วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เมื่อยางโดนเสียบ

เช้านี้ ผมขอเดินทางกลับเข้ากรุงก่อนที่ฝูงชนจะเข้ากรุง ชิงเข้ากรุงก่อนดีกว่าไปแข่งกันวันพรุ่งนี้ และแน่นอนว่าต้องสำรวจรถเพื่อความปลอดภัยเสียก่อน สิ่งแรกที่ทำคือเช็คล้อทั้ง 4 ที่เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนของรถ แรก ๆ ก็ดูว่ายางจะมีรั่วมีซึมบ้างหรือเปล่า เพราะเมื่อวานวิ่งไปทางอำเภอแก้งสนามนางแล้วเจอถนนที่รถขนอ้อยวิ่งกัน แบบสุดยอดเลยจริง ๆ .. ก็ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อกันตลอดเลย กลัวเหมือนกันว่าจะโดนอะไรบ้างหรือเปล่า

และแล้วก็ต้องมาจ๊ะเอ๋เอาที่ล้อหลังด้านซ้าย มีหัวนอตขนาดเล็กเเสียบคาอยู่ โอย .. คงไม่ขอถอดเองหรอกครับ แบบนี้ต้องรีบเอาไปให้ช่างเช็คให้แล้ว อย่างน้อยน่าจะมีช่าง หรือร้ายซ่อมรถอยู่ระหว่างทางเข้าเมืองพลหรือบ้านไผ เพราะถ้าทิ้งไว้แบบนั้นตลอดการเดินทาง แบบไว้รอเช็คที่กรุงเทพฯเลยคงไม่ได้การแน่ ๆ

พอถึงร้าน ช่างก็ถอดล้อออกไป และดึงตัวนอตออก จากนั้นก็นำยางไปแช่น้ำเช็คลมให้ สรุป ยางไม่รั่วครับ ช่างก็จัดเก้บล้อเข้าเหมือนเดิม เขาเอาค่าตรวจเช็คให้แค่ 20 บาทเอง เขาใจดีจริง ๆ ก็ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ

และสุดท้าย นอตตัวเล็กก็ออกมาวางไว้แบบติดดิน ไม่มีใครสนใจใยดีอะไรอีกแล้ว

จากนั้นก็ขับออกจากร้านมา ด้วยใจก็ภาวนาว่าขอให้วิ่งได้ตลอดรอดฝั่ง แบบให้ถึงกรุงเทพ ฯ ด้วยเถอะ บอกตรง ๆ ว่าไม่กล้าวิ่งแบบเต็ม 100 เหมือนเดิมแล้ว เพราะยางคงมีรอยปริ พร้อมที่จะระเบิดกรือแตกได้ทุกเมื่อ หากเจอการกระแทกแบบแรง ๆ อีกสักครั้ง

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เลี้ยวขวาที่สระบุรี

ตื่นมาตอนตี 3 กว่า ๆ เพราะจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด คาดว่ารถคงไม่เยอะแล้ว คนเขาคงเดินทางตั้งแต่เย็นวันวาน และก็ขอออกเช้า ๆ หน่อยจะได้ถึงจุดหมายเร็วนิดหนึ่ง วันนี้ยังใช้เส้นทางเดิมที่เคยไป คือวงแหวนรอบนอกตะวันออก

พอจัดเก็บแต่งกระเป๋าเสร็จก็พร้อมเดินทาง โดยใช้เส้นทางออกนอกเมืองเส้นเดิม ๆ นั่นแหละครับ แรก ๆ เลยที่เลี้ยวเข้าวงแหวนตะวันออก ก็ยังไม่ค่อยมีรถมาก พอไปได้สักพัก รู้สึกว่ารถจะเริ่มหนาหูหนาตามากขึ้นเรื่อย ๆ วิ่งไปเรื่อย ๆ สลับกับหยุดบ้างช่วงมีอุบัติเหตุ แต่ยังไม่เห็นว่ามีเหตุรุนแรงมาก แค่เฉี่ยวชนกันนิดหน่อย คนส่วนใหญ่ก็ชะลอดู ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ตรงไหนมีอุบัติเหตุ คนก็จะชะลอดูแล้วก็จะทำให้รถที่วิ่งตามกันมาติดเป็นระยะไปเรื่อย ๆ

ผมใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่าก็ถึงบางปะอิน จะเข้าสู่สระบุรี ยังไม่ทันสว่างด้วยซ้ำครับ ช่วงนี้ก็พอมีรถบ้าง แต่ยังสามารถวิ่งได้ถึง 80-100 แล้วแต่จังหวะ รถมาเริ่มชะลอตัวมากช่วงเลี้ยวขวาลงจากทางข้ามหน้าค่ายทหารอดิศร ที่สระบุรี จากนั้นก็ค่อยขยับได้ทีละคืบ สองคืบไปเรื่อย ๆ แน่นอนเป็นช่วงเวลาที่ช้าที่สุดและผิดความคาดหมายไว้เลยจริง ๆ

เชื่อมั้ยครับว่าผมจอดอยู่ตรงนี้เกือบ 3 ชั่วโมง และมีทีท่าว่าจะไม่แปรสภาพไปได้เลย เลยเอาแผนที่มากางดูว่าถ้าจะออกำไปทางลพบุรีจะได้ไหม โชคดีที่พอจะออกแยกแก่งคอยแล้วไปทางท่าหลวงได้ แต่กว่าจะออกไปแก่งคอยได้ก็เลี้ยวผิดเลี้ยวถูกไปเป็นประจำ คือเขาก็มีป้ายบอกให้ชิดซ้ายถ้าจะไปแก่งคอย แต่พอออกไป มันก็ยังอีกใกล ไม่ใช่เป็นแยกไปแก่งคอย บอกตรง ๆ ว่าเลี้ยวผิดไป 2 - 3 แยก เสียเวลามากกกก ...

หลังจากที่เข้าถนนไปแก่งคอยได้ คนละอย่างกับสายหลักเลยจริง ๆ ถนนโล่งสุด.. สุด... รถน้อยมาก วิ่งได้แบบเต็มสตรีมเลย แต่เนื่องว่าถนนเส้นนี้ไม่ใช่เส้นทางหลัก ฉะนั้นก็จะมีทางเลี้ยว ทางโค้งเยอะมาก บางโค้งก็ให้เข้าโค้งแค่ 30 - 40 เอง ถ้าจะเลือกเส้นนี้วิ่งตอนกลางคืนก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพิ่มเป็นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว ไม่งั้นเข้าโค้งแล้ว ไม่มีสิทธิ์ออกจากโค้งเป็นแน่ ... :)

วันนั้นกว่าจะถึงจุดหมายที่เมืองคงก็ประมาณเที่ยงมั้ง แต่ก็ถือว่าทำเวลาได้ดีพอควร มีหลงทางบ้าง เพราะไม่เคยไป อาศัยแผนที่ที่ติดรถนั่นแหละนำทางไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากขืนยังใช้เส้นทางหลัก ผ่านเขาใหญ่ ขึ้นลำตะคอง มีหวังกว่าจะถึงก็เย็นแน่ ๆ

วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2550

มีเสียวตอนเลี้ยวเข้าซอย

วันนี้ออกจากอฟฟิซประมาณ 4 โมงเย็นนิด ๆ เพราะไหน ๆ ก็สิ้นปีแล้ว อีกอย่างหัวหน้าออกไปแล้ว :)

แม้ว่าขณะนั้นรถจะยังไม่เยอะมากเหมือนทุกวันที่ออกจากออฟฟิซ แต่ก็มีอะไรเสียว ๆ บนท้องถนนเหมือนกัน เรียกได้ว่าเกือบตลอดการเดินทางเลยก็ว่าได้ รายแรกก็ออกจากไฟแดงแรกใกล้ ๆ กับสถานทูตออสเตรเลีย เขาวิ่งเข้าซ้ายออกขวากันตลอด มีเบรค ๆ เร่ง ๆ ตามปกติ และข้างหลังยังมีรถเมล์จี้ตูดมาอีก ไม่ได้กลัวอะไรมากหรอก แต่มันไม่น่าไว้ใจเลย เพราะเวลาเขาจะเข้า จะออกซิ่งแซงก็จะออกมาแบบไม่เกรงใจใคร

จากนั้นก็มาช่วงทางตรง เลยตลาดคลองเตยเข้าพระโขนง ยอมรับว่าถนนช่วงนี้ขับยากพอสมควรเพราะมีรถเข้าออก ตามไหล่ทางเสมอ เลนขวาก็จะวิ่งกันอย่างเร็วและบางทีก็ชะแล๊บเข้าเลนกลางเพราะมีรถจะเลี้ยวขวากับกลับรถ ยิ่งเวลามีรถเมล์ตามมาติด ๆ ก็ต้องระวังอย่างมากตามอารมณ์ของแกเหมือนเดิม ส่งผู้โดยสารที่ป้ายเสร็จก็จะตีไฟเข้าเลนกลางเป็นประจำ

พอเลี้ยวขวาเข้าสุขุมวิทก็มีอีกเสียว เพราะรถเมล์จะเลี้ยวซ้ายออกจากแยกพระโขนง ในขณะที่สายตรงนั้นเป็นเพิ่งจะเป็นไฟเขียวใหม่แค่ไม่กี่วินาที โอยย.. รถก็กำลังซิ่งออกจากไฟ รถเมล์เกือบเสียบเข้ากลางคันเราแล้วสิ เสียวมาก ๆ ไม่ได้กลัวตายหรอก แต่เสียดายรถอ่ะ

ยังมีอีกเสียวตอนเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยอ่อนนุช เผอิญว่าเราตีวงกว้างไปหน่อย เกือบจะเสยกับรถที่ออกจากซอยตรงไปแดงพอดี ยอมรับว่าจุดนี้เสียวกว่าเจอรถเมล์ที่สามแยกพระโขนงซะอีก :)


วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2550

จอดเลยเส้น

เช้านี้ มีเรื่องมาเล่าอีกแล้ว ก็ตรงที่กลับรถเข้าออฟฟิซ เราเองก็จอดเป็นคันแรก ซึ่งตำรวจก็บอกให้จอดเลยเส้นไปหน่อย ประมาณว่าไม่ต้องจอดตรงเส้นก็ได้ ก็จัดให้เขยิบรถไปข้างหน้านิดหนึ่ง

พอไฟแดงเส้นทางตรงปุ๊บ ไฟเขียวให้รถวิ่งออกจากซอยกัน เขาก็วิ่งกันปกตินั่นแหละ แต่ไฟกลับรถยังแดงอยู่ เราก็มอง ๆ ว่า เอ จะไปได้ป่าวนา.. มอไซต์ก็ยังจอดไม่ซิ่งออกไปเหมือนเคย แล้วคุณตำรวจก็มาเคาะกระจกบอกให้ออกไปเลย อ้าว ไปก็ไป ..

แน่นอนว่าถ้าเราเป็นคันที่สอง ที่สามก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะจะตามเขาไปเสมอแหละ :)

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2550

รับรถได้แล้วครับ

ตอนบ่าย ช่างโทรมาบอกว่ารถของพี่กำลังล้างอยู่ น่าจะเสร็จอีกสักชั่วโมง ให้เข้ามารับได้ แน่นอนครับ ว่าเราต้องรีบไปดูหน่อย เขาอุตส่าห์โทรมาแจ้งทั้งที เพราะก่อนนี้ ช่างเขา ก็โทรมาบอกว่าคิ้วกันสาดตรงข้างประตูนั้น เขาแกะออกมาหมดเลย เพราะต้องเปลี่ยนใหม่แทนอันเก่า แต่ว่าอะไหล่ยังไม่มี คงต้องรอหลังปีใหม่ เราก็ตอบโอเคแหละ เพราะยังไงก็ไม่ได้ผลมากขณะขับ อาจจะดูโหลน ๆ ก็ยังรับได้..

พอไปถึงก็คุยกะช่าง และเขาก็มาแนะนำที่รถเลยว่าต้องดูตรงนั้น ตรงนี้ เวลาขับได้กี่กิโลเมตร ประมาณนี้ แต่จริง ๆ เราก็ซึมเข้าสมองบ้าง ไม่เข้าบ้าง เพราะยังไม่รู้จะดูอะไรกันแน่ เวลาต้องทำจริง ๆ บอกตามตรงไม่รู้เรื่องรถเอาเลยจริง ๆ

ช่างก็แนะนำอยู่ประมาณ 10 - 15 นาทีได้ แล้วให้เราเซ็นเอกสารการรับส่งรถ พร้อมเอกสารที่ต้องให้พี่ รปภ. ตรงทางออก พอเราเข้าไปนั่งในรถ สตาร์ทเครื่องจะออกตัว เอ๊ะ เสียงอะไรดังอืดดดด อืดดด เวลหมุนวงล้อ เบรคมือก็เอาลงแล้วนี่นา พอดีมีช่างอีกคนเดินเข้ามาตรงที่จะออก เขาบอกว่าเป็นเสียงยางครูดกับพื้น ที่เป็นเหมือนกระเบื้องยางที่ปูบ้านแบบถูกยังไม่รู้อ่ะ เอ่อ ... แบบนี้ก็มี :)

เอารถเข้าศูนย์

ขับรถมาเกือบ 2 เดือนแล้วแต่ยังไม่ได้เช็คแบบจริงจังสักที ช่วงนี้ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว เลยถือโอกาศเอารถเข้าศูนย์ไปเช็คสักหน่อย ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ก็ศูนย์ศรีนครินทร์ใกล้บ้านนี่เอง

พอก้าวเข้าฝ่ายช่างก็งงเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะเริ่มที่ไหน ตอนนั้นคนยังไม่ค่อยมีเท่าไร ก็เห็นน้องคนหนึ่งว่าง ๆ ก็เข้า เขาก็บอกให้เราไปกดบัตรคิวที่ตู้ทางเข้า อืมม รับบัตรคิวเสร็จก็นั่งรอ แป๊บเดียวเองแหละครับ แล้วคนรับเรื่องก็พาไปดูรถว่าจะทำอะไรมั่ง ก็บอกว่าให้เช็ครถหน่อยเพราะยังไม่ได้เช็คตั้งแต่ขับมา และช่วยซ่อมคิวกันสาด ที่มันเริ่มปริออกมาบ้างแล้วทางด้านคนขับ จากนั้นก็ออกเอกสารส่งมอบรถให้กับช่าง และตกลงกันว่าจะรับรถเมื่อไร

ออกจากโชว์รูมมาก็เดินไปป้ายรถเมล์ โชว์รูมนี้เสียมากตรงที่หาป้ายรถเมล์ใกล้ ๆ ไม่มีเลย ต้องเดินไกลและต้องข้ามถนนแบบเสี่ยง ๆ เหมือนกัน พอขึ้นเมล์สาย 133 มั้ง (?) คิดว่าจะไปเดินเล่นที่ซีคอนหน่อย เผื่อได้ไปดู Pocket PC สักเครื่อง ซึ่งจะเอาไว้ใช้เก็บข้อมูลการเดินทาง การเติมน้ำมัน และก็ที่สำคัญเขียนไดแอรี่ มองมาหลายวันหลายสัปดาห์แล้ว แต่คงยังไม่ซื้อหรอก เอาไว้หลังปีใหม่หรือไม่ก็งานคอมมาร์ตตอนต้นปีหน้า ราคาน่าจะลดลงมาอีกเยอะ :P

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เอาแก๊ซโซฮอล์ 95

เช้านี้ต้องเติมน้ำมันอีกแล้วสิเรา จริงแล้วก็ถ้าไม่ออกต่างจังหวัด มัก็ยังไม่เท่าไรหรอก ใช้ได้นานเหมือนกัน แต่ถ้าออกต่างจังหวัดเมื่อไร รู้สึกว่ารถจะกินน้ำมันพอควร เพราะเหมือนกับว่าปรับสภาพยังไม่ถูกว่าตอนนี้วิ่งในเมืองหรือนอกเมือง หรือว่าผมยังใหม่เรื่องรถเรื่องราอยู่ ..

แน่นอนว่าวันนี้คงไม่ถามหาแก๊ซโซฮอล์ 91 ให้เมื่อยแล้ว เอาแก๊ซโซฮอล์ 95 เต็มพร้อมย้ำกับเด็กปั้มว่าเป็นแก๊ซโซฮอล์ 95 ไม่งั้นได้เบนซิน 95 แทนเหมือนครั้งที่แล้วอีก เซ็งจริง ๆ จ่ายเงินเท่ากันแต่ได้น้ำมันน้อยหว่าตั้ง 5 ลิตรแน่ะ ท่านทั้งหลายอาจจะบอกว่าแค่ห้าลิตรเอง แต่เชื่อเถอะครับ ห้าลิตรก็พาไปได้ไกลอยู่นา ... :)

เอาแบบสถิติหน่อย ก็ผมจดรายละเอียดการเติมน้ำมัน 3 ครั้งล่าสุดไว้ เมื่อนำมาคิดคำนวณจากโปรแกรมเรื่องการเงินที่ดาวน์โหลดมาใช้ ดูแล้ว อัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 6.6 กม. ต่อลิตร แต่ถ้าเป็นค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 11.8 กม. ต่อลิตรเชียวนะครับ ถ้าถามผมว่าคิดอย่างไร เพราะข้อมูลดิบที่ได้มาก็เช่น วันที่เติมน้ำมัน จำนวนที่เติมต่อครั้ง (บาท) จำนวนน้ำมันต่อครั้ง (ลิตร) ราคาที่หัวจ่าย (ต่อลิตร)และเข็มไมล์ ณ ขณะเติมที่น้ำมัน จากนั้นก็เอามาบวกลบคูณหารกันตามประสาที่น่าจะเป็นไปได้ หรือจริง ๆ แล้วท่านอาจจะเข้าไปดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาลองใช้งานดู จะได้มีไอเดียเจ๋ง ๆ ว่าจะคิดคำนวณเรื่องอะไรบ้าง

ลิ้งค์ :
Keywords: Gasohol, Honda Jazz

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2550

มอเตอร์เวย์ ใจดี ให้วิ่งฟรี

มอเตอร์เวย์ ใจดี ให้วิ่งฟรี 27 ธ.ค.- 3 ม.ค.

ข่าว รายงาน กรมทางหลวง เปิดให้ประชาชนวิ่งฟรีบนถนน มอเตอร์เวย์ สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี และ มอเตอร์เวย์ ถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 27 ธันวาคมนี้ ถึงวันที่ 3 มกราคม 2551 เพื่อมอบให้เป็นของ ขวัญปีใหม่ และปัญหาการจราจรบริเวณหน้าด่าน มอเตอร์เวย์

นายสุรชาติ ลีรคมสัน ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ สำนักทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองจะเปิดให้ประชาชนวิ่งฟรีบนถนนมอเตอร์เวย์สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี และถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก

โดยประชาชนผู้ใช้ทางสามารถวิ่งผ่านด่านธัญบุรี ด่านทับช้าง ของถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก และวิ่งผ่านด่านลาดกระบัง ด้านพานทอง ของถนนมอเตอร์เวย์สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ถึงวันที่ 3 ม.ค. 2551 เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ และปัญหาการจราจรบริเวณหน้าด่าน เนื่องจากในช่วงวันดังกล่าวจะมีประชาชนในเส้นทางเป็นจำนวนมาก หากต้องจอดจ่ายค่าผ่านทางบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดการจราจรติดขัดยาวเหยียดได้

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมแผนอำนวยความสะดวก มั่นคงและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2551 มีหน่วยงานสังกัดกระทรวงฯ เข้าร่วม

โดยที่ประชุมเห็นชอบให้หน่วยที่ดูแลรับผิดชอบโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ในเส้นทางหลักและเส้นทางรอง ขอความร่วมมือผู้รับเหมาหยุดการก่อสร้างและคืนผิวจราจร ให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก และ ติดป้ายเครื่องหมายต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจรไปมา ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.นี้ ถึงวันที่ 3 ม.ค. 2551

bk_keywords:Honda Jazz, Honda, Car, Tollway, Motor way, automobiles.

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2550

มีเสียงอี๊ดดดดด ตอนสตาร์ทเครื่อง

เช้านี้ เจออะไรแปลกแต่เช้าเลย ก็ตอนสตาร์ทเครื่องครั้งแรก มีเสียงอี๊ดดดดด ยาวออกมาจากด้านหน้า ส่วนไหน มุมไหนก็ไม่ทราบได้ พอกำลังจะเปิดประตูลงไปดู อ้าว เงียบซะแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นที่สายพานแน่ๆ แต่ไม่ได้เปิดกระโปรงหน้ามาดูนะ ก็อย่างว่าแหละ เราไม่ได้มีความรู้เรื่องรถเลย พอเห็นว่าดีแล้วก็ไม่รู้จะดูอะไรดี เสียงมันก็เงียบแล้ว คงไม่มีอะไรมากหรอกมั้ง

ตอนที่ขับรถไปก็คิดอยู่ว่าเย็นนี้ต้องลองดูอีกที หากยังมีเสียงแบบนี้อีกคงต้องรีบเข้าศูนย์ให้ช่างเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเสียหาย หรือก่อให้เกิดอันตรายตอนขับได้ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า จริงมั้ยครับ :)

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ชมทุ่งทานตะวัน

ออกเดินทางยามเช้า

ตื่นมาประมาณตี 5 ได้เพราะนอนไม่หลับอีกแล้ว แต่ยังไม่ได้ลุกจากที่นอนหรอก ไม่รู้จะไปทำอะไรดีเช้า ๆ แบบนี้ อีกอย่างก็นัดกับเพื่อน ๆ ไว้ตอน 6.30 น. ว่าจะไปเที่ยวทุ่งทานตะวันที่ลพบุรีกัน พอใกล้จะหกโมงก็ลุกขึ้นอาบน้ำ จัดเตรียมสิ่งของว่าจะเอาอะไรไปมั่ง ส่วนใหญ่ก็อุปกรณ์ทั่ว ๆ ไปสำหรับนักท่องเที่ยว เช่นกล้องดิจิตัลกับขาตั้งกล้อง ถ้าไม่เอาไปด้วยเดี๋ยวตากล้องก็ไม่ได้ถ่ายรูปกับเขาสักที นอกจากนั้นก็เป็นเสื่อพลาสติค น้ำสัก 2-3 ขวดพอลงมาที่รถก็จัดของใส่รถ เพื่อนที่นัดไว้ก็มาพอดี ไม่นานเราก็ออกเดินทางครับ

เส้นทางก็ไปกันง่าย ๆ ธรรมดา คือขับตามถนนอ่อนนุชไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 9 (ที่เรียกว่าวงแหวนตะวันออกมั้งครับ) ที่แถวเขตประเวศ พอขึ้นทางด่วนมาก็วิ่งเร็วบ้าง ช้าบ้างเพราะรถวันนี้เยอะพอควร แต่ไม่ถึงกับว่าวิ่งเร็วไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็วิ่งในช่วง 90 - 100 เท่านั้น เพราะไม่อยากวิ่งเร็วมาก อยากไปเรื่อย ๆ มากกว่า ไม่ต้องรีบร้อนอะไร

พอผ่านตัวเมืองสระบุรี ก็แวะปั้ม Jet เพื่อเติมน้ำมันสักถังก่อน ซึ่งมันก็น่าจะหมดตั้งนานแล้ว แต่วิ่งมาได้เป็นร้อยกิโลแบบนี้ ก็รู้สึกว่าดีจริง ๆ ที่รถเราไม่ได้เข้าสูบน้ำมัน และคราวนี้เราตั้งว่าจะเติมเป็นแก๊ซโซฮอล์ 95 แทน เพราะหลังจากที่หาโซฮอล์ 91 ไม่ได้เมื่อครั้งที่ไปซาฟารี

ชมทุ่งทานตะวัน

หลังจากนั้นก็ขับไปเรื่อย ๆ ถึงแยกพุแค เลี้ยวขวาไปทางพนัสนิคม ไปได้ไม่ใกลก็พอมีทุ่งทานตะวันเป็นหย่อม ๆ แต่ไม่ได้สวยเลยเพราะคงเริ่มฤดูเก็บเกี่ยวกันแล้วละมั้ง มีหลงทางบ้าง ก็จอดถามคนที่เขาเดิน ๆ อยู่แถวข้างถนนแหละ ถ้าเรายึดทางไปเขื่อนป่าสักฯ ก็เรียบร้อย คือจะง่ายมากว่าจะไปทางไหน หาป้ายได้ง่ายกว่าจุดหมยอื่น ๆ ที่สำคัญคือไม่หลงทาง !!!

ขับรถไปเรื่อย ๆ ตามถนนหมายเลข 3314 ง่ายดี ก็เจอไร่ทานตะวันขนาดใหญ่ถึงใหญ่มาก รถจอดกันทั้งสองข้างทาง เออ.. น่าจะเป็นตรงนี้แหละ อย่างน้อยคนก็ลงไปเยอะ แน่นอนว่าต้องจอดรถตามใหล่ทางแหละ แบบบ้านทุ่งจริง ๆ แล้วก็เดินเข้าไปตามที่คน ๆ เขาเดินไปอ่ะ

หากมองลึกเข้าไปในไร่แล้วจะเห็นว่า ดอกทานตะวันกำลังเบ่งบานกันทั่วทั้งทุ่งเลย สวยงามมาก ยิ่งถ้าเป็นตอนเช้าที่ดอกกำลังบานตอนเช้าต้อนรับแสงตะวัน คงสวยงามอย่างมาก เราก็เดินเข้าไปในไร่เก็บภาพให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มุมนั้นบ้าง มุมนี้บ้าง ถ่ายภาพได้ร้อยกว่าภาพมั้ง ดีนะที่เป็นกล้องดิจิตัล เพราะถ้าเป็นกล้องฟิล์มก็คงหมดไปหลายม้วนแล้ว เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้ที่เดียว

แต่... ทราบมั้ยว่าต้องเสียค่าเข้าชมด้วย?!?! เป็นความจริงครับ ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 5 บาท แต่ผมว่ามันไม่ได้มากมายอะไรนักหรอกที่จะจ่าย เพราะเดินเข้าไปเเล้วมันสวยจริง ๆ และที่เห็น ๆ ก็ต้นทานตะวันเหล่านั้นโดนเหยียบล้มกันเยอะมาก นี่ ขนาดผมมาเช้าแล้วนะยังมีเยอะ ขนาดนี้ ถ้าเป็นตอนบ่าย ๆ คนเยอะกว่านี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ฉะนั้น คนละ 5 บาทก็คงไม่คุ้มค่ากับความเสียหายจากการโดนเหยียบย่ำตลอดทั้งวัน.. ก็อย่างว่าแหละครับ เมื่อเขาเปิดให้คนเข้าชม ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน .. :)

เข้าเขื่อนป่าสัก ฯ

พอจะเข้าเขื่อนป่าสักฯ ก็มีอะไรให้เจ็บใจเหมือนกัน คือรถมันเยอะ คนเขาก็ขับช้า ๆ ตามกันมาแหละ แต่พวกที่ไม่มีมารยาทอ่ะนะ ขับคล่อมเลนมาทางซ้าย ตามไหล่ถนน เสร็จแล้วมันก็มาชะแว๊บเข้าทีละคัน สองคัน เหมือนกับพวกที่ชอบชะแว๊บเข้าตามคอสะพานหรือทางแคบ ๆ แหละครับ ตอนแรกก็กะไม่ให้เข้าแล้ว เบียดเข้ามา ผมก็เบียดขึ้นไป เหลือนิดเดียวจริง ๆ ถ้าขยับอีกไม่ถึงครึ่งล้อก็มีหวังสะกิดกันแน่ ๆ แต่น้องที่นั่งมาด้วยขอไว้บอกว่าให้เขาไปเถอะ เสียเวลาที่ไปตอแยกับคนพวกนี้ มันน่าเจ็บใจไหมละท่าน เกลียดจริง ๆ พวกไร้มารยาทเช่นนี้ เห็นแก่ตัว ขอให้ได้ไปก่อน เฮ้ยยย .. เซ็ง !!!

พอเข้าไปข้างใน คนก็เยอะเหมือนกัน มิน่าล่ะ รถติดจริง ตรงทางเข้ามา ตอนแรกก็ได้ที่จอดดีหรอก แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแถวนั้น เลยเลื่อนไปใกลหน่อย หาที่จอดใหม่อีกที ใกล้ ๆ ห้องน้ำอ่ะ ไหน ๆ ก็จอดแล้ว แวะเข้าห้องน้ำกันหน่อย จากนั้นก็มองรอบ ๆ ก็ยังไม่มีอะไรน่าสนใจอยู่ดี มันโล่ง อากาศร้อน ไม่มีจุดที่น่าสนใจเลย ก็เลื่อนไปอีกตรงหน้าออฟฟิซมั่ง เพราะมีขบวนรถไว้บริการนักท่องเที่ยว ไปชมรอบ ๆ เขื่อน ๆ หรืออาจจะไปถึงสันเขื่อนมั้ง เอาเป็นว่าตรงนี้ก็พอได้ อากาศเย็นสบายดี และก็มีที่จอดรถในร่มด้วย แต่ก็วนหาที่จอดรถอยู่นานเหมือนกัน

ทานข้าวเที่ยง

เชื่อมั้ยครับพี่น้อง .. ขับรถออกจากกรุงเทพมาซะใกล แต่ไม่รู้จะแวะกินข้าวที่ไหนกันดี เจอโลตัส ลพบุรีก็เลี้ยวซ้าย แบบตัดหน้าเข้าเข้าไปในห้างอีกต่างหาก แต่ก็ไม่ได้ทำแบบน่าเกลียดหรอกครับ ตีไฟเลี้ยวไปตั้งนานแล้วกะให้เขาขับผ่านเลยไปก่อน เราก็ขับชะลอไปเรื่อย ๆ ก็ยังไม่ยอมตีห่างจากเรา ก็เลยซิ่งไปข้างหน้าแล้วค่อยชะแล๊บเข้าซ้าย เท่านี้นก็เรียบร้อย ... :O พูดเรื่องกินข้าวกันต่อ พอเข้าจอดในโลตัสเสร็จ ก็มอง ๆ อยู่ว่าจะกินอะไรดี มองไปเห็น MK อ่ะ .. MK ก็ MK...

พระปรางค์สามยอด

ตอนบ่าย ก็พากันเข้าเมืองลพบุรี คุยกันว่าไปเที่ยวไปชมฝูงลิง แถวพระปรางสามยอด ในเมืองลพบุรีซะหน่อย พอไปถึงก็หาที่จอดรถนานมาก เพราะพระปรางค์นั้นตั้งอยู่ในตัวเมือง และมีรถเยอะมาก ตอนแรกขับผ่านหน้าไปแล้วก็ไม่มีที่จอด แล้วก็เลี้ยวเข้ามาใหม่ โอ.. มีที่ว่างพอดี แต่พอกำลังจะเข้าเทีบยจอด มองไปเห็นรถปิกอัพคันที่จอดอยู่ข้างหน้า โอ้ มายกอด ... สภาพเละมากครับเพราะเจ้าลิงน้อยใหญ่เหล่านั้น ขึ้นไปบนหลังคาแล้วก็ดึงเส้นยางตามรอยขอบประตู ขอบกระจกออกมาดึงเล่นกัน วางเกลื่อนที่พื้นก็มี โอย.. แบบนี้ถึงจะสนุกยังไงก็ไม่เอาด้วยหรอกครับ แต่ระหว่างนั้นก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาที่รถคันนั้นพร้อมหนังสะติ๊ก คิดว่าเขาคงจะคอยไล่ลิงที่มาก่อกวน สร้างความรำคาญกับรถที่จอดกันแน่ ..

สองภาพข้างล่าง ผมบอกให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ ถ่ายเอาไว้ให้หน่อย เผื่อวันหลังใครผ่านไปแถวนั้นจะได้ระมัดระวังเอาไว้บ้างครับ



เย็นแล้วกลับ กทม.

หลังจากที่เราตกลงกันในรถแล้วว่าคงไม่คุ้มกันแน่ ถ้าจะจอดรถทิ้งไว้แล้วไปเดินถ่ายรูปรอบ ๆ พระปรางค์สามยอดอย่างที่ตั้งใจไว้ อาจจะมองโลกแง่ร้ายไปหน่อย แต่ตัวอย่างเห็นกับตาแบบนี้ ก็ไม่ขอเสี่ยง เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับรถของเราจริง ๆ มันสูญเสียมากกว่าความพอใจที่ได้ถ่ายรูป เลยกลับขึ้นรถเตรียมตัวเข้ากรุงเทพดีกว่า กลับเร็วก็ถึงเร็ว :)

อาหารมื้อเย็น

สุดท้ายก็เลยมาลงเอยที่ร้านส้มตำเจ้าเก่าหน้าปากซอย เพราะอยากกินอะไรที่เป็นบ้าน ๆ ม่กกว่า เลยแวะจอดรถซื้อส้มตำกับตำซั่ว ไก่ย่างกับปลาดดุกสักตัวไปเป็นอาหารมื้อเย็นอย่างอะเหร็ดอร่อย :P

วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ว่าด้วยเรื่องรถใหม่

ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้อัพเดทบลอกอื่น ๆ มาเท่าไร เพราะต้องหาข้อมูลการใช้รถ ใช้ถนน หลักการใช้งานรถทั้งทั่วไปและเจาะจงเฉพาะอย่าง เช่น การตรวจเช็คลมยาง การเติมลมยาง การล้างรถ น้ำมัน วิธีการเดินทางให้ปลอดภัยและแม่นยำ ไม่ใช่ว่าเวลาจะไปจริง ๆ ค่อยมาดู แล้วหลงทางตลอดการเดินทาง รวมทั้งต้องคอยติดตามเรื่องราคาน้ำมัน แต่ละวันว่าจะขึ้น จะลงวันไหนบ้าง แม้ว่าจะไม่ค่อยใส่ใจกันเท่าไร เพราะมันเปลั่ยนบ่อยจริง ๆ บางทีก็ต้องหาด้วยว่ามีขายที่ไหนบ้าง โดยเฉพาะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วหาแก๊ซโซฮอล์เติมไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ตกลงว่าใครขาย ใครผลิตก็ไม่รู้ เหมือนกับมีการตุนไว้ให้ราคาขึ้นแล้วค่อยเอามาขายหรือป่าวนะ :(

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องความปลอดภัยในการจอดรถ การหาที่จอดให้ปลอดภัยด้วย ผมยังเคยคิดจะหาวิธีการติดกล้องวงจรปิดเล็ก ๆ ไว้ในรถ แล้วดูภาพทางมือถือหรือคอมที่ห้องนอนเลย ดูเหมือนว่าจะเห่อ(เว่อร์) ไปหน่อย แต่ก็รถคันแรกในชีวิตอ่ะ ต้องระวังให้ดี จริงใจครับ

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม :

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (ปตท.)
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 (บางจาก)

bk_keywords:Honda Jazz, Honda, Car, automobiles.

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2550

อ้าว ติดค้างบนสะพาน

เย็นวันนี้ ขับรถกลับบ้านตามปกตินั่นแหละ พอถึงสะพานใกล้ปากซอยเข้าบ้าน เผอิญว่ารถติดอยู่คอสะพานพอดี คิดว่ารถน่าจะเข้าออกซอยเยอะไปหน่อย เลยติดยาวมาถึงสะพานได้ พอรถเริ่มออกตัวไป ก็เหลือเราที่ค้างอยู่คอสะพานตรงนั้น จริง ๆ ก็ ปล่อยจากเบรคไปเหยียบคันเร่งเรียบร้อยแล้ว แต่ทำไมรถไม่ยอมออกตัวสักกะที แถมมีการไหลไปข้างหลังอีกต่างหาก โอย.. ไม่ได้การแล้ว เหยียบคันเร่งลงไปอีก ไหน ๆ ก็ไม่มีรถข้างหน้าแล้ว .. เออ.. ก็ไปได้นะ ตกลง เราเหยียบคันเร่งน้อยไปมั้ง ?!?!

:)

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ที่จอดรถอันสุดแคบของห้าง

เมื่อคืนนี้ไปร่วมงานแต่งของเพื่อนที่อิมพีเรียล-สำโรง ตอนแรก็คิดว่าจะลองไปเส้นศรีนครินทร์ เลยไปทางเทพารักษ์ แล้ววกเข้ามา แต่ไม่ค่อยรู้ทางเลยขอไปเส้นบางนาดีกว่า รถติดหน่อย อย่างน้อยก็รู้เส้นทางเป็นอย่างดี แต่ถนนเส้นนี้ ถ้าเลี่ยงได้ ให้เลี่ยงเถอะครับ ถนนแคบ รถเยอะ เป็นหลุมเป็นบ่อตามขอบถนน บางทีก็เจอปุ่มตรงกลางถนนเลย และก็ตรงขอบแผ่นเหล้กที่นำมาวางต่อๆ กันแทนลาดยาง ก็ไม่ได้เรียบมาก ถ้าเป็นรถใหญ่หน่อยก็อาจจะไม่รู้สึกมาก แต่รถของเรามันเล็ก นิด ๆ หน่อยๆ ก็ตึ้งๆ ตั้ง ๆ หลบกันวุ่นวายทีเดียว

จริง ๆ แล้วในการ์ดแต่งงานเขาก็แนบแผนที่เล็ก ๆ มาให้ด้วยเพื่อให้สะดวกในการเดินทาง ดูตามแผนที่ก็เข้าใจแหละว่าจะไปได้อย่างไร คือถ้ามาจากทางบางนา แผนที่ก็บอกให้กลับรถใต้สะพาน ไอ้ตรงใต้สะพานนี่สิครับ เกือบเลยสะพาน เพราะคนเดินกันขวักไขว่ จนแทบไม่เห็นช่องซ้ายสุดที่มีสำหรับกลับรถข้าง ๆ สะพาน พ่อค้าแม่ค้าก็วางของล้นออกมา จนไม่ได้คิดว่าจะเป็นทางกลับรถเลยสักนิด

พอเลี้ยวซ้ายเข้าห้างก็วุ่นวายเหมือนเดิม คนเดิน รถเยอะ แบบแทบจะไม่รู้ตรงไหนทางรถ ทางคน หนำซ้ำต้องหาทางเข้ากันอีกว่าตรงไหน ทางเข้าจอดในห้าง เห็นแต่ Exit ตลอดเลย เราก็วนไปข้างหลังโรงพยาบาล เลี้ยวขวา เเล้วก็หยุด เออ .. ไปไหนต่อดี เหมือนจะเป็นการเดินรถทางเดียว พอจะถอย .. อ้าววว มีรถตามมา งั้นเดินหน้าละกัน...

สุดท้ายก็มาถึง Enter โอยย.. จะบ้าตาย เจอทางขึ้นของที่จอดรถของห้างแล้วสุด ๆ แคบก็แคบ มองอะไรก็ไม่เห็นทั้งสองข้างทาง และก็ต้องวนขึ้น 180 องศามั้ง จะสิ้นสุดเมื่อไหรก็ไม่อาจจะรู้ได้ ก่ออิฐขึ้นมาบังทำให้เหมือนอยู่ช่องแคบ ๆ ทึบ ๆ ตลอดการขึ้น พอหลุดโค้งต้องออกขวาทันที ห้ามตรงไปโดยเด็ดขาด เพราะทางขึ้นอยู่ไม่ใกลจากตรงนั้น !!!

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ไม่ขายแก๊สโซฮอล์ 91 กันแล้วเหรอ

แม้ว่าจะเป็นวันหยุด แต่ต้องตื่นมาเช้า ๆ เหมือนเดิม เพราะต้องเตรียมตัวไปร่วม Family Day กับเพื่อน ๆ ที่ทำงาน กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ประมาณ 7 โมง คงต้องไปเติมน้ำมันก่อนเดินทางแล้ว ไม่งั้นไม่ถึงซาฟารีเป็นแน่ พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์ ก็มองหาปั้มน้ำมัน ตอนแรกก็คิดว่าจะเข้า ปตท. หรือไม่ก็ปั้มบางจาก เพราะคงมีแก๊สโซฮอล์ 91 (Gasohol) แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่มีขายทั้งนั้น ปตท. ยิ่งหนักไปอีก ไม่มี 95 ขายด้วยซ้ำ ขับรถหาอยู่หลายปั้ม ก็ยังไม่ได้น้ำมันใส่รถ ลองเข้าปั้มเชลล์กับเอสโซ่ ก็ไม่มีแก๊สโซฮอล์ 91 ขายกันเลย เอาล่ะ ไม่มีก็เอาเบนซิน 91 แทนที่เอสโซ่นี่แหละ ไม่งั้นก็ได้จอดกลางทางแน่ ... งงเลยครับ พี่น้อง.. ตกลงพลังงานทางเลือกหรือพลังงานบังคับกันเนี่ย ?!?!

Gasohol

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

โอ .. the pedestrian

เช้านี้ ออกมาตามปกติแหละ รู้สึกขับไม่ค่อยสบายตั้งแต่ออกตัวแล้ว เลี้ยวขวา ก็เจอรถเก๋งสีดำจอดขวาง จริง ๆ แล้วเขาจะเข้าบ้านของเขาแหละ แต่เราเลี้ยวออกมาเจอตอนเขาถอยจะเข้าบ้านพอดี มันก็เลยเหมือนขวางทางเรา อิ ... อิ ...... :)

พอมาถึงตรงทางออกซอย เราก็หยุดแล้วค่อยเลื่อนออกถนนมาเรื่อย ๆ เพราะเราต้องข้ามอีกฟากถนน ตอนแรกก็เห็นอยู่ว่ามีคนยืนจะข้ามถนนทางด้านฝั่งขวาของเรา เขาก็เดินมากะเรา ประมาณว่าให้เราบังทางไว้ก่อน จากนั้นเราก็จอดรอรถเลนในฝั่งตรงข้าม เพื่อให้เขาไปก่อน ตรงนี้แหละ ลืมไปเลยว่ามีคนข้ามถนนเพราะมองไม่เห็นเขาเแล้ว คิดว่าเขาคงข้ามไปแล้ว เราก็มองรถทางซ้ายว่าจะมีไหม พอรถว่าง เราจะออกตัว อ้าวววว น้องมายืนใกล้รถเรา น้องเขาถึงกับต้องถอย 2-3 แบบกลัว ๆ แหละ ก็ใครจะไปคิดว่าเขามายืนใกล้รถเรา เพราะยังไงเสียเราก็คงออกตัว 45 องศาไม่ได้อยู่แล้ว และตรงนั้นเป็นมุมบอดสำหรับคนขับรถจริง เพราะมีเสาหน้าด้านซ้าย (ฝั่งคนขับแหละ)บังอยู่ ดีนะที่ออกตัวไม่แรง ไม่งั้นคง หามน้องคนนั้นส่งโรงบาลกันแน่ !!
เสริมนิดหนึ่ง จริง ๆ เราก็เคยเจอแบบเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วก่อนจะออกป้ายแดงมาขับ มุมเดียวกันเดีะเลย ..

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

จี๊ดครับ กระจกปิดไม่สนิท

เช้าตื่นมาตีหากว่า ๆ อาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็เตรียมตัวออกไปทำงาน เหมือนทุกเช้าแหละ

จากนั้นดูทางออกกับสำรวจมุมข้างนอก แล้วก็เปิดประตูเข้าไปนั่ง จี๊ดดดด... เลยครับ กระจกด้านซ้ายปิดไม่สนิท เปิดทิ้งช่องไว้เป็นคืบ ทำได้ไง จำได้ได้ว่าเราก็ปิดหมดแล้วนะเมื่อคืน .. ถ้าทำแบบนี้ที่อื่น มีหวังนั่งหงอยแน่ ๆ กลัวรถหายอ่ะ นี่ก็ไม่รู้มีสัตว์ประหลาดเข้ามาในรถเราหรือปล่าวหน้อ!?!?!?


วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

เช้านี้มีเสียว

เช้านี้มีเสียวอีกแล้ว ตอนกลับรถเข้าออฟฟิซ หักออกตัวมาได้เกือบจะเข้าเลนกลางแล้ว ก็มีรถแซงสวนขึ้นมาจาฝั่งตรงข้ามอย่างแรง ถ้าเราขับเร็วอีกนิดนะ มีหวังนั่งเศร้าตรงนั้นแน่ ก็พี่แกพุ่งมาแบบสุด ๆ อ่ะ คิดแล้ว น่ากลัว ... จากนั้นพอเราจะเข้าเลนซ้ายสุดเพราะเลี้ยวเข้าออฟฟิซแล้ว ก็มีรถตีไปเลี้ยวซ้าย เออ.. เอาไงดีว่ะ เราก็ชะลอตรงเลน 2 ก่อนกะจะให้เขาไปก่อน เพราะเคยเจอแบบนี้ แต่ไม่ยอมให้เราเข้าไป รอดูก่อนดีกว่า เกิดอะไขึ้นมา มันไม่คุ้มกัน ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ไป ๆ มา ๆ พี่แกก็เลี้ยวเข้าออฟฟิซเดียวกะเราน้านแหละ ...

พอเข้าจอดก็ขอดูรอบคันสักหน่อย เพราะเพิ่งล้างมาเมื่อวาน อาจจะมีอะไรให้เจ็บใจเล่นบ้าง ก็ดูไปเรื่อย ๆ แหละ มาสะดุดตรงใต้ไฟเลี้ยวด้านซ้ายมือ เอ้ย รอยอะไรว่ะ !!! ใช่เลย ไอ้ที่มันดังแข๊กกกกก เมื่อวันก่อนแน่ ๆ เซ็งอีกแล้วครับท่าน !!

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

รถเมล์มาทันอีกแล้วววว

วันนี้ขับออกจากออฟฟิซประมาณ 5.15 น. พร้อม ๆ กับเพื่อนที่ออฟฟิซ รถติดไม่มากตรงถนนสาทร แต่พอเลี้ยงขวาเข้าพระราม 4 โอ้.. เว้ย ...ทำไมรถเมล์ รถทัวร์มากันเยอะแยะแบบนี้ มีแจ๊ซสีขาวมาทางขวาเรา สังเกตว่าเขาคงมาแรงแหละ เราหันไปมองเขาก็หยุด เออ.. ทำไงได้ ก็เราอยู่กลางแล้ว ไปต่อไม่ได้ ไม่รู้จะเบียบมาทำไมนักหนา ก็อีรุงตุงนังพอดูแหละตรงแยกนั้นแหละ สุดท้ายก็ไปได้ด้วยดี ตีจากรถทัวร์กับรถเมล์ได้แบบทุลักทุเล... เฮ้ย.. เหนื่อยใจจริง ๆ เจอแบบนี้...

จากนั้ก็ขับมาเรื่อย ๆ ไม่ค่อยมีรถตามตูดเท่าไร มาติดอีกช่วงตอนจะออกจากพระราม 4 เข้าอ่อนนุช รถเมล์ตามมาทันอีกแล้ว 2 - 3 คัน ตอนแลี้ยวพอดีจริง ๆ จนพี่ตำรวจต้องมาบอกหยุดแล้วค่อยให้รถเมล์ผ่าน เสร็จจากนั้นก็สบาย ๆ ไม่มีอะไร ...

เออ วันนี้กลับมาเร็วเกินคาด เอารถไปล้างหน่อยสิ ปั้มเชลล์ที่เดิมนั่นแหละ เขาก็ฉีดน้ำตามประสา แล้วก็มาขัดถูนิดให้มันดูดีหน่อย อีตอนขัดสิ เราเห็นโคลนที่บังโคลนล้อหน้าซ้ายมือ เลยบอกให้เด็กที่ขัดถูมาล้างออกหน่อย ไม่ได้หรอก เป็นก้อน ๆ เลย จากนั้นเขาก็ขัดแถวบันได เขาบอกยังมีคราบน้ำมัน เออ ก็ให้ขัดไปแหละครับ ปล่อบเขาทำต่อไปเถอะ กว่าจะแล้วเสร็จก็ประมาณเกือบ 2 ทุ่มอ่ะครับ..

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

จอดรถหน้าบ้านคนอื่น

วันนี้ตื่นสายนิดหนึ่ง เพราะต้องไปลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขต ด้วยเหตุนี้เลยขอขับรถไปส่งแฟนที่ออฟฟิซของเขาก่อนดีกว่า ไหน ๆ ก็บอกหัวหน้าว่าจะไปสายแล้ว :) จากนั้นก็ขับรถไปสำนักงานเขตพระโขนง เพื่อลงทะเบียน ก็เส้นทางเดิมที่ไปทำงานนั้นแหละ แต่เลี้ยวซ้ายไปทางแยกบางนา จริง ๆ ก็ไปยังใกลหรอก แค่ขับเลยรถไฟฟ้า BTS ไปนิดหนึ่งก็หาที่กลับรถแล้วชิดซ้ายสำนักงานเขต ฯ ได้เลย

ปัญหาที่สำคัญก็คือหาที่จอดรถยากมาก ถนนก็แคบ ต้องขับเข้าซอยเลยสำนักงานเขต ฯ หน่อยแล้วก็หาที่จอดซึ่งเป็นหน้าบ้านเขา จอดเสร็จเราก็เดินย้อนกลับมา เข้าไปในสำนักงานเขต ฯ ดู ๆ แล้วก็วุ่นวายเหมือนกัน หาทางเข้าอกไม่ค่อยเจอ มันซอกแซกยังไงไม่รู้ดิ (เราไม่คุ้นเคยก็ไม่รู้นะ) กรอกฟอร์มที่เขาให้มาแป๊บหนึ่งก็ยื่นคืนให้พนักงาน เสร็จแล้วก็กลับมาที่รถ

เผื่อไว้หน่อย เราก็เดินไปดูข้างหน้าหน่อย มีะไรขวางทางมั้ย เออ.. ไม่มีอะไร สตาร์ทเครื่อง หักซ้ายถอยนิด จะได้มีพื้นที่ด้านหน้าอีก แข๊กกกกก ... แข๊กกกกก ... เอ้ย อะไรวะ ตอนจอดก็มองรอบคันแล้วไม่มีอะไรสักกะหน่อย เห็นเด็กนั่งเล่นตรงบันไดหน้ารถ ผมก็บอกเขาไปว่า "ตอนเข้าพี่ไม่เห็นนี่ครับ" น้องเขาก็บอก "อ๋อ เจ้าของบ้านเพิ่งออกมาวางไว้ครับ" เออ.. แบบนี้ก็มี ดีนะที่ชิ้นใหญ่โตอะไร ไม่งั้นรถเราคงถลอกอีกเป็นแน่เชียว... แน่แหละการจอดรถหน้าบ้านคนอื่น ..:P

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

โอยยยย โดนซะแล้ว

เหตุมันเกิดขึ้นเมื่อเย็นที่หน้าหอพัก กำลังจะเข้าจอดที่เดิมน้านแหละ เหมือนตามปกติ แต่เผอิญหักเข้ามุมซ้ายเยอะไปหน่อย ตึ๊กกก อะ.. โย๋ววว ชักไม่ได้การแล้ว ลงไปดูหน่อย ฮือออ โดนเข้าแล้ว เต็ม ๆ เลย เสียดกับขอบอิฐขอบปูนรอบต้นไม้ ... เศร้าเลย :(

ไหน ๆ ก็ไหนๆ แล้ว คงทำอะไรไม่ได้แหละ เก็บภาพไว้ดูเป็นที่ระลึกสักหน่อย เอาไว้ดคลมประกันทีเดียวดีกว่าเนอะ

(ภาพถ่ายเช้าวันต่อมา)

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

มีเสียวแบบสุด ๆ ก็ตอนแซง

เราก็ขับเลนกลางมาเรื่อย ๆ แหละ เร็วบ้าง ช้าบ้างแล้วแต่อารมณ์

มีเสียวแบบสุด ๆ ก็ตอนแซงรถออกไปทางซ้ายแล้วจะกลับเข้าเลนกลาง ก็เผอิญมีรถแซงคันขวาสุดเข้ามาเลนกลางจ๊ะเอ๋ กะเรา ก็มองไปแล้วนะว่าไม่มีรถเข้ามา ก็เลยเสียบป้าบเลย แต่พอหันไปอีกที โอ.. โน่ .... เหลือแค่ไม่ถึงเมตรเลย !! หักซ้ายหนีดีกว่า แล้วค่อยตั้งต้นใหม่ ....

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

โอ้ ฝนตก! เพิ่งล้างรถ..

เช้านี้ ไปส่งแฟนที่ทำงานของเขา และก็เอาของที่ไว้ใส่ในรถ จากนั้นก็ขับไปทำงานต่อ พอกำลังจะเข้าพระราม 4 ก็เริ่มมีฝนปรอย ๆ ลงมา โอ..โน่ .. เพิ่งล้างรถมาไม่กี่วันก็ต้องมาเจอฝนอีกแล้ว ... ถึงจะไม่ค่อยหนักเหมือนวันก่อนก็เหอะ ฝนก็ยังมีเกือบตลอดทางจนจะเข้าออฟฟิซทีเดียว

พอขึ้นที่จอดรถ ตรงชั้นที่จอดประจำ อ้าววว เต็มหมดแล้วววว ต้องขึ้นไปชั้น P5 อีกที ..หว๊า .. หาที่จอดก่อนดีกว่า.. เดินหน้า ถอยหลังเข้าจอดดดดดดด ... จากนั้น สำรวจรวมคัน พบว่าที่ท้ายรถมีฝุ่นที่ที่ปัดน้ำฝน กวาดลงมา โอออ ไม่น่ามองเท่าไหร .. แต่ก็ไม่รู้จะทำไงแล้วววว.. คงทั้งไว้ก่อนสัก 2-3 วัน กลับจากบ้านนอกค่อยเข้าไปล้างอีกที ...

ใช้เกียร์อัตโนมัติให้เป็น

รายละเอียด

P ( PARKING ) เป็นตำแหน่งที่ใช้สำหรับจอดรถ และไม่ต้องการให้รถเคลื่อน โดยล้อรถจะถูกล็อกไว้ไม่สามารถเข็นได้ เมื่อต้องการจอดรถทิ้งไว้ หลังจากเหยียบเบรกจนรถหยุดสนิทแล้ว อย่าเพิ่งปล่อยเบรก จับคันเกียร์กดปุ่มปลดล็อก แล้วโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P จากนั้นปล่อยเบรก แล้วดับเครื่องยนต์ อย่าเข้าเกียร์ P ในการจอดรถขวางที่จะต้องมีการเข็น

R ( REVERSE ) เป็นเกียร์สำหรับใช้ถอยหลัง เมื่อต้องการเข้าเกียร์ R จะต้องเหยียบเบรก ให้รถหยุดสนิทจากนั้นจับคันเกียร์กด ปุ่มปลดล็อกแล้วโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง R แล้วจึงปล่อยเบรกรถก็จะถอยหลังในทันที

N ( NEUTRAL ) เป็นตำแหน่งเกียร์ว่างใช้เมื่อต้องการจอดรถ ทิ้งไว้โดยที่ยังสามารถเข็นได้ หรือเมื่อจอดรถอยู่กับที่ ในขณะเครื่องยนต์ยังคงทำงานอยู่ เช่น การจอดรถในสภาพการจราจรติดขัด หรือเมื่อติดไฟแดงนาน ๆ โดยที่ก่อนจะเข้าเกียร์ N ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งใดจะต้องเหยียบเบรคให้รถหยุดสนิททุกครั้ง

D ( DRIVE ) เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้า โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 4สปีด ซึ่งเกียร์จะเปลี่ยน ขึ้นตามลำดับ 1-2-3-4 และนอกจากนี้ปัจจุบันยังมีระบบ ทริปโทรนิค หรือ สเตปโทรนิค หรือชื่อใดก็ตามซึ่งแล้วแต่ค่ายรถแต่ละญี่ห้อจะเรียก ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้เอง

S ( SLOW ) ใช้สำหรับการขับรถลงเขาเพื่อให้เครื่องยนต์ช่วยเพิ่มกำลังเบรกมากขึ้น หรือการขับรถขึ้นเขา เพื่อเพิ่มกำลังขับเคลื่อน รวมทั้งการขับบนถนนลื่น และการขับขึ้นจากหล่มโคลนหรือทราย (ขออภัยที่ในภาพไม่มีเกียร์นี้ )

L ( LOW ) ใช้สำหรับการขับรถขึ้น-ลงเขาสูงชันมากๆ

รถติดไฟแดงทำอย่างไรดี คำถามนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานาน เอาเป็นว่าถ้ารถติดไม่เกิน 2-3นาที ก็เหยียบเบรคเอาไว้อย่างเดียวไม่ต้องปลดเกียร์มาที่ N แต่ถ้าคิดว่ารถติดนานๆละก็เหยียบเบรคปลดเกียร์มาไว้ที่ N และควรดึงเบรคมือเอาไว้ด้วย

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

กลับบ้านที่ต่างจังหวัด

วันนี้ตื่นมาเช้า เพราะเตรียมจะกลับบ้านนอกแล้ว ตอนแรกจะกลับตั้งแต่อาทิตย์ที่เเล้ว แต่ก็ไม่ไป แค่ไม่อยากไป เลยยกมาเป็นอาทิตย์นี้แทน

เราก็วิ่งเลยไปนอกเมืองทางวงแหวนรอบนอก ลงที่บางปะอินแหละมั้ง ไม่แน่ใจ แต่ใกลมากทีเดียว และก็รถไม่ติดเลยจริง ๆ ยอมรับว่าวันนี้วิ่งเร็วสุดที่เคยขับรถมา 80 - 90 รู้สึกว่ามันช้า ๆ อยู่นา .. บางทีก็ 100 - 120 ตามโอกาศ ไม่รู้เหมือนกันทำไปได้ไง ดีที่ไม่มีรถเก๋งมากวนมากอย่างที่คิด แต่ถ้ามี เราก็ปล่อยให้เขาแซงไปหมดแหละ พอแซงรถบรรทุก รถสิบล้อ ก็ฉลุย ขับสบาย ๆ ตลอดเส้นทางเลย ที่ไม่สบายก็เพราะช่วงที่ถนนไม่ดี อย่างเช่นเลยโคราชไปนะ ถนนเป็นรอยปุ่มปั่ม เพราะซ่อมถนนกันเป็นหย่อม ๆ เป็นลูกคลื่นบ้าง ๆ ทางไม่เรียบบ้าง.. สงสารรถคันเล็ก อย่างเราที่ต้องระวังหลุม กับลูกคลื่นดี คิดไปคิดมา ก็ไม่รู้เขาจะกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ทำถนนก็งั้น ๆ เอาแค่พอใช้ได้ ทำไมไม่ทำให้ประทับใจ ให้ค้มค่าเงินลงทุนเสียเลย เสียดายเงินภาษีที่เสียไปจริง ๆ ...

อ้าว ข้างหลังไล่อีกแล้วววว

วันนี้กะจะออกจากที่ทำงานเร็วเพราะต้องไปรับแฟน ก็เธอจะซื้อของเยอะแยะไปเยี่ยมบ้านวันเสาร์นี้ แต่ไป ๆ มา ๆ มีงานต้องคุยกะทางยุโรปเขา ก็เลยออกเร็วไม่ได้ตามต้องการ...

รถตรงหน้าออฟฟิซที่สาทรก็งั้น ๆ ไม่ติดมาก พี่ยามก็โบกให้เราออกเร็วดี จะเริ่มมานัวเนียหน่อยช่วงเลี้ยวเข้าพระราม 4 แยกสาทร ดู ๆ แล้วแม้รถจะเยอะแต่ก็ยังถือว่าโอเคแหละ แต่ที่ติดสุดๆ ก็ช่วงพระราม 4 จะเลี้ยวขวาเข้าสุขุมวิท สุดยอดเลย รอไฟอยู่ 2 - 3 รอบกว่าจะพ้น หนำซ้ำมีรถเมล์วิ่งเข้าซ้ายแต่จะเลี้ยวขวากะเราอีก !!

จากนั้นก็วิ่งมาเรื่อย ๆ จนจะถึงแล้วล่ะ ช่วงซอยอ่อนนุช 26 - 30 มั้ง รถเมล์ 544 วิ่งอยู่ซ้าย พี่แกก็ตีไฟเข้าขวาแล้ว เราอยู่ตรงกลาง โอ๊ะ มีคนจะข้ามถนน ยืนอยู่กลางถนน เอางัยดีหว่า.. ถ้าเราแซงรถเมล์ ก็ต้องชะแล๊บไปขวาหาคนข้ามถนนแน่ ๆ ปริ้นนนนน ... อ้าว ข้างหลังไล่แล้วววว เอาว่ะ แซะ ๆ ไปหน่อย รถเมล์คงไม่ออกมาแน่.. สาธุ!!!

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

พาน้องแจ๊ซเข้าไปล้าง

นี่ก็ขับมาทั้งอาทิตย์ แถมวันก่อนยังมีฝนตกลงมอีกา เจอฝนครั้งเดียวออกลายทั้งคันเลย วันนี้เลยอยากพาน้องแจ๊ซเข้าไปล้างที่ปั้มเชลล์ใกล้บ้านสักหน่อย เพราะดูแล้ว สกปรกเหลือเกิน และให้ดูใหม่ตอนจะขับกลับบ้านวีคเอนนี้

"พี่ปิดยัง?" เราร้องถามพี่คนที่ล้างรถ "ยัง เข้าไปจอดตรงโน้นเลยครับ" เขาตอบ
ถามดูราคาก็ 90 บาทแบบล้างและดูดฝุ่นข้างในด้วย เออ ก็ไม่แพงอย่างที่คิด

จอดเสร็จก็นั่งดุว่าเขาจะทำอย่างไรบ้าง โอ .. ฉีดน้ำแรงมาก แล้วก็ฟอกสบู่ เอ้ย ไม่ใช่.. เอาแชมพูมากอาบน้ำ จากนั้นก็ขับออกมา ด้านข้าง เป่าลม เช็ด ๆ ถู ไ

ไปเรื่อย ๆ ลองเดินเข้าไปถามว่าใช้ผ้าอะไรเช็ด เขาก็บอกว่าเป็นชามัวร์ เออ... มันเป็นไงนะไอ้ผ้าชามัวร์เนี่ย เผื่อหาซื้อมาใช้เช็ด ๆ ถู ๆ เองบ้าง



วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

แจ๊ซฉลองยอดขายทั่วโลก 2 ล้าน

ฮอนด้าแนะนำ แจ๊ซ รุ่นฉลองยอดขายทั่วโลก 2 ล้านคันแก่ผู้ชื่นชอบในประเทศไทย

* มอบของขวัญและข้อเสนอพิเศษสุดรวมทั้งประกันภัยชั้นหนึ่งฟรีแก่ผู้ซื้อ ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่นฉลองยอดขาย 2 ล้านคันทั่วโลก

กรุงเทพฯ (6 พฤศจิกายน 2550) – บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์นั่งอันดับสองของประเทศไทยฉลองยอดขายรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ จำนวน 2 ล้านคันทั่วโลกโดยแนะนำ ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่นพิเศษฉลองยอดขาย 2 ล้านคันพร้อมแคมเปญส่งเสริมการขายแก่ผู้ชื่นชอบฮอนด้า แจ๊ซ รถยนต์ที่ให้ประสบการณ์การขับที่สนุกสนานเร้าใจ ผู้สนใจสามารถสั่งจองฮอนด้า แจ๊ซ รุ่นพิเศษที่มาพร้อมชุด Honda Jazz 2 Million Funs ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนศกนี้

แคมเปญ “2 ล้านความสนุกทั่วโลก กับ Honda Jazz 2 Million Funs ” มอบข้อเสนอพิเศษแก่ผู้ตัดสินใจเป็นเจ้าของฮอนด้า แจ๊ซ ได้แก่ ประกันภัยชั้นหนึ่ง ของขวัญมูลค่า 5,000 บาท ประกอบด้วยคิ้วบันได สแตนเลส พรมปูพื้น ถาดใส่ของอเนกประสงค์ท้ายรถ และสัญลักษณ์ “2 Million Funs”

ฮอนด้า แจ๊ซ เริ่มจำหน่ายในประเทศไทยในปี 2546 และได้รับความนิยมจนเป็นหนึ่งในรถยนต์ฮอนด้า รุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันจำหน่ายไปแล้วกว่า 78,000 คันทั่วประเทศ รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ เป็นที่นิยมมากเนื่องจากเป็นรถที่ “ผสมผสานระหว่างคุณภาพ ความคุ้มค่า และความสวยมีสไตล์”รวมทั้งความโดดเด่นด้านอัตราการประหยัดน้ำมันและพื้นที่เก็บสัมภาระ โดยเบาะที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับลงได้ทั้งหมด มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบายและแข็งแรงทำให้ฮอนด้า แจ๊ซ เป็นรถยนต์ยอดนิยมของกลุ่มคนรักความทันสมัยและใช้ชีวิตอย่างมีสีสันสนุกสนาน

ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่นฉลองยอดขาย 2 ล้านคันจะผลิตสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยในจำนวนจำกัดเพียง 800 คันเท่านั้น สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า 24 ชม. โทร 02 341 7777 ต่างจังหวัดโทรฟรีที่ 1 800 239 833

ที่มา : http://www.honda.co.th/automobile/

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ขยับเข้าไปหน่อย.. กึ๊ก !!

เย็นนี้พาเพื่อนไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่ร้านจริงใจ แถว ๆ ซอยลาซาล คงเคยได้ยินชื่อนี้กันบ้างนะครับ เขาจะชอบเอาโบร์ชัวร์ไปวางตามร้าน อาคาร หอพัก ไม่ก็คอนโดใหม่ ๆ อพาร์ทเมนต์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์มาให้พร้อม เหมือนกับโบว์ชัวร์ของคาร์ฟู โลตัสที่เห็นทั่วๆ ไปครับ ที่นี่มีสินค้าหลายกหลายให้เลือกดีจริง ๆ หลายหลายราคาเช่นกัน ราคาต่อรองกันได้ แม้จะเกรดไม่สูงมากนัก ไม่เหมือนในห้างดังๆ ที่ติดราคาเท่าไรก็เท่านั้น แต่เท่าที่ดูก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว คงไม่ขอเทียบกับ Index หรือ HomePro นะครับ

ก็ต้องยอมรับว่ารถติดจริง ๆ เส้นนี้ เพราะกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายอยู่ จะเข้าซ้าย ออกขวาแต่ละทีก็ลำบาก รถเมล์ก็วิ่งเยอะแยะ คนที่อยู่เส้นนี้ก็ลำบากหน่อยละช่วงนี้ แต่พอเสร็จก็สบายแน่ ๆ ละ จริงไหมครับ ขอต่อว่าเรื่องร้านจริงใจละกัน ผมดูแล้วร้านก็ใหญ่นะ แต่มีที่จอดอยู่นิดเดียว ที่ดู ๆ น่าจะจอดได้แค่ 2-3 คัน แถมมีป้ายให้เลยไปจอดที่ปั้มเชลล์ข้างหน้า อ้าว.. เป็นงั้นไป... ผมก็เลยไปถอดที่ปั้มตามแหละ เดินย้อนกลับมานิดหนึ่ง สักร้อยเมตรกว่า ๆ นะครับ ไม่ได้คิดอะไรมาก ขอให้มีที่จอดเหมาะ ๆ สักที่น่ะ..

พอเลี้ยวซ้ายเข้าปั้มเชลล์ เห็นที่ว่างข้างรถบัสคันหนึ่งที่จอดอยู่ก็รี่เข้าไปจอดทันทีเลย พอกำลังจะดับเครื่อง เปิดประตู อ้าว.. มีรถบัสอีกคันรอจอดข้างหลัง เออ งั้นถอยหลังไปจอดอีกช่องถัดไปแล้วกัน .... พุ่งจึ้ดดด เข้าไป เพื่อนก็ใจดี ทำหน้าโบกให้เราเข้าจอด ขยับเข้าไปนิด .. ขยับเข้าไปหน่อย.. กึ๊ก !!! ได้ยินเต็มว่าชนแน่ ๆ ไหนคนโบกให้เดินหน้ามาเรื่อย ๆ โบกใหม่อีกทีให้เราถอย .. อ้าวว ถอยย.. จอด!! รีบลงไปดูหน้ารถหน่อยดิมีไรป่าว ... เฮ้ย.. โล่งอกไปที !?!?!

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

เสียงติ๊ดดดดด.. แบบยาว

ตื่นมาตอน 5.45 ก็บริหารร่างกายหน่อยด้วยการขยับแข้งขา ตามประสาห้องที่มีพื้นที่อันน้อยนิด ขอขับรถไปทำงานอีกทีพราะได้สตีกเกอร์จอดรถที่ออฟฟิซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บนถนนก็เรื่อย ๆ ขับแบบสบายๆ ก็รถไม่มาก เพราะออกมาเช้ามากพอสมควร สังเกตว่าวันนี้ไม่เสียงแตรบีบไล่ตูดเหมือนก่อน :)

จอดเสร็จแล้วกำลังจะลงจากรถ พอเปิดประตูออกมา มีเสียงติ๊ดดดดด.. แบบยาว และไม่มีทีท่าว่าจะดับเสียเลย เอ่ เสียงอะไรหว่า .. ขอสำรวจหน่อยซิว่าเกิดอะไรขึ้น เดินไปดูหลังรถก็อีกใกล ไม่มีอะไรบังเซ็นเซอร์สักหน่อย ก็เดินย้อนมาหน้ารถ พี่ยามร้องบอกว่าให้ดับไปหน้าด้วย อ๋อ.. ไฟหน้าไม่ดับ เป็นฉะนี้ นี่เอง !

ไฟแดง ไฟเขียว

วันนี้ออกจากที่ทำงานเร็ว เพระจะไปรับแฟนที่เซ็นทรัล บางนา แต่กว่าจะออกจาก รถไฟฟ้า BTS เพื่อไปต่อรถสองเข้าซอยก็ประมาณ 6 โมงเย็นแล้ว พอถึงอพาร์ทเมนต์ก็หยิบเอาของนิดหน่อย เสร็จก็ขับ Honda Jazz ไปจอดมาทั้งวันแล้ว ดีจัง .. รถยังไม่เยอะมาก เพราะคนคงยังไม่กลับจากทำงาน

ถึงเยกศรีนุช (ศรีนครินทร์-อ่อนนุช) กลับรถใต้สะพานมา เอ๊ะ ไฟแดงนี่หว่า .. แต่ทำไมรถเมล์ยังไปอยู่กลางถนนตรงเลนซ้ายอยู่เลย อ้าว.. เบรคหน่อยมั้ย เดี๋ยวซวย .. ปริ้นนน เอาแล้ว รถคันหลังบีบแตรไล่มา เออ.. ไปเลยละกานนนน...

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

สอนขับรถให้แฟน

กลับมาจากห้วยขวางก็คุยกันกับแฟนว่าจะไปลองขับรถที่สวนหลวงฯ และสอนให้เขารู้จักการขับรถให้ดีขึ้น เพราะจะได้ช่วยกันขับได้บ้างเวลาเดินทางไกล

พอไปถึงก็หาที่รถน้อย แต่เห็นว่ามีคนเขามาหัดกันเยอะนะที่นี่ ทั้งสอนกันเองและโรงเรียนสอนขับรถ เราก็วิ่งวนไปมาหลายรอบแหละ ตามประสาคนหัดขับรถ บอกตามตรงว่าเราเองก็ดุแฟนบ่อยมาก ดุมากจริง ๆ ก็แบบบางทีบอกเลี้ยวก็ไม่ยอมเลี้ยว เขาบอกจะเลียวข้างหน้า เราบอกให้จอดก็ไม่จอด เขาบอกจะชิดตรงโน้น หรือเราบอกให้ตีไฟเลี้ยวหน่อยเวลาเลี้ยว เขาก็บอกลืม อ้าว .. เป็นงั้นไป เฮ้ยย ... ถ้าเป็นเด็กจะตีให้ก้นลายเลยเนี่ย ... :)

ไงละ ฟังดูแล้ว.. เหมือนจะสวีตกันน่าดูเลยใช่ไหมครับ แต่เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะทีเดียว เพราะการสอนขับรถหรือสอนหนังสือให้กับคนรู้จัก/คนใกล้ตัวเนี่ย เป็นอะไรที่ไม่ได้ผลดีสักเท่าไร หรือบางรายอาจจะเสียอารมณ์จนมีน้ำโหไปเลยก็มี !!

พบรอยข่วนที่กระจกด้านขวา

วันนี้ ตื่นเช้าน่าดู เพราะต้องไปโชว์รูมอีกรอบ เพื่อไปแก้หมายเลขเครื่องในใบประกันภัย ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงเขียนผิดไปได้ แต่ไม่ได้เสียความรู้สึกมากหรอก และก็พอดีเพื่อนเขาเอารถเข้ามาเคลมที่ศูนย์นี้ด้วย เขาก็นั่งคุยกับช่างนานเหมือนกัน กว่าจะเสร็จก็เกือบบ่ายเลยทีเดียว จากนั้นก็คุยกันว่าจะไปกินข้าวเที่ยงกันที่ไหนดี ไปๆ มา ๆ ก็สรุปจะไปกินข้าวบ้านพี่ชายที่ตลาดห้วยขวางกัน ..

พอไปถึงพี่เขาก็ขอดูรถใหม่กัน ดูแบบทั่วคันรถจริง ๆ เราเองตอนออกรถยังดูไม่หมดเลย อ้าว .. ที่ปลายกระจกขวามีรอยแขวะ .. กว้างประมาณ 0.2- 0.3 ซม. ยาวประมาณสัก 9-10 ซม ที่ปลายกระจกด้านขวา และก็ไม่มีที่อื่นอีกเลย อะไรเนี๊ย มาจากไหน คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเกิดขึ้นตอนไหน เมื่อไหร่ ถ้าให้เดาเอาเอง คาดว่าน่าจะเข้าจอดสักที่แล้วชิดขวามากไปหน่อย แต่ก็ไม่ทิ้งประเดนมอไซต์เฉี่ยว (ตามระเบียบ)!



มือใหม่หัดขับรถใหม่

สำหรับคนที่เพิ่งถอยรถใหม่ออกมาสด ๆ ก็คงรู้สึกดีใจ ตื่นเต้นกับรถเก๋งคันใหม่ ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยมีรถแล้วต้องมาขับ ก็จะมีอาการตกใจกับประหม่าบ้างขณะขับรถ บางครั้งรุนแรงจนรู้สึกว่าความดันขึ้นสูงทีเดียว บวกกับการกลัวว่าจะชนเขา หรือเขาจะชนเรา การกะระยะรถเวลาเลี้ยว มุมนี้ได้ยัง มุมนั้นไกล้ไหม สุดยอดเลยจริง ๆ เครียดกว่านั่งข้าง ๆ คนขับซะอีก

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

เปิดแค่ไฟหรี่จริง ๆ

เช้านี้ตื่นมาเช้ามาก ตื่นเต้นน่าดู เพราะเป็นครั้งแรกที่จะต้องขับรถไปทำงาน เคยเห็นแต่คนอื่นเข้าทำกัน มาวันนี้ เรามีรถขับไปทำงานกะเขาแล้ว .. เย้... บอกตามตรงว่าใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ตลอดเส้นทางทีเดียว แต่อย่างน้อยเราก็รู้เส้นทางนี้ดี ต้องเข้าซ้ายที่ไหน ออกขวาแยกไหน ตีไฟเลี้ยว กะระยะทางได้ถูก ถ้าเป็นเส้นทางใหม่ก็คงงุมโข่ง คงได้ยินเสียงแตรไล่ตลอดทางแน่ ๆ ดูแล้วก็ทำได้ดีพอสมควรนะ (ขอชมตัวเองหน่อยละกัน :) มีเสียงไล่แค่ครั้งสองครั้งเอง ก็ไม่มีอะไรหรอก มอไซต์มาตรงแต่เราจะออกซ้ายตรองจะเลี้ยวซ้ายเข้าพระราม 4 อ่ะ สุดท้ายก็ถึงที่ทำงานที่ถนนสาทรจนได้ :)
....

ตอนเย็น ต้องรีบออกจากออฟฟิซให้เร็วหน่อย เดี๋ยวมืดจะขับรถลำบาก นั่นแหละคือความของตื่นเต้นคนที่เพิ่งขับรถเป็นใหม่ล่ะ ต้องระวังรถใหม่ด้วย เพราะถ้าเป็นอะไรไป คงเสียความรู้สึกน่าดูเลย ของมันแพงต้องดูแลให้ดี จริงใหมครับ :P

เชื่อไหมว่าเปิดแค่ไปหรี่ตั้งแต่ออกจากออฟฟิซตอนแรก แค่ไฟหรี่จริง ๆ นะ เพราะไม่สว่างเอาเสียเลย ตออนนั้นมันก็ยังไม่มืดเท่าไหรหรอก จนเลยตลาดคลองเตยมาก็เริ่มมืดบ้าง แต่คิดว่าถ้าหมุนสวิชไปอีกล็อกมัน จะเป็นไฟสูงแล้วไปแยงตาคันข้างหน้า มารยาทดีจริงนะเรา .. :) คุณลองคิดดูซิขับจากสาทรจนถึงอ่อนนุช ถนนก็จะเริ่มมืดแล้วช่วงพระราม 4 ถึงมืดก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน เปิดหรี่ไฟไปแบบนั้นมาจนเกือบตลอดทาง รถเมล์ก็วิ่งใกล้เหลือเกิน จนถึงอ่อนนุช ลองเสียงหมุนไปอีกติ๊กหนึ่ง อ้าว ไม่ใช่ไฟสูงนี่นา .. เกือบไปแล้วไหมล่ะ !!!


วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Welcome to my blog!

Here is my Honda jazz :P

I just have my own car and it is my first car so I want to express my personal thoughts and driving issues into this blog. I would say I never drive a car at all except from attending driving school for a few hours and sitting in exam for my license.

Driving in Bangkok is more dangerous and have to be alert all time because there are lots of motorbikes and cars on the streets wherever they can go they'd go. They come in from different side of your car and different speed. However, if I don't drive then how can I drive when I've got a car. Let's do it!!

Anyway, thanks for being here, pls come again.. :P

Related Links:


Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา