วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

เย้ .. ได้เวลารับรถแล้ว

ประมาณ 10 โมงกว่า ทางศูนย์ฮอนด้านครินทร์โทรมาบอกว่าให้ไปรับรถได้แล้ว ผมก็เลยบอกเข้าไปว่างั้นขอเป็นตอนเย็นหลังเลิกงานละกัน สะดวกกว่าเยอะ

พอตกเย็น ผมก็ออกจากออฟิซตั้ง 16.30 น. ไปต่อ BTS เลยเพราะเผื่อว่าจะได้ดูรอบ ๆ รถสักหน่อย และก็คงใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร พอลงจาก BTS ก็เดินไปหน้าคาร์ฟูร์ ตอนแรกก็กะว่าจะขึ้นสองแถวเหมือนทุกวัน คิดไปคิดมา ไม่เอาดีหว่า ขอเป็นแทกซี่เลยดีกว่า เพราะถ้าไปสองแถวก็ต้องต่อรถอีกคัน ซึ่งก็อาจจะเป็นรถแทกซี่เหมือนเดิม

ผมใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงศูนย์ ฯ รับบัตรคิว แล้วก็นั่งรอแป๊บหนึ่งพี่เขาก็เรียกเข้าคุยที่โต๊ะที่เคยคุยเรื่องประกันวันที่เอาเข้ามา เซ็นต์ชื่อ 2-3 ครั้งก็ให้ฝ่ายช่างมาคุยต่อ แน่นอนมีเซ็นต์ชื่ออีก 2-3 ครั้ง จากนั้นก็ไปแผนกจ่ายตังค์ โฮ .. โดนไปเยอะครับ สำหรับค่าเช็คระยะงวดนี้ ไม่เป็นไร จ่ายบัตรเครดิตแล้วกัน แล้วค่อยผ่อนไปเรื่อย ๆ

หลังจากนั้นช่างก็พาผมไปดูรถ ผมแทบจะไม่ได้รอยที่เคลมประกันสักนิดเลย ส่วนใหญ่ก็คุยเรื่องห้องเครื่องกับช่าง พี่ช่างก็บอกว่าถ้ามีอะไรก็บอกได้นะ ผมก็เลยตอบกลับทันทีว่า ครับ ถ้ามีปัญหาผมกลับมาแน่นอน แล้วขับออกจากศูนย์ ฯ ไปรับแฟนจากที่ทำงานต่อ .. :)

สิ่งที่ไม่ได้ทำตอนเอารถออก
- เช็ครอบตัวรถโดยละเอียด โดยเฉพาะจุดที่เคลมประกัน
- สิ่งของข้างในรถก่อนเข้าศูนย์ ฯ ว่าเหลือครบหรือไม่ แม้ว่าตอนนั้นจะเช็คดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้เอาออกหมดทุกอย่างเช่น ร่ม และอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ


วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

เอารถเข้าศูนย์ฯ

วันนี้ ตื่นมาสาย ๆ หน่อย เพราะไม่ต้องรีบไปทำงานเหมือนทุก ๆ เช้า แต่จะต้องเอารถเข้าศูนย์ไปเก็บรอยกับประกันฯ ที่กำลังจะหมดอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ บวกกับที่ต้องเช็ครอบ 2 หมื่นโลด้วย แม้ว่าจะยังไม่ครบ 2 หมื่นแบบเต็ม ๆ นัก ยังไงก็ขอเช็คสภาพรถด้วย ก็รอบแรกเราเอาเข้าไปเช็คตั้งแต่ตอน 7 พันกว่าโลเอง เพราะตอนนั้นวิ่งต่างจังหวัดเป็นว่าเล่น ประมาณว่าออก ตจว. ทุก 2 อาทิตย์เลยทีเดียว เอาไว้คราวหน้า เราลองเช็คพวกอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เป็นเองเสียก่อน อันไหนที่พอข้ามไปก็คงข้ามไปก่อน

พอเข้าไปถึงศูนย์ฯ พอจอดรถปุ๊บ ก็เห็นพนักงานมายืนรอเราที่ท้ายรถเสียแล้ว เออ.. ไวดีนะ ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่ต้องทำอะไรมากแล้วล่ะ จากนั้นก็ไปนั่งคุยกันที่โต๊ะทำงานของเขาแหละ พนักงานคนนั้นก็คีย์ข้อมูลใหญ่เลย แล้วก็สรุปค่าใช้จ่ายออกมา พนักงาน ฯ ก็อธิบายแจกแจงมาว่าเป็นค่าอะไรบ้าง .. ที่เห็นว่าหนัก ๆ ก็จะเป็นค่าน้ำมันเครื่องกับค่าล้างแอร์ โดนไป 3-4 พันบาท รวมกับค่าน้ำอื่น ๆ เข้าไปอีก บวก vat อีก 7% (เหมือนไม่เยอะหรอกนะ) โอ .. แม่เจ้า !! ตั้ง 5 พันกว่าบาท !?!?! ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ แต่ก็คงต้องเออออไปกับเขาแหละ เพราะรถเราก็ต้องดูแลให้ดีหน่อย ใช่ว่าจะขับอย่างเดียว .. มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ ต้องอาศัยรถคันนี้ไปอีกนาน รักษาเขาให้ดีหน่อย .. :)

แต่ก่อนที่จะส่งมอบให้รถกับช่างฯ ขอถ่ายภาพหน้าปัดไว้หน่อย ดูว่าเข็มไมค์จะเพิ่มลดแค่ไหน ตอนที่เรามารับรถกลับบ้าน ...

เดินออกจากศูนย์ก็ประมาณ 9.20 น. พี่ยามก็ถามว่าจะเอาแทกซี่มั้ยครับ .. ไม่หรอกครับ ผมไปรถเมล์ดีกว่า ..

ก็เลยเดินไปที่ป้ายรถเมล์ กะว่าจะไปลงที่เพชรบุรีเพื่อไปต่อรถไฟใต้ดิน ..

เดินมายังไม่ถึงป้ายรถรถเมล์ด้วยซ้ำครับ อืมมม สาย 11 มาแล้วขึ้นเลย ๆ ช่วงศรีนครินทร์ก็ดูดีหรอกครับ รถวิ่งกันสบาย ไม่ติด แต่พอเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นพัฒนาการเท่านั้นแหละ ติดตั้งแต่คอสะพานข้ามแยกพัฒนาการเลย จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับกันทีละ 3 - 5 เมตร โอย อะไรจะติดขนาดนั้น!!! เชื่อมั้ยว่าผมติดอยู่พัฒนาการจน 10.15 จะออกตัวได้หน่อยก็ช่วงแยกสุขุมวิท 39 สุดยอดจริง ๆ เส้นนี้ ผมไปถึงสถานีเพชรบุรีก็ 10.30 แล้วแต่ก็คงต้องไปทำงานต่ออยู่ดี .. :P


มีรอยตำหนิที่โคมไฟด้านหน้า

เนื่องจากเมื่อวันก่อนที่ไปรับรถที่ศูนย์ฮอนด้านครินทร์ตอนเย็นเลยไม่ได้เช็คอะไรเลย แค่ถามช่างว่าเสร็จหรือยัง งานเป็นไงมั่ง แบบคร่างเพราะเย็นแล้ว พอดีเช้านี้จะเอารถออกไปหาอะไรใส่ท้องยามเช้า เลยเดินสำรวจรอบคันดูว่างานจริง ๆ เป็นไงมั่ง แล้วก็มาหยุดที่ตรงโคมไฟด้านหน้าขวา เพราะว่ามีจุดเป็นฝ้า ลองเขี่ย ๆ ดูที่รอยก็รู้เลยว่าเป็นที่ด้านใน ไม่ใช่ข้างนอกแน่นอน โอเค แบบนี้ต้องกลับเข้าศูนย์ ฯ อีกเป็นแน่

ผมเลยโทรเข้าไปที่ศูนย์ ฯ บอกอาการแล้วก็บอกว่าจะเอารถเข้าไปให้ดูที่ศูนย์เลย เพราะง่ายกว่าที่จะอธิบายทางโทรศัพท์

พอเข้าไปที่ศูนย์ก็บอกให้ดูที่ประตูฝั่งซ้ายด้วยเพราะเวลาเลื่อนขึ้น-ลงมันจะมีกาวติดขึ้นมาด้วย พร้องกับแจ้งเคลมโคมไฟหน้าด้วย แต่เอาไว้วันหลังค่อยเข้ามาเปลี่ยนอีกที


วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

มีปัญหากับรีโมต

เนื่องจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมมีปัญหากับรีโมตรถอย่างมาก กดเปิดประตูตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ ผมเลยลองเอากุญแจไปเปิดเอง .. เป็นเรื่องครับ รถผมร้องใหญ่เลย ไม่ยอมหยุดเลย เปิดปิดประตูหลายรอบก็ไม่เป็นผล ก็ต้องกดรีโมตให้สิครับ สุดท้ายก็ได้ แต่กว่าจะได้ เล่นเอาผมหัวเสียเลยทีเดียว ผมกดรีโมตไปไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยครั้ง

เย็นวันนี้ เลิกงานมาเลยขอดูหน่อยว่าเป็นแบตชนิดไหน เผื่อไปหาซื้อที่ 7-11 ไกล้ ๆ ที่ทำงานตอนเที่ยงได้บ้าง .. :)


วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

วีคเอนด์แห่งการเดินทาง (2)

10.00 น. ออกจากบ้านไรับญาติที่คาร์ฟร์ พระราม 4 เพราะเปลี่ยนจากเมื่อวานมาเป็นวันนี้แทน จากนั้นก็พากลับมาที่บ้าน แล้วออกไปทานข้าวเที่ยงกัน ไม่ได้พาไปไหนไกลหรอกครับ ก็พาไปทานก๊วยเตี๋ยวเป็ดที่ซอยอ่อนนุช 68 ขอบอกว่าเจ้านี้อร่อยครับ ไปทานที่นี่หลายครั้งแล้ว พอทานเสร็จก็จะซื้อพวกขนมที่ร้านติดมือกลับบ้านด้วยทุกที

บ่ายนิด ก็เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิกัน จริง ๆ ผมก็ไปหลายรอบแล้วแหละ และถ้าไปทีไรก็จะชอบหลงถนนหาทางตลอด ประมาณว่าต้องมี navigator ส่วนตัวติดรถไปด้วยเสมอ อิ .. อิ ..

แต่เนื่องจากว่า เราไม่ทราบเวลาที่แน่นอนว่ามาสายการบินไหน เครื่องขึ้นจากที่โน้นเมื่อไร และจะมาถึงเมื่อไร แะนั้นเราก็เลยจำยอมว่าต้องรอโดยไม่รู้อะไรเลย

จริง ๆ เรื่องรอก็ไม่เท่าไรหรอก ปัญหามันอยู่ที่หาทางลงไปชั้น 1 ตรงที่จะไปรับผู้โดยสารขาออก เพราะหาทางลงไปยากจริง ๆ บันไดเลื่อนใช้ได้แค่อันเดียว และอีกที่จะมียามยืนกั้นไว้อยู่ ให้เฉพาะพนักงานที่มีบัตรลงไป พอเข้าลิฟต์มันก็ไม่จอดที่ชั้น 1 เออ.. มันออกชั้น 1 ไม่ได้ เป็นงง ..

สุดท้ายผมเลยลงบันไดเลื่อนแล้วไปรอญาติอีกฟากหนึ่งแทน ก็ถ้าเขาออกที่ฟากก็คงต้องหากันวุ่นอีกที เสี่ยง ๆ ไปหน่อยละกัน แต่ก็นับว่าโชคเข้าข้างผมนิดหนึ่ง ญาติเขาเดินมาทางที่ผมอยู่พอดีก็เลยไม่มีปัญหาอะไร

แล้วเราก็ไปกินข้าวกันที่ร้านไก่ย่าง ระราม 9 เพราะเป็นอาหารอีสาน ประเภทก่ย่าง น้ำตก ส้มตำ อย่างไรก็ต้องขอแบบบ้าน ๆ ก่อน แม้จะไม่ค่อยหิวกันมากก็น่าจะกินได้เยอะกว่าอาหารชนิดอื่น :)

ออกจากร้านไก่ย่างพระราม 9 ได้ก็ประมาณหกโมงกว่า ๆ แต่ข้างนอกสิฝนตกซะแล้ว แถมตกหนักอีกต่างหาก เลยแวะซื้อของฝากที่ The Mall รามคำแหงก่อนสักหน่อย ซื้อของไม่เยอะหรอกครับ แต่เดินนาน เลือกกันนานมาก คนเดินตามล่ะเหนี่อยแทนจริง ๆ

หลังจากที่ได้ของฝากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปส่งที่หมอชิตใหม่แล้ว แต่กว่าจะออกก็เกือบ 2 ทุ่ม ดีนะที่เลือกออกทางด้านหลัง The Mall เพราะถ้าเลือกออกไปทางด้านหน้าเพื่อเลี้ยวขวาที่แยกคลองตันคงใช้เวลานานมาก ๆ

พอออกพระราม 9 ได้ก็วิ่งตรงไปแล้วเลี้ยวขวาเข้าวิภาวดี เรื่อยไปจนถึงหมอชิต 2 แหละครับ รถเยอะเหมือนกันแต่ไม่ไปไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีทางเลือก แบบต้องไปส่งพี่เขาอย่างเดียว

พอถึงหมอชิต 2 ก็วิ่งขึ้นข้างบน และก็นึกได้ว่ามันจอดนานไม่ได้ เลยต้องวนลงมาแล้วหาที่จอดในลาดจอดด้านหน้าแทน จากนั้นก็ขนของลงจากรถ เพื่อเข้าสู่ชานชลาสายขอนแก่น

ประมาณเกือบ 4 ทุ่มก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว พอเดินมาถึงรถ กดปุ่มรีโมท อ้าว .. ทำไมประตูไม่เปิด ผมก็กดอยู่ประมาณ 10 ครั้งแต่ก็เปิดไม่ได้ ลองเอากุญแจไปเปิดแทน ก็ได้ครับ แต่สัญญาณกันขโมยร้องไม่หยุดสิ ก็เลยเปิด ๆ ปิด ๆ ประตูอยู่นาน กดปุ่มที่รีโมทไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็ประสพความสำเร็จครับ.. กดติดสักที ลำคาญเสียงอยู่นาน ..

จากนั้นก็บึ่งรถกลับบ้านที่อ่อนนุชโดยใช้ทางด่วนไปลงที่ศรีนครินทร์เหมือนเดิม ...

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

วีคเอนด์แห่งการเดินทาง

เรื่มต้นเช้าวันเสาร์ก่อนละกัน ตอน 9.30 นาฬิกา ผมมีนัดกับคุณหมอที่โรงพยาบาลวิภาราม แต่จนแล้วจนรอด ผมไปถึงโรงพยาบาลเกือบสิบโมง สังเกตว่าวันนี้รถจะเต็มลานจอดแล้ว แต่ก็ยังวนไปเรื่อย ๆ ตั้งใจว่าจะหาที่ ๆ เคยจอดแหละ จะได้ไม่ต้องเดินไกล ผมก็งงว่าทำไมยามที่ลานตรงนั้นไม่เห็นบอกเราเลยว่ามันเต็มแล้ว เขากลับเดินไปหาที่นั่งเฉยเลย แต่ผมก้ไม่ถามอะไรมาก แบบอารมณ์เช้า ๆ นี้ไม่อยากหาเรื่อง วนรถกลับเข้าไปอีกฟากหนึ่งของลานจอด แล้วก็เดินเข้าไปรอที่หน้าห้องตรวจชั้น 4 ตามปกติ

ประมาณเที่ยงเศษ ๆ ผมก็ออกจากโรงพยาบาล และกะว่าจะไปรับญาติพระราม 4 แต่ต้องเปลี่ยนแผน คุยกันไปคุยกันมา บอกไม่มา ก็ต้องกลับมาอ่อนนุชเหมือนเดิม

พอตกเย็นประมาณ 5 โมงได้มั่ง ข้างนอกฝนตกปรอย ๆ แต่ผมก็ต้องออกจากบ้านเพื่อร่วมงานเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยที่ร้านน้องเนย หลังเซ็นทรัล พระราม 2 ง่ายสุดก็ใช้ทางด่วนครับ ไปลงดาวคะนอง ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่ดันไม่ชินเส้นทาง แทนที่จะเลี้ยวเข้าห้างตอนกลับรถ แต่ดันวิ่งลงทางราบ เลยต้องวนเข้าข้างหลังอีกไกลเลยแหละ

พอถึงที่หมายก็ต้องหาที่จอดรถเป็นอันดับแรกก่อน ชอบตรงที่ว่าที่จอดรถเยอะ บรรยากาศดี ไม่เหมือนอยู่ในเมืองเท่าไร

จากนั้นก็นั่งเล่นแถวนั้นก่อน แต่ท่าทางจะร้อนไปหน่อยเลยชะแว๊บเข้าไปเดินเล่นในเซ็นทรัลแทนละกัน แต่ยังเดินกันได้ไม่นาน เพื่อน ๆ ก็โทรมาบอกว่าตอนนี้มาถึงกันแล้ว

ขออภัย ตอนกินข้าว ไม่ขอบรรยายอะไรมากหรอกครับ ...

งานเลี้ยงก็ต้องมีเลิกลา 4 ทุ่มกว่า ๆ ก็เรียกเด็กมาเช็คบิล แต่ผมก็ไม่ได้รอจนเสร็จหรอก ก็เลยฝากตังค์ไว้ให้จ่ายค่ากับข้าวและใบส่วนลดที่พิมพ์ออกจากเนตก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะต้องเดินทางกลับบ้านอีกไกล

กลับถึงบ้านประมาณ 5 ทุ่มกว่า ๆ อาบน้ำเสร็จก็เข้านอนทันที พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางอีกนาน

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551

จะเข้าออฟฟิซอยู่แล้ว

เมื่อคืนนี้ฝนตก ตอนเช้ามาก็้ลยขอเช็ดรถรถสักหน่อย เพราะไม่งั้นหลังคารถก็คงชุ่มช่ำไปจนถึงที่ทำงานแน่นอน ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็เสร็จแล้วล่ะเพราะทำแบบลวก ๆ ไว้ก่อน เอาไว้เสาร์-อาทิตย์ค่อยล้างที่ปั้มปากซอยใกล้บ้านละกัน

สังเกตว่าเช้านี้รถมาก ติดตั้งแต่หน้า LPN คอนโดเลย ค่อยๆ กระดึ๊บมาเรื่อย ๆ จนออกจากซอยอ่อนนุช จากนั้นก็ติดตรงหน้าคาร์ฟูร์ พระราม 4 รถวิ่งกันวุ่นจริง ๆ เข้าซ้ายออกขวากันจ้าละหวั่นเลย พอหลุดจากนั้นก็โอดี

ตรงหน้าบ่อนไก่ก็ชินเสียแล้ว เพราะรถเยอะเหมือนปกติทุกวัน ไม่เคยเห็นว่ามันวิ่งชิว ๆ สักทีตรงนี้

ปัญหาจริง ๆ (เกือบมี) มันอยู่ที่หน้าออฟฟิซนี่เอง ตีไฟเข้าซ้ายตั้งแต่ป้ายรถเมล์ เห็นมีมอไซต์จอดจะออกจากซอยแล้ว จะจอดให้ก็กระไรอยู่ เพราะเรามาตรงและก็จะเข้าอฟฟิซแล้ว แต่พอหักรถจะเข้าก็เหลือบมองไปเห้นว่า มอไซต์คันนั้นออกต่อท้ายเรามา แถมจะเข้าซ้ายเราอีก ก็เลยต้องเบรคสิครับ ไม่ดันทุรังอยู่แล้ว ดีที่มากันไม่เร็ว ไม่งั้นก็โดนเข้าเต็ม ๆ


วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

ต้นกันยา ฟ้าไม่สวยเลย

ต้นเดือนกันยายนมา ฟ้าไม่ค่อยเท่าไหร่ ตื่นมาเห็นว่าฝนกำลังตกอย่างหนักเลยยังนอนรออยู่แป๊บหนึ่ง พอฝนซาลงก็อาบน้ำขับไปทำงานตามปกติ ออกจากบ้านประมาณ 6.10 น. เหมือนเดิมทุกอย่างแต่ว่าเช้าดูมึน ๆ ยังไม่รู้ดิ

ขณะที่กำลังรถรอไฟเลี้ยวขวาเข้าสุขุมวิท ตรงหน้าคาร์ฟูร์อ่อนนุช จังหวะหนึ่งที่กำลังก้มเอาน้ำมาดื่ม ก็ได้ยินเสียงโครมมม พร้อมเสียงเตือนขโมยมั่งก็ดังขึ้น เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่า รถคันที่อยู่หน้าเราก็ตีไฟจะออกขวา เลยไปชนกับมอไซต์ทที่วิ่งกลางเลนมาอย่างจัง เออ.. น่าจะเรียกว่ากลางถนนนะ รู้สึกว่าจะมีเด็กนักเรียนนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ไม่รู้เหมือนว่าทำไมรถคันนั้นก็ต้องออกขวา ไม่มีถนนที่จะเลี้ยวเข้าซอยเลย แต่ถ้าจะเข้าซอยข้างหน้า ก็ต้องวิ่งสวนเลนไปอยู่ดี ถ้าหากจะแซงคันข้างหน้าก็น่าจะออกซ้ายไปแทนเพราะไม่สวนเลน แต่ระวังมอไซต์กับรถอีกเลนเท่านั้นเอง ..

เนื่องจากว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ก็เลยตีไฟเปลี่ยนออกช่องเลนซ้าย ไปพร้อม ๆ ไฟเขียวขึ้นพอดี คราวนี้ เริ่มมีการพันตูกันอีกรอบตรงทางแยก เกลียดมากเลย พวกที่จะเบียดทางซ้ายก็มี แล้วยังมีพวกที่วิ่งเลนในจะออกอีก เอาไงดีเนี่ย .. และแล้ว เพราะมัวแต่ระวังรถใหญ่ ลืมดูไปว่ามีมอไซต์วิ่งอยู่รถปิกอัพขวามือ พอเหลียวไปเจอก็สะกิดพี่แกไปซะแล้ว คิดว่าน่าจะโดนบังโคลนหลังนะ พี่แกมีอาการสะดุดนิดหน่อย จากที่แกวิ่งช้า ค่อย ๆ แซะออกไป แกซิ่งหนีไปเลย ไม่หันมามองเลยสักนิด ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจครับ .. :)

พอถึงที่ทำงานก็ลงมาดู โอ.. มุมขวาล่างอีกแล้ว เกือบจะซ้ำรอบเดิมนะ





Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา