนี้มีรถเยอะ มีคนมากมาย เดินกันขวักไขว่

บอกตามตรงว่า นี่เป็นการชนที่ประชิดตัวมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เพราะทุกครั้งจะเห็นแค่ร่องรอยการชน หรือการเก็บซากเรียบร้อยแล้ว แต่งานนี้ อยู่ห่างออกไปไม่เกินศอกเกินวา ตอนแรกก็กะจะลงไปดูเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าไม่มีอะไรกระเด็นมาหรือพาดพิงมาถึงรถเราเลย อีกอย่างจะเข้าทำนองธุระไม่ใช่ ก็เลยปล่อยเขาไป ขับออกมาแบบช้า ๆ เหลือบไปดูเป็นระยะ ๆ แต่ก็มีรถอีกคันตามมาเรื่อย ๆ นะ :P

ภาพจำลองเหตการณ์



วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เมื่อตอนออกจากหอพัก

เมื่อเช้า ตอนจะออกจากหอพัก ลุงยามก็ช่วยเราเข็นรถรถปิกอัพที่จอดตรงกลางไปทางข้างหลัง นิดหนึ่ง เพราะเราจะได้ออกง่าย ซึ่งตอนแรกเราก็บอกลุงว่า ขอเลื่อนแค่มอไซต์ที่จอดเรียงข้างหลังเราก็น่าจะพอ แกก็บอกว่าเอาปิกอัพง่ายกว่า

แล้วเราก็ช่วยลุงยามเข็นรถคันนั้นออกไปหน่อย จากนั้นเราก็ขยับรถออกมาซอกน้อย ๆ ที่จอดประจำ ได้อย่างทุลักทุเลเหมือนกัน มันออกยาก ๆ ยังไง ไม่รู้สิ บางวันก็ออกง่าย ๆ บางวัน ต้องถอย ๆ เดินหน้า กว่าจะออกได้อ่ะ แต่แล้ว ขณะที่เรากำลังจะลงทางลาดเข้าเข้าลานจอดของหอ ก็ได้ยินเสียงดัง แข๊วกกกก ขึ้นมาแบบชัด ๆ เลย ที่ได้ยินเสียงชัดเพราะเราชอบเปิดหน้าต่างเวลาเลื่อนรถออกตลอด เอ๊ะ เสียงอะไรเหรอ รถเราก็ไม่ได้ชิดจนชนหรือเบียดกับอะไรนี่นา ซ้ายก็ห่าง ขวาก็ห่าง เออ.. แล้วเสียงอะไรหว่า ... :)

พอมาถึงที่ทำงานก็ลงสำรวจรอบคันเหมือนเช่นเคย ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ .. เดี๋ยวกลับไปดูที่หอ เย็นนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือมีรอยข่วนมุมไหนบ้าง

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ขับรถไม่ดีเอาเสียเลย

ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา จากที่สังเกตตัวเอง รู้สึกว่าจะขับรถไม่ดีเอาเสียเลย เบรคแล้วเหมือนรถสะดุด จะเปลี่ยนเลนก็แปลก ๆ อย่างเมื่อวานตอนเช้า จะเปลี่ยนเลนเข้าขวา ตอนนั้นจริง ๆ เราเข้าไปได้จนจะเข้าเลนอยู่แล้ว แบบล้อขวาเข้าไปแล้ว แล้วคาบเส้นอยู่ พอดีมีรถวิ่งมาข้างหลัง ตีไฟใส่ เออ ... อยากไปก็ให้ไปว่ะ แต่สุดท้าย เลยไฟแดงเขาก็ออกเลนซ้ายอยู่ดี เราก็ต้องกลับมาเลนขวาสุด เพราะจะเลี้ยวขวากลับรถเข้าทีทำงาน เขาก็แค่อยากวิ่งเร็วช่องเลนใน เฮ้ยยย เบื่อพวกแบบนี้ เวลาขับรถ...

เย็นวานนี้ ตอนกลับจากที่ทำงาน ก็วิ่งพระราม 4 ไปเรื่อย ๆ แหละ สะดุดนิดหน่อยตรงหน้าปั้มเอสโซ่ พระราม 4 มีรถบีบแตรไล่หลังมา ก็ไม่รู้ทำไมนักหนา ที่เราติดตรงนั้นเพราะมีรถจะเข้าปั้มแล้วเขายังเข้าไม่หมด ไอ้เราจะซิ่งออกไปก็จะไปเสยท้ายปิกอัพคันนั้น เลยขอจอดนิ่งดูอาการดีกว่า คันข้างก็บีบแตรไล่จัง พอวิ่งเลยมายังขับรถมาขนานเราดูอีก ดีนะ ยังคิดได้ ไม่งั้นหักหน้ารถเข้าหาให้เบรคหน้ากระแทกไปเลย หมั่นไส้อ่ะ ไม่รู้จะรีบไปไหน :O

พอหลุดออกมาก็สังเกตรถเริ่มเยอะเลยจะออกสุขุมวิทสักหน่อย เพราะตำรวจจะปล่อยรถเส้นตรงนานกว่า แต่พอไปจริง ๆ โอยยยย เจออะไรที่วุ่นวายน่าดูเลยครับ ก็พอดีมีรถทัวร์ รถเมล์วิ่งกันเยอะแยะไปหมด เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว ออกมาแล้วนี่นา .. เลยจำเป็นต้องขับเข้าเลนในสุดค่อย ๆ เบียดมอไซต์นิดหน่อย ตีคู่กับพวกรถใหญ่ไปเรื่อย ๆ จนถึงแยกพระโขนง ค่อยหายใจสะดวกหน่อย เพราะเขาวิ่งช้า และติดมุมรถจะเลี้ยวซ้าย เลยออกตัวไม่ได้ แน่นอน ผมก็ชิ่งหนีไปก่อน อย่างน้อยตอนสะพานข้ามไปอ่อนนุชให้ดูโล่ง ๆ หน่อย ไม่งั้นหายใจไม่คล่อง :P

เช้านี้ก็มีอีกแล้ว ช่วงหน้าบ่อนไก่ เราตีไฟจะออกเลน 2 ทางซ้าย แต่เขาไม่ยอมให้เราออกมา ขับเล่นกวนอยู่นั่น เอาว่ะ ตัดสินไปตัดคันข้างหน้าให้เบรคกันป่วนไปเลย เบื่อ ๆ อารมณ์แบบนี้จริง ๆ ตัวเองไม่ออกไม่ตั้งใจขับ แค่อยากทำอะไรกวน ๆ กันที่ข้างหน้าไว้เยอะ ๆ ก็ไม่รู้ทำไม ?!?!


วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วันที่ขับรถระยะทางไกลที่สุด

เมื่อวานนี้ ถือว่าเป็นวันที่ผมเองขับรถเป็นระยะทางไกลที่สุดภายในหนึ่งวันเท่าที่ขับรถมา นั่นคือขับออกจากกรุงเทพ ฯ ตอนเช้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัด เสร็จแล้วก็ขับรถเข้ากรุงเทพ ฯ อีกทีในตอนบ่ายซึ่งรวมระยะทางแล้วประมาณเกือบ 900 กิโลเมตร อีกอย่างสภาพบรรยากาศวทั้งวันก็ไม่ได้โปร่งใส ให้สบายใจเลย มืดครึ้มเกือบทั้งวัน

เริ่มตอนเช้าตรู่ที่ออกจากกรุงเทพฯ เลี้ยงเข้าวงแหวนรอบนอกก็เจอฝนหนักเหมือนกัน พอผ่านไปก็ยังมีฝนตกปรอย ๆ ตลอดจนเข้าเขตจังหวัดขอนแก่นค่อยซาลง จนเจอดินที่แห้งกรอบเหมือนเดิม ๆ มิน่าอีสานถึงได้แห้งแล้งจริง ๆ ฝนตกไม่ทั่วฟ้าแบบนี้ :)

พอถึงบ้านก็พักกินข้าวเที่ยงก่อนสัก 2 ชั่วโมงได้แหละ ก็ต้องเตรียมตัวออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แล้ว เรียกได้ว่าแทบจะได้พักผ่อนเลยสักกะติ๊ดดด ... ดีหน่อยที่รถไม่เยอะเหมือนวันหยุดเลยขับสบายกว่าเป็นไหน ๆ แซงรถบรรทุกก็หายห่วงแล้ว ยังไงก็ขอจองเลนกลางไว้ตลอด ใครอยากแซงก็ปล่อยเขาไป ...

และแล้ว .. คุยเพลิน ลืมเลี้ยวซ้ายเข้าวงแหวนรอบนอกช่วงบางปะอิน งงครับ ลืมได้ไง จนวิ่งเลยเข้ารังสิต เอาไงดีละ เวลาเย็น หลังเลิกงาน รถเยอะ แน่ ๆ ลองขึ้นทางด่วนดีกว่า เสียตังค์หน่อย อยากลองด้วยว่าจะเป็นยังไง ไม่เคยขึ้นทางด่วนเลยตั้งแต่ขับรถมาตลอด 2-3 เดือน

สุดท้ายก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่ศรีนครินทร์ แต่ไปลงพระราม 9 แทนเพราะไม่แน่ใจว่าจะลงที่ศรีนครินทร์ช่วงไหน พอจะขึ้นสะพานวนเข้าศรีนครินทร์ ก็เลยตาสะว่างว่า ทางด่วนเมื่อกี้มันวนมาลงตรงนี้นี่เอง :P


วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

แวะเติมลม

เย็นนี้ออกจากที่ทำงาน เร็วนิดหนึ่ง เพราะมีฝนตกลงมาปรอย ๆ คาดว่ารถน่าจะติดแน่ถ้าออกหลัง 5 โมงเย็น และก็จะไปเช็คลมของยางรถด้วย ขับรถมานาน แล้วไม่เคยทำเองเลยสักกะที ให้แต่เด็กปั้มเช็คให้เวลาเติมน้ำมันตามปั้มอ่ะ

พอมาถึงปั้มเอสโซ่ พระราม 4 ก็แวะเข้าไปจอดข้างจุดเติมลม ที่อยู่ด้านขวาของปั้ม พอจอดรถดับเครื่องก็เดินเข้าไปกดเลขที่หัวปั้มเติมลมไปไว้ที่ 32 แล้วก็ดึงสายออกมาเสียบเข้าล้อหน้าซ้ายมือก่อน โอ... หน้าจอขึ้นบอกว่า 28 เอง เอออ ... มิน่าละดูมันอ่อน ๆ ยังไงไม่รู้ อัดเข้าไปให้อยู่ที่ 32 แล้วก็มีเสียงที่หัวเติมลม ติ๊ด ๆ ตัวเลขก็กระพริบ ปริบบ โอเค พอแล้ว เปลี่ยนไปอีกล้อข้าง ..

พอเสร็จคู่หน้า เห็นมีมอไซต์มารอ 2 - 3 คันเลยบอกให้พี่เขาเอาไปก่อน ขอเวลาหมุนหัวจุกอัดลมไว้ก่อน ดูเหมือนว่าล้อซ้ายจะมีปัญหา หมุนยากเหลือเกิน .. กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาสัก 10- 15 นาที ขับรถออกจากปั้มกลับห้องที่อ่อนนุช เหมือนเดิมคร๊าบบบ...


วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ฝนจะตกเมื่อล้างรถ

เมื่อวานไปซื้อผ้าชามัวร์ที่เสรีเซ็นเตอร์ กะจะเอาติดรถไว้เผื่อว่าง ๆ จะได้เอาน้ำสักถัง สองถังที่หอพักมาล้างรถเอง เข้าไปล้างตามปั้มต่าง ๆ บ่อยเกินไปก็ยังไงอยู่ อย่างน้อยจะได้ลองทำเองบ้าง แต่ไม่ได้ล้างแบบเอาจริง เอาจังขนาดนั้นหรอก แค่เบา ๆ พอให้ฝุ่นที่เกาะเวลาฝนตกมันหายไปบ้าง ไม่ใช่เลอะ จนเรียกว่าเขอะไปเลยมั่ง :)

พอกลับถึงหอพักก็จอดรถด้านนอก เตรียมข้าวของเสร็จก็หิ้วกระป๋องน้ำลงมาจากห้อง จัดการพรมน้ำให้ทั่วรถ แล้วก็เอาผ้าชุบน้ำเช็ด ๆ ให้ฝุ่นออกหน่อย พอน้ำที่หิ้วลงมาด้วยหมดก็ไปหยอดเหรียญที่ตู้กดน้ำดื่มนั้นแหละ ไม่ได้ขึ้นห้องไปเอาข้างบน เสียเวลาเดินทางอ่ะ ยอมรับว่า พึ่งจะรู้ว่าการล้างรถ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่คิดไว้เลย กว่าเสร็จได้ก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลยแหละ

ตื่นเช้ามา ออกมายืนดูระเบียงห้อง อ้าววว เมื่อคืนฝกตก!!! เจ็บใจจริง ๆ อุตส่าห์ทำความสะอาดเมื่อวานไปหยก ๆ วันนี้ตกอีกแล้ว ว่าจะเช็ดรถอีกรอบ แต่ไม่ดีกว่า เผื่อมีฝนอีก เพราะดูฟ้าจะมืดครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะเทลงมาอีกรอบ :P

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551

ชนเสาตอนเข้าจอด

บ่ายนี้ เราก็ลางานพาคุณแม่ไปหาหมอที่คลีนิค แถวสวนหลวง ซึ่งตอนเข้าจอดรอบแรกที่ไปส่งไว้ที่คลีนิคก็ดูดี พอออกไปซื้อของที่เสรี ฯ ประมาณชั่วโมงกว่า ก็กลับมาที่คลีนิคเหมือนเดิม


เราก็วิ่งเข้าไปที่ลานจอดเหมือนรอบแรก แต่คราวนี้รู้สึกว่าจะเสียบหัวเข้าไปไม่ลึกมาก พอถอยหลังจะเข้าซอง ก็หมุนล้อไม่หมด เลยทำให้ ข้างหลังไปชนกับเสาเข้า ได้ยินเสียงกึก กึก .. เอ้ย ไม่ได้การเเล้ว ชนซะแล้วละครับ โชคดีที่พอชนปุ๊บ เหยียบเบรคทัน ไม่งั้นเละกว่านั้นเป็นแน่

จอดเสร็จก็รีบกรูไปดูท้ายรถ โอ.. ยังพอให้อภัยได้ เพราะไม่ได้เป็นรอยมาก ถึงแม้ว่าเสาจะบิ่นไปจนเนื้อเสาหลุดติดอยู่ที่กระโปรงท้ายกับสะเกิร์ตหลัง

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551

เกือบจะชนกับแทกซี่

เช้านี้ ช่วงถนน 4 เลนหน้าบ่อนไก่ เขตคลองเตย เราก็ขับอยู่เลน3 กลางถนนแหละแต่ใกล้จถึงทางเลี้ยวซ้ายเข้าสาทร เลยตีไฟจะออกเลนข้างเลนรถเมล์ พอคล่อมเลนไปได้นิดเดียว รถแทกซี่ที่วิ่งตามหลังรถเมล์ก็ออกมา เกือบจะชนกับรถของเรา

จริง ๆ แล้วหน้ารถเราไปใกลจากเขาแล้วตีเขายังจะพุ่งออกมา เราก็ชะลอรถหน่อยหนึ่ง กะจะดูอาการก่อนแล้วค่อยขยับ เขาก็หยุด อ่ะ โอเค งั้นเราออกตัวเลยละกัน เปล่าครับ เขายังจะพุ่งออกมาอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาไม่ยอมให้เราออกตัวไปก่อน เพราะตัวรถเราก็ผ่านรถของเขาไปได้เกือบทั้งคันแล้ว

จากนั้นค่อยขับออกมาจากเลนนั้น เพราะรถเมล์เขาไม่ซิ่งออกมาจากเลนนั้นแน่นอน สุดท้าย เราเปลี่ยนใจไมเข้าตรงนั้น ขับเลยไปข้างหน้าแล้วค่อยตีไฟเข้าเลนซ้ายอีกที ง่ายกว่ากันตั้งเยอะ :)

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551

เจอด่านตรวจรถที่โคราช

บ่ายนิด ๆ เมื่อวานนี้ ตอนขากลับจากต่างจังหวัด จะเข้ากรุงเทพฯ ช่วงเลี่ยงเมืองโคราช มีตำรวจตั้งด่านตรวจรถอยู่ ก็ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน เขาก็เรียกให้เราจอด แล้วคุณตำรวจนายหนึ่งเดินมาขอดูใบขับขี่ เสร็จแล้วแกก้ขอดูท้ายรถ อ่ะ...ไม่มีปัญหาครับ จัดให้ ... ผมก็ลงจากรถ ไปเปิดท้ายให้เขาดู พอเปิดออกมาก็จัดแจงชี้บอกว่านี่ คืออะไร ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ อยากทราบมั้ยว่าข้างหลังรถของผมมีอะไรมั่ง 555

พอผมเปิดประตูหลังรถออกมาเขาก็คงขำอยู่บ้างล่ะ เพราะมันเต็มแบบสุด ๆ มุมทางขวาก็มีข้าวสารใส่ถุงพลาสติก สัก 10 กิโลได้มั่ง ข้างๆ กันก็มีกล้วย 2-3 หวี และก็มีมะพร้าวที่ปลอกแล้ว 2-3 ลูกที่เพื่อนเขาเอาติดรถมาด้วย ส่วนตรงกลางผมวางกระเป๋าเดินทางสีแดงคั่นไว้ ลึกเข้าไปหน่อยก็จะเป็นกรอบรูปขนาดใหญ่ 3-4 อันวางไว้ในแนวตั้งชิดกันเบาะด้านหลัง ซ้ายสุดก็มีชุดเจ้าสาวที่เพื่อนเขาฝากมาด้วย พร้อมรองเท้าของแฟนอีก 2-3 คู่

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะตรวจอะไรอีก แต่ก็คุยกันได้สักพัก เขาก็บอกว่าอย่าขับกลางคืนนะเพราะยังเป็นป้ายแดง อาจโดนจับได้ อันนี้ผมทราบดีอยู่แล้วขอรับท่าน ...

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2551

เบรคกลางแยกไฟแดง

เย็นนี้ออกเร็วกว่าเมื่อวาน คือออกจากออฟฟิซประมาณ 5 โมงเย็นนิด เพราะมีเพื่อนจะไปลงที่พระราม 4 ด้วยสองคน ใจจริงก็อยากออกตั้งแต่ 4 โมงครึ่งแล้ว ก็เมื่อเช้ามาแบบเช้ามากกก.. แต่ก็ยังดี ไม่ค่อยมีผลมาก รถติดช่วงจากออกจากออฟิซ และเข้าเลี้ยวขวาเข้าพระราม 4 แต่สิ่งที่ไม่ค่อยชอบก็ตรงรถวิ่งกันไม่เป็นระเบียบ แบบอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนเอาดื้อ ๆ รถเมล์คร่อมเลนมายังบีบแตรไล่หลังอีก ไม่รู้จะรีบไปไหน

จากนั้นก็ที่เดิม ตรงแยกจะเลี้ยวขวาไปอ่อนนุช น่าจะเรียกว่าแยกพระโขนงนะ มีเหตุต้องเบรคแบบไม่ต้องยั้งแลย ถ้ากระพริบตานิดมีหวังพังกันกลางถนน เราก็ขับอยู่ตรงเลนกลางดีๆ แหละ ตอนนั้นมีรถเข้ามาไหนไม่รู้ เสียบเข้าเลนขวา ทุกคันที่ซิ่งออกจากไฟแดงก็ต้องหยุดสิครับ คุณตำรวจที่ยืนตรงนั้นก็เรียกให้รถคันนั้นจอด แล้วไม่ได้ดูต่ออีกหรอกเพราะต้องรีบออกจากแยกก่อนที่รถเมล์จะตัดเข้าเลนกลางก่อนเรา เห็นพี่แกชิดทางซ้ายมานานแล้ว เฮ้ย ...




Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา