วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เอารถเข้าอู่ทำสีสักหน่อย

เลิกงานวันนี้ ผมรีบออกจากที่ทำงานประมาณ 4 โมงเย็นเพื่อจะนำรถไปเข้าอู่ทำสี ซ่อมรอยมอเตอร์ไซต์เมื่อก่อนปีใหม่โน้นเลย ปล่อยคาราคาซังไว้นานแล้ว แต่ไม่ยักกะมีเวลาให้สักที เลยตัดสินใจเอาเข้าอู่ทำให้เสร็จไปเลยดีกว่า รอครั้งเดียวยังดีกว่ารอแบบไม่รู้ว่าเมื่อไหร อยากขับรถสวยไม่มีรอยก็ต้องยอม ๆ กันหน่อยล่ะ

ตอนแรก ผมก็จะรอให้สิ้นประกันตอนจะสิ้นปีเลยแต่ก็ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวมันไม่คุ้มค่าเบี้ยประกัน 555 ..

ผมเดาเอาว่าหลายคนก็คงคิดเหมือนผมนะ เพราะค่าเบี้ยประกันยิ่งแพงขึ้นทุกวันนี้ อย่างน้อยเข้าเคลมปีละ 2 ครั้งก็พอแล้ว ยิ่งถ้าเป็นประกันชั้นหนึ่ง แล้วไมได้เคลมเลยมันทำให้รู้สึกว่าเสียเปล่าไปเฉย ๆ ไม่ต้องห่วงว่าเบี้ยประกันจะถูกลงหรอกครับ มันแพงขึ้นตลอด ถ้าเอาแบบถูกหน่อยก็จะโดนตัดว่าไม่คุ้มครองตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ไอ้เราก็อยากจะให้คุ้มครองครบก็เลยต้องยอมจ่ายแพงเหมือนเดิมทุกที

ผมบอกตรง ๆ ว่าส่วนใหญ่รถที่นำเข้าเคลมตอนสิ้นปีทุกวันนี้จะมี 2 อย่าง อันหนึ่งเบียดขอบฟุตบาตและอีกอันก็โดนมอเตอร์ไซต์เบียดมาทำให้เป็นริ้วรอยน้อยมากตามแต่จะเป็นกัน ยิ่งถ้ารถคันเล็ก ๆ ต่ำ ๆ อย่างฮอนด้า แจ๊ซเนี่ย เขาชอบมากระแซะกันจริง ๆ ทั้งข้างหน้าข้างหลังเพราะอะไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน

อย่างหนึ่งที่ผมสงสัยนะ มีการกำหนดค่าเบี้ยประกันจากหน่วยงานของรัฐหรือไม่ เพราะเวลาทำประกันผ่านนายหน้าแล้วทำไมเบี้ยประกันถึงไม่เท่ากัน ทั้ง ๆ ที่เป็นประกันของบริษัทเดียวกัน แต่ต่างกันที่นายหน้าเท่านั้น แล้วนายหน้าหักส่วนต่างเข้ากระเป๋าหรือยังไง เยอะแค่ไหนกัน มีใครมาดูแลเรื่องนี้บ้างเปล่า?!?!

ผมอยากให้มีการควบคุมค่าเบี้ยประกันจังเลย แม้ว่าจะเป็นประกันแบบสมัครใจก็เถอะ แต่ถ้าไม่ทำเวลาเกิดรถชนกันกันขึ้นมาก็มีปัญหาให้ลำบากกันพอดี หรือถ้าเราไม่ทำพอโดนชน คนที่ทำก็ต้องค่าซ่อมให้เรายังงั้นเหรอ มันไม่ค่อยแฟร์เลยจริง ๆ นะ

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สุดเสียวที่ลาดกระบัง

วันนี้ ผมมีธุระจะไปดูบ้านทางลาดกระบัง และจะไปรับเพื่อนมาช่วยนำทางแถวนั้นด้วย เพราะผมไม่รู้จักเท้านทางแถวนั้นเลย

พอรับเพื่อนเสร็จ ผมก็กลับรถใต้สะพานตรงตลาดหัวตะเข้ เสร็จแล้วผมจะต้องกลับรถอีกที่ใต้สะพาน ผมต้องกลับรถใต้สะพานแล้วเลี้ยวเข้าไปทางถนนเจริญกรุง แต่ก็ลืมกลับรถ ทำให้ต้องวิ่งเลยไปอีกที แล้วต้องหาที่กลับรถใหม่

ระหว่างนั้น ผมก็คิดอยู่ในใจว่าต้องมีกลับรถทางขวามือ แต่คิดผิดครับ เพราะแถวนั้น ส่วนใหญ่เขาให้กลับรถใต้สะพานซะหมดเลย

พอผมวิ่งไปถึงอีกสะพานที่น่าจะเกือบถึงสนามบินแล้วล่ะ พอกำลังจะขึ้นสะพานเพื่อนที่ไปรับบอกให้รีบกลับรถเดี๋ยวจะเลยอีก ..

เอาละสิ ผมวิ่งอยู่เลนขวาสุดแต่ต้องเข้าซ้ายเพื่อกลับรถใต้สะพาน ผมเหลือบมองกระจกซ้าย อืมม มีรถวิ่งตามแต่อยู่ไกลนิดหนึ่ง ข้างหลังไม่มีอะไร คิดว่าน่าจะโอแหละ

ผมมองกระจกหลังและก็เห็นมีรถคันหนึ่งวิ่งตามมาแต่น่าจะพอทำได้ แต่พอเอาจริงๆ เขามาเร็วกว่าที่เราคิด ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเป็นการกระทำที่เสี่ยงมากจริง ๆ ทำให้รถที่วิ่งตาม ๆ กันมาเบรคกันจ้าละหวั่น รวมไปถึงรถเลนสุดท้ายที่จะกลับรถใต้สะพานด้วย เอาไงดีล่ะ?!?!

แต่ตอนนั้น มันเบรคไม่ได้แล้วครับเพราะหักหน้ารถไปไกลแล้ว ขืนอยู่ตรงกลางลำต่อมีหวังโดนด่านานกว่านั้นแน่ ๆ ตัดสินใจซิ่งลงใต้สะพานกลับรถหนีไปเลยดีกว่า ยอม ๆ ให้ด่าแค่เห็นท้ายก็น่าจะพอแล้ว .. :)

ตอนขากลับเข้าเมือง ผมก็ผ่านมาที่ตรงนี้อีกที อ้าววว เลยไปอีกนิดหนึ่งมีให้กลับรถด้วย เกือบเอาชีวิตไปเที่ยงที่ลาดกระบังซะแล้ว !!!

สุดท้ายก็ขออภัยเพื่อน ๆ ที่ขับตามผมมาวันนั้น ที่ทำให้ต้องเบรคกระทันหันหวิดเกิดอุบัติเหตุใหญ่ เพราะความไม่รู้เส้นทางเลยจริง ๆ และเป็นความเสี่ยงจริงๆ ที่ทำแบบนั้น และขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บริเวณนั้นที่ปกป้องให้ข้าน้อยปลอดภัยมาครับ :)





Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา