วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552

เกือบไปแล้วเมื่อเย็นนี้

เหตุเกิดช่วงซอยอ่อนนุช 20 กว่า ๆ แถวตลาดนัดยามเย็น แต่วันนี้ไม่มีตลาดนัดหรอกครับ พอผมเห็นว่ามีรถจะเลี้ยวขวา และทางซ้ายรถว่าง ก็เลยตีไฟจะออกซ้ายแซงไปแต่ไม่รู้ว่ารถคันสีน้ำเงินเข้มพุ่งมาจากไหน หรือว่าแกขับประชิดมาก่อนหน้าก็ไม่รู้ เพราะผมมองไม่เห็นเลยจริง ๆ พอมองเห็นก็ประชิดข้าง ๆ ลำตัวรถ แบบว่าจะชนกันเสียแล้ว ดีว่าผมไม่ได้ออกตัวไปแรงมากเลยหักกลับเข้ามาได้

พอเขาขับผ่านผมไปแล้วพี่แกก็ซิ่งต่ออีกรอบโดยไม่ได้สนใจอะไรอีกเลย เหมือนประมาณว่า "ซวยต้องรีบหนี ดีนะที่ไม่ชน" ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ผมก็แอบรู้สึกผิดนิด ๆ ที่ออกไปเหมือนกัน เพราะผมก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามาเมื่อไหร่ มองไปข้างหลังมันยังว่างนี่นา แต่รถสองแถวที่ตามมาก็น่าจะให้คำตอบได้ว่าใครผิดใครถูก เพราะตอนที่ผมเบรคจะชนกับคันนั้น ผมเห็นแกตีไฟมาพอดี ประมาณว่าเตือน ๆ ว่าให้ระวัง แต่มันก็สายเสียแล้วเพราะกำลังจะชนอยู่แล้ว หรือแค่เรียกผู้โดยสารก็ไม่ทราบได้

ผมว่าเหตุการณ์นี้เป็นการขับมาประชิดมากที่สุดตั้งแต่ขับรถก็น่าจะเป็นได้ แต่ก็เอาล่ะ เมื่อไม่มีเกิดขึ้นก็ดีแล้ว ทีหลังขับรถก็ให้ระวังหน่อยล่ะกัน :)

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552

เย็นนี้ที่ซอยอ่อนนุช 35

เย็นวันนี้ แวะเข้าซอยอ่อนนุช 35 เพื่อไปซื้อกับข้าวสักหน่อย พอผมซื้อกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ขับลัดเข้าซอยทะลุระหว่างซอย 35 กับ 37 พอแล้วซ้ายเข้ามาก็เผอิญว่ามีปิคอัพคันหนึ่งจะเข้าซอยด้วย ผมก็ทำท่าชะลอเพราะดูก่อนว่าเข้าได้เปล่า อ่ะ.. เข้าได้แหละ งั้นเราชิ่งเข้าไปก่อนดีกว่า

พอผมหักเข้าซ้ายไปได้นิดหนึ่งแล้วมองไปทางซ้ายปุ๊บ อ้าว มีรถปิคอัพสวนออกมาอีกคันหนึ่ง ตอนนี้รถของผมก็เข้าได้ประมาร 10 เมตรแหละมั้ง รถคันที่ตามก็ประชิดซะด้วย เอาไงละทีเนี้ย ผมก็นิ่งเพราะถอยไม่ได้แล้ว พอเหลือบมองที่กระจกหลัง อ้าว รถปิคอัพที่ตามมาแกปีนขึ้นไหล่ทางไปแล้ว แต่หารู้ไม่ ว่ามันก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย เพราะผมก็ถอยได้เลย เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน ถ้าไม่ถอยอั๊วะก็จะอยู่อย่างนี้ ถึงแม้ว่าผมเป็นฝ่ายต้องถอยก็ต้องถอยกันสองคันและที่สำคัญต้องถอยไปตัดเลนในซอย 35 ยิ่งจะให้ลำบากกว่าอีกเยอะ เสียเวลากันอีกหลายคันหลายฝ่าย แต่ว่ารถคันที่สวนมาแกมีพื้นถอยได้แล้วชะแว๊บเข้าหน้าบ้านตรงที่ว่าง ๆ ได้ บวกกับเขามาคันเดียวแต่เราเข้ามาแล้วสองคัน :)

ตกลงว่าพี่แกที่สวนมาก็ยอมถอยไปนิดหนึ่งแล้วชะแว๊บเข้าเทียบจอดหน้าบ้านตรงที่ว่างได้พอดี ผมเลยค่อยผ่านไป แต่สังเกตว่าเจ้าปิคอัพที่วิ่งตามแกบึ่งตามมาจังเลยแหละ ไม่รู้จะรีบไปไหน พอเมื่อกี้ทำเป็นหลบ ไม่ยอมช่วย พอเห็นเขาเปิดทางให้ รีบบึ่งมาประมาณว่ากลัวจะไม่ได้ไปยังงั้นแหละ

เอาเป็นว่าผมก็ขอบคุณพี่ปิคอัพที่วิ่งสวนมาที่ยอมถอยให้ครับ :):)

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

รอยที่สะเกิร์ตข้างขวา

จริง ๆ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนไหนกันแน่ แต่ผมเห็นตอนเย็นวันที่ 19

ผมเลยคิดว่ามันน่าจะเกิดตรงไฟแดงกล้วยน้ำไท ตอนที่มอเตอร์ไซต์วิ่งเข้ามาเยอะ ๆ เพราะรถจอดชิดกันมากแต่มอไซต์ยัง

ดันทุรังจะไป ผมก็ไม่รู้จะทำไงดีเหมือนกัน เรามาจอดกลางถนน แล้วก็มันเป็นไฟแดงไปแล้ว ผมเลยฉีกออกซ้ายไปนิดหนึ่ง

ยังดีว่า ผมเว้นช่องข้างหน้าไว้พอที่จะฉีกออกไป เสร็จแล้วก็วิ่งไปเรื่อย ๆ เข้าซอยสุขุมวิท 42 เหมือนเดิม

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

เมื่อรถตกน้ำ

ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ ก็ตาม รถจะไม่ตกลงไปใน น้ำแล้วจมทันที เหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ จนกว่าจะถึง พื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้  

ควรตั้งสติให้ดี และ ป ฏิ บัติดังต่อไปนี้
1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
5.  หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน! ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
6.  เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วท่านก็ออ! กจากห้องโดยสารของ รถได้
7.  จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หาก น้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่า มืดไปหมดไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ

กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ หรือลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป ก็จะไม่มี อาการ หลงน้ำ นอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ   หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบ เด็กๆ นั้น ออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัยได้ ในยามคับขัน อยากให้ ทุกคน ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆเลยนะ เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบั! ติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์ และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติ เหตุเช่นนี้ สามารถช่วยลดอัตราการตายและการบาดเจ็บได้แน่นอน ถ้าจะให้ดี พริ้นเก็บไว้ในรถของทุกคนเลยก็ดีนะจะได้เอาไว้อ่าน ทบทวนกันได้

เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่

จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่

มีประโยชน์มาก และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ ขับรถให้ปลอดภัย

กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถยางระเบิดในขณะขับรถ มีข้อแนะ! นำให้ปฏิบัติดังนี้
1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจมองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะว่า จะทำให้รถหมุน
5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัวและจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลักเพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
8.  เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถ

ข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ   ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม เมื่อระเบิดด้านซ้าย   รถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา และในทำนอง ตรงกันข้าม หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะ กลับเป็นตรงกันข้ามอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ   พอยางระเบิด ขึ้นมารถ! ก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้

ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ จึงไม่ควรขับรถเร็ว (ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ ความเร็วไม่เกิน 100   กิโลเมตร ต่อชั่วโมง)

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2552

เมื่อต้องเปลี่ยนเส้นทางไปทำงาน

เช้านี้ เพื่อนที่ทำงานโทรมาบอกตอนที่กำลังจะออกจากบ้านพอดีว่าม็อบเสื้อแดงปิดถนนตรงซอยสุขุมวิท 71 ผมเลยต้องหนีไปขึ้นทางด่วนสุขุมวิท 62 แต่แล้วก็มองหาทางเข้าทางด่วนไม่เจอ งั้นเลยไปขึ้นที่แยกบางนาเลยก็ได้ เจอป้ายขึ้นทางด่วนเหมือนกัน ไม่ชัวร์ว่ามันเลี้ยวขวาเข้าตรงไหนกันแน่ เพราะตามปกติก็จะมีรถรอคิวเลี้ยวขวาเพื่อชะลอได้ เผอิญว่าวันนี้ถนนโล่งผิดปกติ เลยไม่แน่ใจ สุดท้ายทำได้แค่เลยปลงว่าเลยมาแล้วนะ

พอถึงแยกบางนาก็เลี้ยวขวาเข้าสรรพาวุธ แต่ไม่ยักกะรู้ว่าจะมีทางเลี้ยวเข้าทางด่วนใกล้แยกได้จึงต้องเลยไปอีกรอบ พอตีรถกลับบมาดันเลี้ยวซ้ายที่ซอยก่อนถึงทางด่วนอีกครั้ง !!! เข้าไปในซอยนั้นไม่ถึงก็ต้องรีบกลับรถออกมา จริง ๆ ซอยนี้น่าจะไปทะลุที่ซอยสุขุมวิท 50 แต่ถนนมันแฉะมาก น้ำขังเกือบบตลอดเลยต้องกลับออกมาดีกว่า

พอเลี้ยวซ้ายออกมาจากซอยก็เข้าอีกซอย เพื่อขึ้นทางด่วน จะได้ไม่เสียเวลามากกว่านี้ รถเยอะมากเหมือนกัน เขาคงหนีๆ กันขึ้นมาให้หมดแหละ บอกตามตรงว่าขาเข้าเมืองไม่เคยเลยเส้นนี้ กะว่าจะเอาพระราม 4 กับคลองเตยเป็นหลักแต่ไม่ยักกะเห็นป้ายบอกทางเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นดาวคะนองกับแจ้งวัฒนะ ก็อัะจะไปพระราม 4 อ่ะ หาทางลำบากมากจริง ๆ

พอถึงช่วงพระราม 4 แหละมั้ง เจอป้ายเล็ก ๆ สีขาวข้างทาง บอกว่าพระราม 4 ให้ไปกลับรถที่สาธุประดิษฐ์ เออ .. ฟังดูมันไกล ๆ ยังไงไม่รู้สิ ลองไปหาที่อื่นดีกว่า ผมก็วิ่งไปเรื่อยจนเจอทางลงพระราม 3 เอาวะ ลงมันตรงนี้แหละ ถ้าจะต้องหลงทางอีกครั้งก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

พอลงจากทางด่วนมาก็เจอป้ายบอกว่าเลี้ยวเข้าสวนพลูกับถนนจันทร์ เอาละสิ ผมเลี้ยวซ้ายออกจากทางด่วนแบบชิดซ้ายมาตลอด เจอป้ายแบบนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน รู้แต่ว่าจะต้องไปหาที่กลับรถมาเข้าซอยให้ได้ซะแล้ว

จากนั้นผมตีไฟเข้าขวาเพื่อหาทางกลับรถ อ้าว เจอไฟเลี้ยวขวาข้างหน้า แหยม ๆ ดูว่าจะมีกลับรถด้วยหรือเปล่า หว้า... มันกลับรถไม่ได้อ่ะ ซวยอีกรอบ งั้นเลี้ยวเข้าซอยไปก่อนดีกว่าแล้วกลับออกมา ยังไม่ไกลมาก ยังโอหน่า...

พอวิ่งเข้าไปได้ไม่ไกลมาก ผมเห็นข้างหน้าว่าง ข้างหลังว่างก็หาทางกลับรถออกมาใหม่ พอเลี้ยวซ้ายตรงปากซอยที่เข้าไปเมื่อกี้ไปได้นิดหนึ่งก็รู้สึกว่าคุ้น ๆ แน่นอน นี่มันตรงที่เราวิ่งทะลุสวนพลูมาขึ้นทางด่วนนั่นเอง !!!


วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552

หลงทางไปถึงพระราม 3

หลังเลิกงานเย็นนี้ ผมมีนัดเพื่อนๆ ที่ทำงานเพื่อจะไปเลี้ยงส่งหัวหน้าสักหน่อย แรก ๆ ก็คุย ๆ กันว่าจะไปที่ไหนดี ร้านอาหารแบบไทย ๆ ก็ไปบ่อยแล้ว คงเลือกเป็นสไตล์ญี่ปุ่นหรือไม่ก็เกาหลีไปเลยเพราะกำลังอินเทรนด์ เสร็จแล้วก็ให้โหวต ๆ สรุปว่ามี 2 ร้านให้เลือกว่าจะไปร้าน akiyoshi ที่สุขุมวิทกับร้าน Coffee Bean ที่ซอยร่วมฤดี แต่เอาเข้าจริง ๆ เปลี่ยนแปลนไปที่ร้าน Hachi ที่ถนนนราธิวาสแทน เป็นงั้นไป!!
ปัญหามันเริ่มต้นตอนที่ออกจากร้าน Hachi ผมก็คิดว่าเดี๋ยวออกจากร้านวิ่งตรงไปก่อน เสร็จแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าทางรัชดา-พระราม 4 แต่พอขับไปได้สักพัก ก็ออกอาการเอ๋อ ๆ ว่า ตอนนี้ เราอยู่ไหนแล้ว... จนวิ่งผ่านหน้าโรงเบียร์เยอรมัน ก็แว๊บ ๆ ว่าน่าจะเลยแล้วล่ะ พยายามมองหาป้ายพระราม 4 บ้าง ป้ายคลองเตยบ้าง จำได้ว่ามันมีช่วงหนึ่งที่ต้นไม้บังป้ายบอกไปทางพระราม 4 แต่เราก็เลยขึ้นสะพานไปแล้ว ก็ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน พอลงสะพานก็ยิ่งไปไกลเรื่อย ๆ ลองมองไปข้างทางเจอป้ายกรุงเทพอะไรสักอย่าง มีธนาคารกรุงศรีอยุธยามั้ง (ป้ายสีเหลือง ๆ อ่ะ) มองดูที่ป้ายบอกทางอีกที ก็พบว่าป้ายบอกไปวงแหวนอุตสาหกรรมกับสาธุประดิษฐ์ กรรมจริง ๆ หลงทางซะแล้ว ต้องหาทางกลับรถให้ด่วนที่สุด!!

พอกลับรถได้ก็เจอป้ายบอกทางไปคลองเตย จากนั้นก็ขับตามป้ายบอกทางไปคลองเตยอย่างเดียว จะหลงอีกทีก็ให้มันรู้ไป ขึ้นสะพานอะไรก็ไม่รู้ยาว ๆ 2-3 ครั้ง จนมาสะพานสุดท้าย เออ.. ซ้ายมือเป็นตลาดหุ้น มองลงไปข้างล่างก็ถึงบางอ้อว่า นี่มันสะพานข้ามพระราม 4 นี่หว่า เลยต้องไปกลับรถก่อนถึงสุขุมวิทเหมือนเดิม

สรุปว่าผมออกจากร้านประมาณ 3 ทุ่มนิดแต่กว่าจะถึงบ้านก็ 4 กว่า ๆ น่าจะเกือบ 5 ทุ่มเพราะหลงทางน้านแหละ ถ้ารู้ทางจริง ๆ คงใช้เวลาสัก 30 นาทีน่าจะถึงบ้านได้ แต่เอาเฮอะ ไว้คราวหน้าก็ดู ๆ หน่อยล่ะกัน

แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าถนนนราธิวาสไปทางพระราม 3 นั้นมันดูสับสนยังไงไม่รู้สิ ขนาดดูแผนที่ยังงงงงว่าจะไปทางไหนดี ถนนหนทางมันวกวน สะพานข้ามแปลก ๆ ถ้าเป็นคนในพื้นที่ก็คงเฉย ๆ แหละนะ จริงมั้ยครับ

คิดไปคิดมา ผมเริ่มอยากได้เจ้า gps สักตัวมาติดรถไว้แล้ว เผื่อเวลาไปไหนจะได้ช่วยได้บ้าง อย่างน้อยก็บอกให้เราเตรียมซ้ายเลี้ยวขวา ตามเส้นใหญ่ ๆ ได้ก็ยังดี กว่าหลงทางไปไกล ๆ แล้ววนกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกรอบ เปลืองน้ำมันอ่ะ




Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา