วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เปลี่ยนยางครั้งแรก

จริง ๆ ผมก็อยากเปลี่ยนมานานแล้วล่ะ แต่ไม่มีเวลาสักที ประมาณว่าร้องเพลงรอมาตลอด และก็น่าจะได้เวลาเปลี่ยนตามอายุการใช้งานซะที แรก ๆ ผมก็หาข้อมูลของแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นว่าอันไหนดี ไม่ดียังไงบ้าง โดยค้นหาข้อมูลการเปลี่ยนยางในเวบบอร์ดต่าง ๆ ว่ายี่ห้อนี้ไม่ดี ยี่ห้อนั้นไม่ดี บางคนบอกว่ายางยี่ห้อนี่มันบวมเร็ว แค่วิ่งได้ไม่กี่กิโล บางคนบอกว่ามันแข็งกระด้าง ขับแล้วไม่นิ่ม โดยเฉพาะที่บอกว่าอันนั้นดีแต่อันนี้ไม่ดี หรือจะบอกว่าอันนี้ดีแต่อันนั้นไม่ดี ซึ่งแต่ละคนก็จะยกเหตุผลสาระพัดมาประกอบการตัดสินใจ แน่นอน ผมมเก็บไว้เป็นข้อมูลการตัดสินใจเท่านั้นครับ

หลังจากนั้น ผมหันมาถามตัวเองว่า เราจะขับแบบล้ำลึกแค่ไหน? เข้าโค้งเกินร้อยรึป่าว? สามารถวิ่ง 120 - 140 ได้ไหม? แน่นอน มีอีกสาระพัดคำถามที่จะถามตัวเอง แต่สุดท้าย ผมคิดเอาแบบ ง่าย ๆ ว่าเราต้องการยางยี่ห้ออะไรและยางแบบไหนที่จะเหมาะกับการใช้งานของเราดีกว่า ง่ายสุดก็มาดูยางที่ใช้อยู่ว่าเป็นยี่ห้ออะไรและรุ่นไหน และที่สำคัญสุด ๆ เราสามารถจ่ายได้แค่ไหน?!?!

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อยากจะเปลี่ยนรถ (คิดเล่น ๆ)

ผมลองคิดเล่น ๆ ดูว่า ถ้าอยากจะเปลี่ยนรถเอามาแทน white jazz ที่ผมใช้อยู่ตอนนี้ ผมลองไล่ดูก็มีไม่กี่รุ่น ไม่กี่ยี่ห้อที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ได้ทั้งแก๊สและน้ำมัน E20 เพื่อความประหยัดในการเดินทางแบบใกล้และไกลได้แบบสบายกระเป๋าสักหน่อย แต่ยังไงก็คงไม่ใช่แบบ hatch back เหมือนแจ๊ซแน่ ๆ เพราะผมคิดว่า แจ๊ซ ได้ออกแบบรถที่เป็น hatch back ได้ดีที่สุดแล้วทั้งภายในและรูปลักษณ์ภายนอก.. :)

ก่อนอื่น ผมต้องออกตัวก่อนนะว่าผมไม่ใช่คนรู้ คนเก่งเรื่องการดูรถ ผมเป็นแค่คนขับรถแต่อยากได้แบบที่ต้องการซะมากกว่า โดยราคาและความคุ้มค่าเป็นตัวแปรหลัก ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ต้องการของตลาด และไม่เน้นว่าซื้อแล้วต้องเปลี่ยนเมื่อเบื่อ พูดง่ายๆ ผมซื้อรถเพื่อเอาไว้ใช้เพื่อครอบครัวแต่ขอแบบเอนกประสงค์เท่านั้น

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ซ่อมเสร็จแล้วคร๊าบบบ

หลังจากที่ผมนำรถเข้าไปศูนย์ฯเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมเลยไม่มีรถใช้ไปหนึ่งวัน ซึ่งก็ไม่ได้มีผลอะไรมากเพราะผมไม่ได้แปลนว่าจะไปไหนนั่นเองจะว่าไม่ไปก็ไม่ถูก เพราะผมพาลูกไปเดินเล่นที่ซีคอนตอนบ่ายของวันอาทิตย์เลยต้องพึ่งรถสาธารณะล่ะครับ :)

ก่อนเที่ยงวันนี้ ช่างโทรมาบอกว่าตอนนี้รถเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมบอกราคาเสร็จสรรพ คร่าว ๆ ก็ประมาณ 1600 บาทครับ ซึ่งผมคิดว่าก็พอรับได้ไม่ได้แพงจนเกินกว่าจะรับไม่ได้ เอาเป็นว่าแลกกับความสบายใจครับว่าได้ของดี ของแท้มาเปลี่ยนล่ะกัน

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ดีใจไม่นานก็ไหม้ซะงั้น

หลังจากที่ผมเจออาการว่าสวิทช์เลื่อนกระจกไม่ทำงานมาสักอาทิตย์หนึ่งแล้วล่ะ แต่ยังไม่ตกลงว่าจะเอาศูนย์สักที แบบว่ายังอยากดูอาการอีกสักหน่อยแต่ก็แปลก เช้านี้ ผมลงมาเลื่อนรถออกจากหน้าร้านขายของเพราะไม่อยากจอดขวางทางร้านของเขานาน ผมเลยลองเลื่อนกระจกดู อ้าววว ใช้ได้นี่นา.. ผมลองกดเลื่อนขึ้นลงอีก 2-3 รอบก็ใช้ได้ตามปกติ แต่ก็มีอาการฝืด ๆ บ้างนิดหน่อย อืมม ดีใจจัง ไม่ต้องเสียตังค์แล้ว :)

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ปุ่มเลื่อนกระจกใช้ไม่ได้!!

เย็นนี้ ผมเลื่อนกระจกฝั่งผู้โดยสารข้างๆ คนขับลงเพราะจะเข้าจอดข้างกำแพงง่ายขึ้น ซึ่งเหมือนตามปกติเวลาจอดหน้าบ้าน พอผมจอดรถเสร็จ ผมก็กดสวิทช์เพื่อปิดกระจกทุกบานให้สนิท แต่เผอิญว่าเจ้ากระจกฝั่งผู้โดยสารข้าง ๆ คนขับไม่ยอมเลื่อนขึ้นดั่งที่ต้องการ เกิดอาการนิ่งสนิท ไม่มีสัณญาณตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น!!

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

เปลี่ยนแบตที่ร้านใกล้บ้าน

เช้านี้ ผมปั่นจักรยานออกไปซื้อกับข้าว พอตอนขากลับ ผมเลยลองปั่นไปหน้าปากซอยดูว่ามีอู่ซ่อมรถหรือเปล่า เพราะผมเห็นมีร้านมอเตอร์ไซต์และร้านซ่อมเยอะแยะแต่ไม่รู้เขาทำอะไรบ้าง

พอมาถึงอู่ซ่อมรถร้านหนึ่ง มองเข้าไปเห็นมีแบตเตอร์รี่วางเป็นชั้น ๆ ผมเลยเลือกร้านนี้ละกันเพราะไกล้ดีและถ้าไม่ได้ก็ให้เขาเข้าไปเปลี่ยนเลย ผมลองเดิน ๆ ดูก็เห็นว่ามีแบตให้เลือกแค่ไม่กี่ยี่ห้อ และที่เห็น ๆ ก็จะมีของ GS กับ 3K และอีกอันหนึ่งเป็นยี่ห้ออะไรก็จำไม่ได้จริง ๆ

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

น้องแจ๊ซสตาร์ทไม่ติด

ตอนแรก ๆ ผมก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดว่าเดี๋ยวค่อยเปลี่ยนๆ เพราะมันยังไช้ได้อยู่ ไม่มีอาการผิดปกติอะไร แต่แล้วเย็นนี้ ผมจอดรถลงไปซื้อกับข้าวก่อนจะเข้าบ้าน แต่พอเดินกลับที่รถและจัดวางของในรถทุกอย่างเสร็จสรรพ แล้วบิดกุญแจจะสตาร์ท... ติ๊ด ๆ ๆ งานเข้าแล้ว น้องแจ๊ซกลับสตาร์ทไม่ติด!!!

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

เบียดกับรถขายน้ำ

ช่วงนี้ อากาศมันแปรปวนอย่างบอกไม่ถูก ความจริง ตอนนี้น่าจะเป็นหน้าร้อนแล้ว แต่ว่ามันก็ยังมีฝนตกที่ไม่ใช่แค่แบบปรอย ๆ แต่หนักจนทำให้ท่วมไปแล้วหลายพื้นที่และบางวันก็เจอได้ทั้ง 4 ฤดุ พอเจออากาศทั้งหนาวทั้งร้อนแบบนี้ ผมก็เลยเกิดอาการหนาวไม่หยุด ทั้ง ๆ ที่คนอื่นๆ เขาก็บอกธรรมดาเรียกง่าย ๆ ว่าผมเป็นไข้นั่นเองครับ!

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประตูฝั่งคนขับมีเสียงดังแก๊กๆ

อาการของมันก็คือมีเสียงดังแก๊ก ๆ ที่ประตูฝั่งคนขับ ใกล้กับตรงที่ขอบประตูด้านบน ถ้ามองเผิน ๆ ก็อาจจะจะบอกว่ามันเป็นที่ตรงก้านล็อคประตูนั่นแหละ แต่พอเอามือไปโยก ๆ ก้านล็อคประตู มันก็ยังไม่มีเสียงตามที่ต้องการ อีกอย่างมันไม่ได้เกิดตลอดเวลา มันเป็นแค่บางครั้งเท่านั้น เลยทำให้หาสาเหตุยากกว่าที่คิด

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Junction View ของ Nuvi 1250

พอดีผมลองทำ simulation แล้วผมเห็นว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจหลังจากที่อัพเกรดเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชั่น 2.30 เลยขอเก็บภาพหน้าจอของ junction view จากเจ้า garmin nuvi 1250 มาฝาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อและยังไม่สามารถเลือกได้ว่าจะซื้อตัวไหนดี และถ้าจะซื้อจริง ๆ ตัวไหนน่าจะคุ้มที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

การจอดรถที่ คิงส์ พาวเวอร์ ซ. รางน้ำ

ตามปกติ ผมจะไม่ค่อยอยากขับรถเข้าเมืองตอนเย็นๆ สักเท่าไหรหรอกเพราะไม่ชอบรถมันติด และมักจะติดแบบขยับไปไหนไม่ได้เลยจริง ๆ แต่อย่างว่าแหละ บางครั้งมันก็เลือกไม่ได้เหมือนกันนะครับ ถ้าไม่ไปมันก็ยังไงอยู่ :)

เมื่อเย็นวานนี้ ผมมีโอกาศได้งานร่วมงานแต่งของเพื่อนที่โรงแรมใกล้กันผมเลยออกจากบ้านตั้งแต่ตอน 4 โมงกว่า ๆ จะได้เผื่อเวลาไว้สักหน่อย โดยวิ่งเข้าเส้นพระราม 9 เรื่อย ๆ ไปดินแดงจนถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ แต่กว่าจะเข้าถึงอนุสาวรีย์ได้ก็ติดมาตั้งแต่สามแยกดินแดงนานมาก พอเข้าถึงอนุสาวรีย์ได้ก็วนออกซ้ายไปเลย แล้วเลี้ยวซอยรางน้ำทันที

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

กันขโมยดังกลางดึก

เมื่อคืนนี้ ช่วงตี 3 กว่า ๆ ผมได้ยินเสียงสัณญาณกันขโมยของน้องแจ๊ซดังขึ้น ผมเลยต้องรีบลุกขึ้นไปดูที่ระเบียงสักหน่อย แต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเกินขึ้นหรือมีใครมาทำอะไรไกล้ ๆ รถเลย แม้แต่สุนัขแถวนั้นก็ไม่มีสักตัว เพราะตามปกติก็จะมีสุนัข 2-3 ตัวเดินคุมซอยนี้ทุกคืน ถ้าใครเดินมาตอนกลางคืน รับรองว่ามันต้องเห่าต้นรับกันทั้งซอยแน่ ๆ ขนาดผมอยากวิ่งออกกำลังกายในซอยยังไม่กล้า เพราะมักชอบเห่าผมตลอด .. :)

ไหน ๆ ผมก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ลองลงไปดูสักหน่อยดีกว่า ซึ่งพอเดินลงไปดูแล้วกดรีโมตเปิดรถแล้วเปิดประตูก็ไม่เห็นว่าจะผิดปกติอะไร เดินสำรวจรอบคันก็ปกติดี ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจ ระหว่างที่เดิน ๆ อยู่นั้น เจ้าสุนัขตัวสีดำที่อยู่ท้ายซอยไกลออกไปสัก 50 เมตรก็เริ่มจะเห่าเสียงดังแล้วววว

ตอนผมเดินจะขึ้นห้อง ลุงที่ทำหน้าที่ยามของตึกบอกผมว่าเมื่อกี้มีรถแทกซี่วิ่งผ่านไปคันหนึ่ง แต่ก็แค่วิ่งผ่านไปเฉยไม่น่าจะทำให้สัณญาณกันขโมยดังได้ มันก็น่าแปลกดี แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น เพราะผมก็เห็นว่ามีคนเข้าออกตึกเกือบตลอดเวลา ข้างล่างก็มีคุณลุงยามทำหน้าที่อยู่ตลอดทุกคืนและที่สำคัญในซอยนี้ก็มีสุนัขอยู่ 2-3 ตัวที่คอยเป็นยามเฝ้าตลอดซอยนี้ตลอดเวลาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผมคิดในใจว่าที่สัณญาณดังขึ้นนี้น่าจะเป็นเพราะคลื่นวิทยุสื่อสารจากรถแทกซี่คันนั้น เพราะผมเคยลองแล้วกับรถของราชการท่านหนึ่ง พอเปิดวิทยุสื่อสารกำลังจะจูนหาคลื่น สัณญาณกันขโมยของผมก็ดังเลย นั่นแหละที่ผมคิดว่าคลื่นวิทยุมันชนกัน อยากรู้ว่าสัณญาณกันขโมยใช้ความถี่ไหนและเขาจะกลับพร้อมอุปกรณ์จับคลื่นวิทยุเพื่อเปิดประตูรถได้หรือเปล่า น่าสงสัยนะครับ

สิ่งที่ลองเย็นนี้
- ล็อกรถแต่เปิดกระจก จากนั้นดึงสลักแล้วเปิดประตู --> สัณญาณดังตามปกติ แต่ถ้าแค่ดึงสลักขึ้นจะยังไม่มีเสียงดัง ต้องเปิดประตูก่อนนะครับ

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

เลี้ยวผิด ใครถูกผิดกันแน่?

เหตุเกิดเมื่อตอนช่วงปีใหม่ ผมเดินทางจากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่งและคนละอำเภอแต่ไม่ใกลกันมากนัก โดยที่ก่อนออกเดินทาง ผมก็ทำการค้นหาปลายทางไว้เรียบร้อยแล้ว และก่อนที่เดินทาง ผมก็กลับมาเลือกให้ค้นหาปลายทางโดยเลือกจาก"ข้อมูลล่าสุด" แล้วกดเลือกชื่อที่ผมเคยเลือกไว้เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติอะไร

พอผมขับรถมาถึงทางแยกที่จะเข้าทางหลักซึ่งเป็น 3 แยกธรรมดา ผมก็เลี้ยวขวาไปตามที่เจ้า nuvi บอกผมมาตลอดทาง ทันใดนั้น ผู้โดยสารในรถก็ร้องบอกผมว่าให้เลี้ยวซ้าย ไม่ใช่เลี้ยวขวา อ้าววว ก็เจ้า nuvi บอกให้ผมเลี้ยวขวานี่นา ...ผมก็ต้องรีบหาจุดกลับรถโดยด่วน ก่อนที่จะเลยไปไกลกว่านี้ ยังดีว่ารถไม่เยอะ ผมเลยสามารถกลับได้ง่าย ๆ ตรงปากทางเข้าบ้านของคนแถวนั้น :)

หลังจากนั้น ผมคิดมาตลอดทางว่า ผมก็เลือกเส้นทางได้ถูกแล้วนะแต่ทำไมเจ้า nuvi ถึงบอกให้ผมไปผิดเส้นทางได้นะ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ผมเคยใช้ speednavi พาเที่ยวอยู่ครั้งหนึ่งและก็พาหลงทางไปแบบสุด ๆ ตั้งหลายสิบกิโล คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย แต่ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

เย็นนี้ ผมเข้ามาถึงกรุงเทพ ผมเลยต่อ nuvi กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน แล้วดึงเอาไฟล์ข้อมูล mileage.csv ออกมาดูสักกะหน่อย อยากทราบไหมว่าเกิดอะไรขึ้นครับ ??

จากข้อมูลการเดินทางด้วยไฟล์ mileage ที่ดึงออกมา ผมผิดที่ไปกดเลือกปลายทางเป็นอีกอำเภอหนึ่งซึ่งอยู่ทางขวามือการเดินทางของผม ณ ขณะนั้น ฉะนั้น พอผมทางถึงทางแยก เจ้า nuvi ก็เลยบอกให้ผมเลี้ยวขวาไปแทนที่จะบอกให้เลี้ยวซ้ายกลับบ้านเหมือนเดิม :P

ผมคิดว่า tracklog นั้นเป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจใน garmin nuvi 1250 ตัวนี้ โดยข้อมูลที่ได้นั้นจะถูกเก็บเป็นไฟล์ excel ไว้แล้วเราสามารถเรียกดูไฟล์นี้ได้เมื่อเชื่อมต่อเจ้า garmin กับคอมพิวเตอร์ เพื่อดูข้อมูลการเดินทางเช่นเราเดินทางจากที่ไหนไปยังปลายทางที่ไหน ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าว่าที่ gps พาไปผิดทางเป็นเพราะอะไรกันแน่นะครับ

สุดท้าย ผมแนะนำว่า เราควรทำการบ้านให้ดีก่อนออกเดินทาง ด้วยการกำหนดจุดหมายปลายทาง จุดแวะแต่ละจุดไว้ให้ดีเพราะจะได้ไม่ต้องมาคอยเลือกปลายทางตอนขณะขับรถ และ(บางครั้ง)ก่อนที่เราจะทึกทักเอาเองว่าตัว gps ตัวน้อยจะพาหลงทาง ลองคิดดูให้ดีว่าเราเลือกจุดหมายไว้ถูกต้องหรือยัง ยิ่งถ้าต้องมากดเลือกปลายกันขณะขับรถ โอกาศที่จะกดผิดกดถูกมีเยอะจริง ๆ และพลอยจะทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วยซ้ำครับ



Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา