วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เกือบชนแต่เช้าเลย

เช้านี้ ผมขับรถมาทำงานรู้สึกแปลก ๆ เบลอ ๆ ยังไงไม่รู้สิ เหตุมันเกิตอนที่ออกจากหอพักนั่นแหละ ห่างจากหอพักไม่ถึง 150 เมตรด้วยมั้ง ผมก็ขับมาช้า ๆ แบบสบายใจว่าเออวันนี้จะต้องทำอะไรบ้าง จะแวะซื้อน้ำเต้าหู้ที่ปากซอย 35 ก่อนดีมั้ย หรือว่าจะซิ่งไปที่ทำงานเลยดีกว่า เพราะตอนนี้มันก็เกือบจะสายแล้ว ทันไดนั้น ขณะที่ผมกำลังขับรถแบบเพลิน ๆ ผมก็ต้องเบรคแบบตัวโก่งเลย เพราะมีรถออกจากบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายมือ

จริง ๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาออกมาเมื่อไหร่ เพราะเขาก็โผล่หน้ารถออกมามากเหมือนกัน จริงๆ อาจจะเป็นเพราะรถปิคอัพคันที่จอดบังทางออกจากบ้านเขามั้ง เพราะพอผมพ้นท้ายรถปิคอัพคันนั้นก็เกือบจะชนกันแล้ว หรือไม่ก็ต่างคนต่างคิดไม่ถึง(ไม่ใส่ใจ) ว่าจะมีรถวิ่งมาออกทาง น้อยนักที่จะมีรถวิ่งเข้าออกเวลาเช้า ๆ แบบนี้ แต่ก็โชคดีที่เราก็เบรคทันกัน ไม่งั้นก็คงซวยแต่เช้าแน่ๆ

หลังจากนั้น ผมก็หยุดดูอาการนิดหนึ่งว่าเขาจะเอายังไง ประมาณว่าเงียบกันไปทั้งคู่ คงคิดอยู่ว่าจะเอายังไงดี คิดไปคิดมา ผมไม่เห็นว่าเขาจะขยับออกมาอีก อ้าว .. งั้นผมขอออกตัวไปเลยดีกว่านะ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าใครผิดใครถูก เพราะผมก็ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่ามีรถออกจากบ้านหลังนั้นมา ผมก็รู้แหละนะว่าเขามีรถเยอะ แต่ไม่เคยเห็นเขาขับออกมาสักที พอมาวันนี้เกือบจะชนกันซะงั้น ...

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เข็มไมล์ได้เลขสวย

ก่อนออกเดินทางกลับกรุงเทพ ผมเห็นว่าตอนนี้เข็มได้เลขสวย เลยขอถ่ายเก็บไว้หน่อย ตอนแรกผมตั้งใจจะถ่ายตอนที่ครบ 3 หมื่นโลพอดี แต่ผมดันลืมไป ช่วงที่ออกจากทุ่งดอกกระเจียวเมื่อวาน งั้นคิดว่าคงอีกไม่นานคงจะได้เลขสวยเหมือนกัน

เออ.. ถามว่า ผมจะเอาเลขไปทำไม ผมไม่ได้เอาไว้ทำอะไรมาก ผมก็คงตอบง่าย ๆ สั้นๆ ว่า ผมก็แค่อยากเก็บก็เท่านั้นเอง

ส่วนใหญ่ที่ผมจะเก็บเลขไมล์ไว้ก็ตอนที่เติมน้ำมันแต่ละงวด เพราะจะได้รู้ว่ารถของเรากินน้ำมันมากน้อยแค่ไหน ผมไม่ได้มีระบบระเบียบอะไรมากนักหรอกครับ แค่เขียนใส่สมุดเล็กที่อยู่รถแล้ว พอถึงบ้านก็เก็บเข้าเป็นไฟล์ excel เท่านั้น ผมได้เก็บไฟล์ตัวอย่างไว้ที่ my fuel sheet ใน Google Documents ให้ลองเอาไปใช้ดู และสามารถปรับแต่งเติมต่อส่วนที่ต้องการได้เลยครับ

จริง ๆ แล้วผมชอบเก็บเข็มไมล์เวลาไปไหนมาไหนตลอดเหมือนกันแหละ แต่ที่บ่อยน่าจะเป็นตอนที่เติมน้ำมัน เพราะผมจะจดไว้ทุกครั้ง รวมถึงราคาน้ำมัน ค่าน้ำมันที่จ่ายแต่ละงวด และนั่นแหละ บางทีนะที่ผมพบว่าเวลาเติมน้ำมันแล้ว เอาจำนวนลิตรที่ได้กับราคาต่อลิตรมาคูณกัน รู้ไหม เกิดอะไรขึ้น ?!?! ก็จำนวนลิตรที่ได้มันน้อยกว่าผลลัพย์ที่อออกมา นั่นคือผมโดนปั้มโกงน้ำมันซะแล้วครับ ถ้าผลต่างไม่เกิน 0.5 บาท หรือ 0.5 ลิตร ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่บางทีผมเคยโดนไปถึง 40 - 50 บาท

ส่วนใหญ่ผมจะคิดทีหลังครับ ไม่ได้คิดตรงหัวจ่ายทันทีหรอก เพราะถ้าต้องไปเสียเวลาคิดยอดอยู่ตรงนั้น ผมว่าคงไม่ต้องทำมาหากินซะเปล่า

พอพูดมาถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่า ถ้าผมเจอว่าที่ไหนโกงผมบ้างแล้วผมจะไม่ไปใช้บริการปั้มนั้นอีกเลย ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเรามีวิธีไหนที่จะจัดการกับพวกขี้โกงแบบนี้ได้บ้าง ถามว่า สคบ. ที่รับร้องเรียนเนี่ย เขาทำอะไรบ้างหลังจากรับเรื่องไปแล้ว ผมว่าทุกวันนี้ ถ้าเรื่องของคุณไม่ได้ออกข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์นะ คุณก็ได้แค่ร้องเรียนเท่านั้น ไม่มีใครสนใจสืบสาวหาต้นต่อสาเหตุที่แท้จริงหรอก ยิ่งถ้าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ เดี๋ยวเดียวข่าวนั้นก็เงียบหายไป เห็นด้วยไหมครับ

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เที่ยวทุ่งดอกกระเจียว

ผมตั้งใจว่าจะไปเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวเมื่อหลายปีมาแล้ว น่าจะตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มเปิดทุ่งเลยมั้ง แต่ก็ไม่มีโอกาศสักที จะด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบได้ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้ไกลจากบ้านผมมากนัก (แต่ผมมาทำงานที่ กทม) เลยไม่ได้ไปสักที และแล้วเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา ผมมีธุระจะต้องเดินทางกลับบ้าน เลยถือโอกาศแวะไปชมทุ่งดอกกระเจียวให้สมใจเสียที เพราะไหน ๆ เราขับรถไปเองจะจอดแวะเที่ยวชมดูสักครั้งก็ไม่เสียหลาย เห็นใคร ๆ ก็พูดถึงว่าน่าสนใจ น่าไปเที่ยวกันจัง

การเดินทาง :

ผมออกเดินทางประมาณตี 4 กว่าๆ ของเช้าวันที่ 20 ขับไปรับพี่ชายที่ห้วยขวางเสร็จแล้วก็ขึ้นทางด่วนที่สุทธิสารไปลงที่รังสิต ขับต่อไปถึงสระบุรีแวะเข้าปั๊มปตท.ที่สระบุรีสัก 10 นาทีแล้วก็ไปต่อตามเส้นทาง สระบุรี - พัฒนานิคม ช่วงนี้แหละผมหลงทางไปนิดหนึ่ง พอผมเลี้ยวขวาไปทางท่าหลวงแล้ว รู้สึกว่ามันงง เหมือนจะเข้าไปทางเขื่อนป่าสัก ฯ เลยต้งจอดรถถามทางกันก่อน กันไว้ก่อน ไม่อยากเลยไปไกลแล้ววนรถกลับมาอีกครั้ง

จากนั้น ผมก็บึ่งรถขึ้นไปทางท่าหลวง เลี้ยวไปทางลำสนธิ ไปเรื่อย ๆ ตามป้าย อ. เทพสถิตย์ แม้ว่าทางเส้นนี้จะไปตามไหล่แต่ต้องบอกถนนดีมาก ผมก้ไม่คอดหรอกว่าจะขับรถขึ้นเขาลงเขาแบบนี้ แต่ถนนดี เลยทำให้ขับไปได้ง่าย (รถไม่เยอะด้วยแหละมั้ง) เออ.. ขอบอกว่าผมลองเปลี่ยนเกียร์ขุณะขับอยู่ที่ D มาเป็น S ตอนที่ขึ้นเขาลงเขา หรือเวลาขึ้นเนินลงเนินต่าง ๆ ผมก็ทำแบบเดียวกัน อืมม ง่ายกว่าที่คิดมากครับ

เพราะผมมัวแต่ขับรถเพลินไปหน่อยทำให้ขับรถเลยไปถึง อ. เทพสถิตย์ ก็ต้องตีรถกลับมานิดหน่อย แล้วก็ขับไปเรื่อย ๆ ช้าบ้าง ซิ่งบ้างแล้วแต่พื้นของถนน.. :)

พอก่อนจะถึงทางเข้าทุ่งดอกกระเจียว ผมจอดรถซื้อกับข้าวก่อนนิดหน่อย ไม่ได้ซื้ออะไรมากหรอกครับ เอาแค่ปิ้งไก่สักไม้กับข้าวหลาม 100 บาท แค่นี้ก็น่าจะอิ่มกันทุกคนแล้ว

หลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับไปเข้าไปในเขตอุทยาน ฯ เจ้าหน้าที่ก็โบกมือให้เข้าไปด้านหลัง ทั้ง ๆ ที่ข้างหน้าตรงทางเข้าว่างเยอะพอที่จะจอดได้ แต่ไม่เป็นไร ผมเลยอ้อมไปหาที่จอดรถข้างหลังอุทยาน ฯ ตามที่เขาบอกละกัน ผมก็ขับไปเรื่อย ๆ พอดีมีที่จอดข้างหลังรถของพ่อค้าที่มาส่งกับข้าวแถวนั้นมั้ง เพราะมองไปนิดหนึ่งจะมีร้านขายกับข้าวใกล้ ๆ พอจอดรถเสร็จก็หาที่นั่งไกล้ทานข้าวเช้ากันก่อน เตรียมตัวเดินเท้าเข้าอุทยาน ฯ ชมดอกกระเจียวกันต่อ..


ขอคุยเรื่องที่จอดก่อนดีกว่าสำหรับคนที่ยังไม่เคยไปเที่ยวที่นี่ ผมลองมองดูทั่ว ๆ ที่จอดรถแล้วเขาน่าจะมีลานจอดอยู่ 2-3 ที่คือตรงด้านหน้า-ด้านหลังสำนักงานอุทยาน ฯ แต่ถ้าไปสายหน่อย ก็สามารถข้ามไปฝั่งตรงข้ามสำนักงานอีกที่หนึ่งซึ่งก็ไม่ไกลมากครับ


พอกินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกจากลานจอดรถไปที่ทางเข้าอุทยาน ฯ โดยใช้เวลาประมาณ 3 นาที จากนั้นก็ซื้อตั๋วค่าเข้าชม คนละ 10 บาท พอเดินผ่านประตูเข้าไปก็จะเจอร้านถ่ายรูป แล้วเขาจะมาขอถ่ายรูปของเราเพื่อเอาไปปริ้นต์แล้วคืนให้เราตอนออกมา ดดยคิดค่าจัดทำภาพละ 100 บาท




ห่างออกไปไม่ไกลมากก็จะเจอ ที่ยืนรอรถที่จะพาขึ้นไปชมดอกกระเจียว รถที่จะมารับเราก็แบบที่เห็นข้างล่าง ที่มีลักษณะเหมือนรถรางครับ แต่มีล้อ ใช้น้ำมันเหมือนรถทั่วไป


เมื่อคนขึ้นจนเต็มแล้ว รถก็ออกตัวทันทีเลย ไม่ได้รอให้เสียเวลาอะไรอีกแล้ว บนรถก็จะมีไกด์นักเรียนตัวน้อย ๆ คอยอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับอุทยานและแนะนำว่าจะขึ้นลงตรงไหนบ้าง ผมพยายามถ่ายรูปน้องเขาไว้เหมือนกันแต่รถวิ่งเลยไม่ได้ภาพที่ชัดสักภาพ.. เลยไม่ได้เอาภาพน่ารักของน้อง ๆ มาโชว์ครับ :(

พอรถพาเราไปถึงลานจอดรถข้างบนที่อยู่ไกล้ ๆ กับทุ่งดอกกระเจียว ทุกคนก็จะลงรถไปเดินชมรอบตามต้องการ ถ้าจะกลับก็สามารถขึ้นรถคันไหนกลับลงไปก็ได้ เพราะตั๋วค่าเป็นแบบเหมาจ่ายแล้ว

ดูรูปไปเรื่อย ๆ ล่ะกัน ไม่ขออธิบายอะไรอีกแล้ว ดูบรรยากาศข้างบนสวย ๆ เลยละกัน (ภาพอาจจะไม่สวยมากเพราะเพิ่งจะหัดแล่นกล้องตัวนี้ได้ไม่นาน)




พอเสร็จทุ่งดอกกระเจียว ผมก็ขึ้นรถสายเดิมนั่นแหละ แต่คงไม่ใช่คันเดิมหรอกนะเพื่อลงไปที่ป่าหินงาม


ชมภาพเอาละกันนะครับ ไม่อยากอธิบายมาก :)








อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้มีเวลาที่จะเดินถ่ายรูปเหมือนที่ตั้งใจเท่าไรเพราะต้องอุ้มเจ้าตัวเล็ก และก็แดดมันร้อนมากวันนั้น ถ้าคิดจุไปก็เอาร่มติดไม้ติดมือไปด้วยจะเป็นการดี ยิ่งถ้าไปไม่ถูกวันอาจจะเจอฝนได้เหมือนกัน :)

พอเสร็จจากป่าหินงาม ก็เดินมารอรถข้างล่าง ตรงที่เขามาส่งลงนั่นแหละ

ถ้ามาแค่วันเดียวก็คงไม่มีที่จะแนะนำได้อีกแล้ว เอาเป็นว่าคงหมดหน้าที่นำเที่ยวแล้ว แต่ถ้ามาหลายวันก็คงพอมีทัวร์สั้น ๆ ไว้ในใจกันแล้ว คงไม่ต้องบอกจะไปไหนต่อนะ แต่เอ.. ขอเกริ่นไว้หน่อยดีกว่า นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงหลายที่ด้วยกันเช่นน้ำตกตาดโตน หรือขากลับอาจจะแวะเข้าใหญ่ น้ำตกที่นครนายกก็ได้เช่นกัน

เอาล่ะ ผมแนะนำแค่นี้แหละ อาจจะไม่ละเอียดแต่ก็เอาพอเป็น idea กว้าง ๆว่าจะวางแผนเที่ยวกันอย่างไรนะครับ โชคดี!!

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ซ่อมสะพานข้ามแยกทั่วกรุง

ผมเจอข่าวนี้ในหนังสือพิมพ์ Daily Express ผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับคนขับมาทำงานเช้าเย็นเลยเก็บข่าวมาฝากจะได้เตรียมตัวเตรียมใจได้ว่าจะไปทางไหนอีกได้บ้าง

###############

ซ่อมสะพานข้ามแยกทั่วกรุง เริ่ม ส.ค. นี้ แจ้งผู้ใช้ถนนทราบก่อนอย่างน้อย 30 วัน

กทม. จะแจ้งผู้ใช้รถใช้ถนนทราบก่อนปิดช่องจราจรเพื่อซ่อมแซมสะพานข้ามทางแยกทั่วกรุงเทพฯ 13 แห่ง อย่างน้อย 30 วัน เริ่มทยอยปิดสะพานแห่งแรกเดือน ส.ค. นี้ สาเหตุส่วนใหญ่ฐานสะพาน หรือผิวจราจร ชำรุดผุกร่อน หนักสุด คือ สะพานข้ามแยกอโศก-เพชรบุรี ต้องรื้อถอนและสร้างใหม่ เนื่องจากโครงสร้างชำรุดมากที่สุด

ดร. ประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวการซ่อมสะพานข้ามแยก 13 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า กรุงเทพมหานครมีแผนปรับปรุงซ่อมแซมสะพานข้ามทางแยก 13 แห่ง แต่ในช่วงนี้เป็นฤดูฝน และโรงเรียนใน กทม.เปิดเทอม เกรงว่าประชาชนจะเดือดร้อน จึงเลื่อนการซ่อมแซมโดยทยอยปิดสะพานแห่งแรกประมาณเดือนสิงหาคมนี้

ทั้งนี้สาเหตุที่ต้องมีการซ่อมแซมสะพานทั้ง 13 แห่ง เนื่องจากบริเวณฐานสะพาน หรือผิวจราจร ชำรุดผุกร่อนเป็นจำนวนมาก จึงต้องเร่งซ่อมแซม โดย 12 สะพานแรก จะจัดแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ตามพื้นที่ใกล้เคียงและถนนที่ต่อเนื่องในเส้นทาง คือ กลุ่มที่ 1 แนว ถ.รัชดาภิเษก ถ.พหลโยธิน ประกอบด้วย สะพานข้ามแยกประชานุกูล ปิดการจราจรฝั่งละ 45 วัน สะพานวงศ์สว่าง ปิดการจราจรฝั่งละ 45 วัน สะพานเกษตร ปิดการจราจรต่อเนื่อง 15 วัน สะพานรัชโยธิน ปิดการจราจรฝั่งละ 15 วัน และสะพานพงษ์เพชร ปิดการจราจรฝั่งละ 45 วัน ส่วนสะพานที่ 13 คือ สะพานข้ามแยกอโศก-เพชรบุรี จะต้องมีการรื้อถอนและสร้างใหม่ เนื่องจากโครงสร้างมีความผุกร่อนและชำรุดมากที่สุด

กลุ่มที่ 2 แนว ถ.จรัญสนิทวงศ์ พื้นที่ฝั่งธนบุรี ประกอบด้วย สะพานท่าพระ ปิดการจราจรฝั่งละ 45 วัน สะพานบางพลัด ปิดการจราจรฝั่งละ 45 วัน กลุ่มที่ 3 แนว ถ.พระราม 9 และ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ประกอบด้วย สะพานคลองตัน ปิดการจราจรฝั่งละ 90 วัน ส่วนสะพานพระราม 9 - รามคำแหง และสะพานพระราม 9 – อสมท. จะไม่มีการปิดจราจร และกลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มที่อยู่ห่างจากกลุ่มอื่นๆ ประกอบด้วย สะพานสามเหลี่ยมดินแดง ปิดการจราจร 30 วัน และสะพานพระราม 4 ปิดการจราจรฝั่งละ 45 วัน

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้สะพานบางแห่งที่การปรับปรุงสะพานโดยไม่ต้องปิดสะพาน เช่น การทำสีสะพาน การขันนอตสะพาน ระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง กำลังดำเนินการโดยไม่มีผลกระทบกับการจราจร แต่การปรับปรุงที่ต้องปิดสะพาน เนื่องจากต้องทำพื้นผิวสะพานใหม่ การเปลี่ยนฐานรองคานสะพาน รอยต่อสะพาน ราวสะพาน และเชิงลาดสะพาน จะต้องมีการปิดการจราจร โดยกทม. จะประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน เพื่อแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางในบริเวณที่มีการก่อสร้าง โดยประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อทำแผนการปิดช่องจราจรบนสะพานแต่ละแห่งและขอกำลังตำรวจจราจรช่วยอำนวยความสะดวก ซึ่งจะทำทางเบี่ยงในเส้นทางที่ปิดจราจรเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

Source: http://city.bangkok.go.th/th/news-special-info.php?id=1639

Links:
- BMA
- Google Map
- Longdo Map

###############

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จอดรถที่โรงแรมดุสิตธานี

พอดีวันนี้ ผมขับรถมาสัมนาที่โรงแรมดุสิตธานี ตรงแยกพระราม 4 กับสีลมนั่นแหละครับ จริง ๆ ไปที่นี้มาก็ 2-3 ครั้งแล้ว แต่ไม่ค่อยมีเวลาเขียนเรื่องการจอดที่นี่สักที

ตามปกติที่ผมวิ่งเข้าโรงแรมทางฝี่งหน้าสวนลุมฯ จะอ้อมมาไปจอดหน้าโรงแรมที่เป็นลานกลางแจ้ง แต่เผอิญวันนี้ ผมเลี้ยวเข้าด้านขวาเพื่อจะไปจอดตรงด้านหน้าโรงแรมไม่ได้เพราะเห็นมีรถ 2-3 คันกำลังวิ่งเข้าออกสวนทางกัน เลยตัดสินใจวิ่งขึ้นไปลานจอดในตัวโรงแรมแทน

ผมมองขึ้นไปทางขึ้นเห็นมีผู้ชายเดินอยู่กลางเลน 2 คนก็เลยบีบแตรใส่สักหน่อย คิดเล่น ๆ ว่า "คนอะไร เดินตรงทางขึ้นลานจอดโดยไม่สนใจว่าจะมีรถขึ้นมาจอดรถสักนิด"

พอผ่าน เข้าถึงที่จอดรถจริง ๆ ผมก็รูสึกแปลกตรงที่ว่าทำไมที่จอดมันไม่เป็นระเบียบแบบนี้ จากตรงที่วิ่งเข้ามาที่ลานจอดนี้ คุณลองคิดถึงรูปหกเหลี่ยมแนวนอนได้เลยครับ นั่นแหละคือรูปแบบการจอดด้านในตัวโรงแรม รถสามารถจอดได้ทุกที่ มุมไหนก็ได้ที่มีที่ว่างพอสำหรับรถของคุณจะเข้าเสียบได้ พอวนไปได้ไม่ไกล (น่าจะอยู่ตรงข้ามกับทางเข้านะ) มีช่องทาง ผมไม่แน่ใจว่าเป็นทางขึ้นหรือทางลง เพราะไม่ทันมอง มัวแต่มองหาที่ว่างที่จะจอด

ถ้าชั้นที่เข้ามายังไม่มีที่ว่างให้จอด ก็วิ่งเรื่อย ๆ แล้วจะวนลงไปที่ชั้นล่างอีกที สังเกตง่าย ๆว่า พอวนลงชั้นล่างไปได้ไม่ไกล คุณจะเห็นทางออกไป (ซึ่งถ้าออกไปก็ไกล้ ๆ กับทางที่เข้ามาเมื่อกี้นั่นแหละ) คุณจะออกไปจอดด้านนอกเลยก็ได้ หรือจะวนอีกรอบเพื่อหาที่จอดชั้นนี้ก็ได้ แล้วแต่สะดวกครับ

ส่วนเรื่องราคาค่าจอดรถที่นี่ บอกตรง ๆ ว่าส่วนใหญ่จะมากันเพราะบริษัทจัดสัมนา ฉะนั้นน่าจะรวมอยู่ในแพคเกจการใช้บริการของโรงแรมรวมเข้าไปแล้ว ( อันนี้คิดเอาเอง )

ตอนที่ขับรถเข้ามาหน้าประตู การ์ดที่หน้าประตูจะแจกการ์ดจอดรถให้ตรงทางเข้าครับ เสร็จแล้วคุณก็นำการ์ดที่ได้ไปแท็บกับจุดรับบัตรจอดรถที่เขามีให้ตามจุดต่าง ๆ และเพื่อความสะดวก เขาจะนำมาวางไกล้ ๆ กับจุดลงทะเบียนของงานนั่นเอง ลองมองหาดูนะครับ

อย่างไรก็ตาม ผมแนะนำให้จอดด้านนอกดีกว่า สะดวกสบายกว่าใต้เยอะ ทั้งทางเดินรถหรือว่าเดินเท้าออกจากลานจอดรถเพื่อเข้าในโรงแรมครับ

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ต้องพึ่งน้ำยาลบรอยเสียแล้ว

เช้านี้ พอจอดรถที่ทำงานเสร็จก็เลยควักเอาน้ำยาลบรอยข่วนที่อยู่ท้ายรถมาเปิดใช้เสียเลย จริง ๆ ซื้อไว้นานแล้วแต่ไม่โอกาศได้ใช้สักที คราวนี้ขอใช้ลองดูเลยดีกว่า อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร เห็นแต่เซลล์โฆษณาจังว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ และดูข้างกล่องก็บอกทำได้หลายอย่างดี ไม่กัดสีรถด้วย

พอดีในรถมีผ้าเช็ดรถอยู่ 2 - 3 ผืน เลยเทน้ำยาลงที่ผ้าแล้วก็เอามาถูๆ ตรงที่เป็นรอยนั่นแหละ .. ตอนแรกก็ลองส่วนปลายที่เป็นรอยก่อน เพราะเดี๋ยวถ้าไม่ได้จะเสียของ ค่อยขัดส่วนปลายมาเรื่อย ๆ เออ .. ดีอย่างที่ต้องการครับ ถูอยู่ 2 - 3 ทีก็ค่อยออกไปเรื่อย ๆ งั้นขอถูตรงที่เป็นรอยทั้งหมดไปเลย

ถ้าดีแบบนี้นะ เดี๋ยวผมจะนั่งขัดตรงที่เป็นรอยรถรอบคันไปเลย จะได้ไม่เห็นรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกต่อไป

อยากรู้ว่าผมใช้น้ำยาอะไร .. ??

เอาล่ะ มาดูว่าเป็นยี่ห้ออะไรกันครับ

พอดีผมเดินไปห้างแล้วเห็นเขามีจัดบูตโปรโมชั่นเลยแวะเข้าไปถามคนขาย พอเห็นว่าราคามันลดลงมาเยอะเลยอยากซื้อมาลองใช้บ้าง จริง ๆ ผมก็ไม่รู้หนรอกว่ายี่ห้อไหนดี ไม่ดีบ้างเพราะผมไม่ใช่เซียนรถที่จะต้องเช็คห้องเครื่องทุกอาทิตย์ เปิดกระโปรงรถเช็คน้ำหล่อเย็น เติมน้ำกลั่นให้แบตเตอร์รี่ทุกเดือน ประมาณนั้น วัน ๆ นั่งหน้าคอมพ์ทำงานไปทั้งวัน ตกเย็นมาก็กลับบ้านเท่านั้นเอง เวลาจะเช็คอะไร ผมวิ่งเข้าศูนย์อย่างเดียวครับ !!

ถ้ามี comment อะไรก็เชิญได้ครับ แต่บอกก่อนว่าอย่าคิดว่าผมโฆษณาขายของให้คนอื่นล่ะกัน เพราะผมเองก็เป็นผู้บริโภคที่ใช้สินค้าแล้วเห็นว่าดีจึงบอกต่อ .. :P คนอื่นๆ อาจจะคิดว่ามีสินค้าอีกหลายร้อยหลายพันตัวที่ทำหน้าที่เหมือนกันแต่ทำไมไม่เลือกใช้.. !!!



วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มีรอยข่วนบนชนหลัง


วันนี้ พอกลับถึงบ้านก็จอดรถเดินดูรอบคัน เจอที่สะดุดอยู่ท้ายรถ ตรงไกล้ ๆ กับประตูหลัง ส่วนบนของกันชนหลังว่ามีรอยข่วนอย่าง ผมว่ามันน่าจะยาวกว่าไม้บรรทัดสักอีกมั้ง เลยต้องมาคิดดูว่ามันมาจากไหนกันแน่ เพราะวันเสาร์เอารถเข้าศูนย์ฯ ก็ยังไม่มี เมื่อวานนี้ ก็จอดอยู่บ้านทั้งวัน และเมื่อเช้าก็ยังไม่เห็นเลย คิด ๆ ดูว่าวันนี้ตอนกลับบ้านก็ไม่เป็นว่ามีรถมาจอดไกล้ ๆ สักนิด ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซต์คิดว่ารถคันนั้นต้องล้มแน่ ๆ เพราะมันเป็นเข้ามาจนถึงขอบล่างของประตูหลังเลย และไม่น่าจะมีแค่รอบเดียว แต่นี่มันมีแค่ที่เดียวเท่านั้น

ถ้ามีคนหมั่นไส้ แล้วเขาจะทำตอนไหนหรือ เพราะตอนกลางวัน ผมรถจะจอดรถไว้ที่บนตึกที่มียามคอยเฝ้าตลอด ไม่ใช่ลานจอดสาธารณะสักหน่อย ถ้าเป็นเช่นั้นก็คงเป็นคนในบริษัทแหละ แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ เพราะผมก็ไม่ได้จอดรถกินเลน กินที่ใครนี่หว่า ถ้าเป็นตอนที่จอดซื้อกับข้าวที่ซอยอ่อนนุช 35 มันโล่งโจ้งขนาดนั้น และไม่ได้ทำอะไรให้ใครแถวนั้นหมั่นไส้เลย คิดแล้วมันยังงงจริง ๆ


Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา