วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552

จอดรถที่ท่าข้ามเกาะเกร็ด

ผมมีโอกาศไปไปเที่ยวเกาะเกร็ดอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมเหมารถตู้ไปกัน ก็ง่ายและสะดวกตรงที่ไม่ต้องหาที่จอดเองให้ลำบาก พอรถตู้ส่งพวกเราลงที่ปากทางเข้าวัดสนามเหนือ (ใกล้ ๆ กับวัดบ่อ) แล้วก็เดินไปที่ท่าเรือได้เลย คนขับรถตู้ก็เอาไปหาที่จอดเอาเอง :)

เรื่องการจอดรถที่นี่ ก็คงแล้วแต่ดวงจริง ๆ โดยเฉพาะที่วัดสนามเหนือเพราะรถเยอะมาก อาจจะต้องวนหาที่จอดหลายรอบ ถ้าจะรอเข้าจอดในซอง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าจอดซ้อนคันเด็ดขาดเพราะไม่มีคนดูแล (หรืออาจะมีแต่ผมไม่เห็น) คนที่เขาอยากออก เขาก็จะเข็นรถของคุณไปแปะไว้ที่ท้ายรถคันอื่นใกล้ได้ ถ้าแค่แปะจริงๆ ก็ถือว่าคุณยังโชคดี อย่างมากป้ายทะเบียนมีรอบปริหรือแตกนิดหน่อย แต่ถ้าเข็นไปแล้วรถของคุณตกลงที่เป็นหลุมพอดีหรือเขาแรงดีไปหน่อย ก็จะเหมือนรถของคุณวิ่งไปชนกันดี ๆ นี่เอง

อีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าคุณไปถึงที่นั่นสายหรือหลังเที่ยงแล้ว ผมแนะนำให้ไปจอดที่วัดบ่อใกล้ ๆ กับวัดสนามเหนือ สามารถเดินมาได้ ผมว่าที่นี่จะว่างกว่าวัดสนามเหนือซะด้วยซ้ำ เพราะคนกลัวว่าจะเดินไกล ผมก็ไปจอดที่วัดนี้แหละเมื่อครั้งแรกๆ ที่ขับรถไปเกาะเกร็ดกับเพื่อน ๆ

โดยส่วนตัวผมจะไม่จอดซ้อนคัน แม้จะมียามคอยดูแลก็ตาม เพราะเขาไม่ได้ห่วงหรือดูแลรถเหมือนที่เราที่เป็นเจ้าของ บางทีเขาจะทำแบบมักง่ายกว่าที่เราคิดซะอีกด้วยการเรียกเพื่อน(ยาม)มาช่วยเข็น แต่ไม่ได้เข็นทีละคัน เขาจะเข็นทีละ 2-3 คันเลยก็มี ก็ไม่รู้จะเรียกว่าบ้าหรือโง่ดี คิดได้ไงเข็นรถทีละสองคัน :(


วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

เช้านี้เซ็งจริง ๆ

เช้านี้ ผมขับรถแบบเครียด ๆ ยังไงไม่รู้สิ เจอรถมอไซต์ตัดหน้าจะเข้าปั้มตั้งแต่ออกจากปากซอยหน้าบ้านแล้ว ผมก็คอยระวังรถที่วิ่งสวนมา เพราะต้องตัดข้ามเลน แต่มอไซต์ที่วิ่งอยู่ซ้ายสุดโน้นตัดเข้ามาดื้อ ๆ เห็นแล้วหมั่นไส้จริง ๆ ดีที่ไม่ได้ออกตัวแรงและรถทางซ้ายก็ไม่มี เลยหลบไปทางซ้ายได้ ไม่งั้นมีเฮงแต่เช้าแน่ ๆ

ต่อมามีอีกที่หนึ่ง พอเลี้ยวจากอ่อนนุชเข้าสุขุมวิท ผมก็วิ่งเลนกลางมาเรื่อย ๆ แต่พอช่วงทางขึ้นสะพานพระโขนง ก็รถปิกอัพคันหนึ่งที่ขนคนงานของกนกเฟอร์นิเจอร์นั่นแหละ แต่มีคนบนรถไม่กี่คนเอง ตัดหน้าเข้ามาที่เลนกลาง ทั้ง ๆ ที่ข้างหน้าเขาก็โล่ง ๆ ผมไม่กดแตรหรอก แต่กดคันเร่งออกขวาแล้วแซงขึ้นหน้าเขาแล้วก็เข้าเลนกลางอีกครั้ง แต่ไม่ได้ไกล้มากแบบที่เขาทำหรอก ผมเสียดายถ้ารถผมต้องเจ็บตัวครับ และก่อนแซงผมก็กะระยะว่าไกลที่จะแซงกันได้ทั่วไปและตีไฟกระพริบเข้าซ้ายตามปกติ

ผมขอสรุปแแบนี้ละกัน ถ้าคุณไม่จำเป็นต้องจอดซ้ายทันทีทันได ซึ่งทำไม่ได้อยู่แล้วเพราะกำลังอยู่บนสะพาน และอีกอย่างข้างหน้าขอคุณยังว่าง แนะนำให้ขับขึ้นหน้าไปก่อนแล้วค่อยตีไฟเข้าซ้าย ไม่จำเป็นต้องตัดหน้าคนอื่นเพื่อจะเข้าซ้ายให้ได้ เพราะจะทำให้คนที่คุณตัดหน้าเข้ามาเกิดการเสียความรู้สึกได้ ที่นำมาซึ่งอารมณ์โมโหและโกรธ ผลที่ตามจะเสียหายกันทั้งสองฝ่ายและเสียเวลามากกว่าที่คุณจะยอมวิ่งเรื่อย ๆ แล้วค่อยตีไฟเปลี่ยนเลน ถ้าช่วงจังหวะและระยะห่างดีพอ เขาก็คงยอมให้คุณเข้าเลนได้ง่าย ๆ จริงมั้ย ?!?!

ยังครับ มันยังไม่จบ.. ช่วงพระราม 4 แถวหน้า รพ. เทพธารินทร์ มีมอไซต์คันหนึ่งวิ่งเลนขวาสุด แกก็มาช้า ๆ เอื่อย ๆ โดยไม่สนใจว่าจะตามหรือเปล่า พอบีบแตรใส่ก็หลบไปขวางรถที่จะแซงซ้ายของผมอีก ผมว่าเขาไม่ดูกระจกข้างเลยนะ ไม่สนใจว่ามีรถใหญ่ตามมาหรือเปล่า อั๊วะจะไปแบบนี้ มีปัญหาไรมั้ย :(

อีกที่หนึ่งสำหรับเช้านี้ ที่แยกไทย-เบลเยี่ยม ผมก็เลี้ยวซ้ายเข้าสาทรแต่พอไปได้เลยทางม้าลายนิดหนึ่งก็ต้องชะงัก เพราะมีรถคันหนึ่งมาจ่อจะเข้าซ้ายแบบไกล้ ๆ เอ้ยย มาเมื่อไร ให้ผมเข้าไปเลยก่อนไม่ได้เหรอ กดแตรไปทีหนึ่ง

รวม ๆ เช้ากดแตรไปหลายครั้งมาก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณสัก 5 ครั้งนะ บ้าจริง ๆ ขับรถกันแบบนี้

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2552

รอยข่วนที่สะเกิร์ตใต้ประตูหลัง

เย็นนี้ จำเป็นต้องจอดรถข้างนอก เพราะยังไม่มีรถเอาไว้ซ้อนสักคัน ไม่งั้นตอนเช้าก็ต้องเข็นกันเหมือนเดิม ประมาณว่าขี้เกียจอ่ะ เลยถือโอกาศสำรวจรอบคันเสียหน่อย

เริ่มจากด้านหน้าก่อน เสร็จแล้วก็วนมาทางคนขับ แล้วไปข้างหลังรถ จากนั้นก็วนดูทางซ้าย .. แหง่มมม เจออะไรเข้าอีกแล้ว เป็นขีดที่สะเกิร์ตใต้ประตูหลัง ผมการันตีบบไม่ต้องสงสัยอะไรเลย รถมอไซต์เป็นตัวการแน่ ๆ เพราะเป็นรอยไม่ยาว ไม่ลึกมาก ที่สำคัญถ้าข่วนกับขอบถนนหรือกระถางต้นไม้ มันต้องใหญ่กว่านี้แน่นอน

ก็อย่างที่เคยบอกไว้นานแล้วล่ะ ก่อนที่ผมจะเคลมประกันรอบแรก หรือปีแรกอ่ะ หลังจากนั้นก็พยายามขับแบบระมัดระวังมาตลอด คือไม่ไปเบียดกับมอไซต์ ไม่จอดให้กระจกด้านข้างตรงกับคันข้าง ๆ ไม่จอดชิดคันหน้าหรือคันที่อยู่ข้างหลัง และอีกสาระพัดที่จะทำให้รถไม่มีรอยขีดรอยข่วน

แต่เอาเฮอะ บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะโลกนี้คงไม่มีอะไรที่เปอณืเฟค เริ่ดหรูไปได้ทุกอย่าง จริงมั้ยครับ?!?!

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552

วันนี้กรุงเทพฯ มีฝนตก

วันนี้ ตอนกำลังอาบน้ำ ได้ยินเสียงฟ้าเหมือนว่าฝนคงจะตกอีกไม่นานนี้ พออาบน้ำเสร็จกำลังแต่งตัวจะไปทำงาน ก็ได้ยินเสียงเปาะแปะ ๆ ที่ลูกกรงหลังห้อง เลยออกไปเก็บผ้าที่ตากไว้ แล้วไม่นานสายฝนก็เทกระหน่ำลงมา แม้จะไม่หนักมากแต่ก็หนักพอจะทำให้การเดินทางไปทำงานเช้านี้ ไม่สะดวกราบรื่นเหมือนทุกวัน

พอเลี้ยวขวาออกจากปากซอยก็สังเกตว่าที่พื้นถนนจะมีฟองขาว ๆ เหมือนกับที่เวลาซักผ้าแล้วเทน้ำผงซักฟอกลงไป ช่วงคอสะพานแต่ละที่ก็จะมีน้ำขังพอประมาณ เวลารถวิ่งสวน กันจะทำให้นำสาดกระเซ็นขึ้นมาหน้ารถประจำเลย ดีนะที่ยังไม่ล้างรถเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่งั้นคงช้ำใจกว่านี้ ...

ฟัง ๆ วิทยุแล้วรู้เลยว่าวันนี้กรุงเทพฯ มีฝนตกเกือบทุกพื้นที่เลยทำให้ตอนเช้า ๆ รถติด เพราะเกิดอุบัติเหตุกันเยอะมาก

เช้านี้ ผมก็มีช่วงหนึ่งที่เสียวเอาการเหมือนกัน เป็นช่วงโค้งแถวศูนย์ฮอนด้า พระราม 4 เห็นมีรถคันสีดำคันหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น APV หรือไม่ก็ Avanza เพราะเล็ก ๆ สูง ๆ วิ่งออกจากตลาดคลองเตยไปทางคาร์ฟูร์ (ขาออกพระราม 4) ทำท่าจะซิ่งแซงรถเมล์ แต่แกคงจะเหยียบแรงไปหน่อยเลยทำให้รถจะวิ่งเลยโค้ง แกเลยหักเข้า

ซ้ายแต่ก็ทำได้ไม่เยอะเพราะมีรถเมล์วิ่ง รถที่แกขับมาเลยเสียหลัก ส่ายไปส่ายมา พอเราพ้นมาได้นิดหนึ่งก็ได้ยินเสียงโครม ข้างหลัง ผมก็เหลือบมองดูที่กระจกข้างขวากับกระจกมองหลังว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่เห็นอะไร แต่คงเห็นเพราะเราก็วิ่งเลยโค้งออกไปแล้วด้วย เลยเสียองศาที่จะมองเห็นไป

ผมคิดว่าแกคงชนกับเกาะกลางถนน แต่ไม่รู้ว่าจะข้ามมาทางฝั่งขาเข้าหรือเปล่า เพราะแกก็มาเร็วเหมือนกัน ถ้าข้ามฝั่งมาก็เรียกงานเข้าแล้วสำหรับคนที่วิ่งสวนมาแล้วชนกับเขาตอนนั้น เพราะถ้าผมมาช้ากว่านี้อีกสัก 15 วินาทีก็คงเป็นผมนั่นแหละที่เขาข้ามมาชน !!

สุดท้ายผมก็หวังว่าเขาคงไม่ชนคนอื่น ๆ ทั้งรถและคนข้ามถนน และตัวเขาก็คงไม่เจ็บตัวจากอุบัติเหตุครั้งนี้ครับ



วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

ขอบ่นแทกซี่เมื่อตอนเย็นหน่อย

ผมว่าช่วงนี้รถก็ไม่ค่อยติดนะ เพราะโรงเรียนปิดเทอมกันแล้ว ส่วนใหญ่ที่รถจะติดก็เพราะมีอุบัติเหตุ รถเสีย หรือเกิดอะไรสักอย่างแล้วรถชะลอดู เบี่ยงหนีประมาณนั้น พูดง่ายก็เพราะขับรถกันอย่างประมาทกันเท่านั้นเอง วันไหนที่ผมลงจากที่งานมาแล้วสังเกตรถเยอะผิดปกติ ก็จะฉีกหนีขึ้นทางด่วนตลอด :)

วันนี้ ผมก็เกือบชนกับแทกซี่คันหนึ่งตรงที่กำลังจากสะพานข้ามสะพานแสนแสบหรือที่เรียกกันว่าสะพานพระโขนง พอดีมีรถทัวร์อยู่ 3 - 4 คันตรงเลนกลาง ผมเลยออกซ้ายไปก่อน เพราะยังไงก็ต้องเลี้ยวซ้ายอยู่ดี ถ้าใครเยผ่านมาแถวนี้ก็จะรู้ว่ารถมันมั่วกันมานะตรงคอสะพานขาออกอ่ะ รถลงสะพานจะออกซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าซอยอ่อนนุช ส่วนซ้ายสุดจะมีรถที่กลับจากใต้สะพานออกมาจะเข้าขวา หนักหน่อยจะมีรถสองแถวรับส่งคนที่ตรงนั้นเลย ซึ่งรถจะติดมากกกก

เรื่องมีอยู่ว่า ผมก็ชะลอรถตรงไปเรื่อยพร้อมไฟกระพริบออกซ้าย แล้วก็ระวังรถตัดเลนตลอด จนกระทั่งผมก็เห็นว่ามีแทกซี่คันหนึ่งอยู่ซ้ายสุด ข้างหลังผม แต่ว่าผมก็ตรงไปเลยไม่ เพราะมีรถอีกคันข้างหน้าของผม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ก็เจ้าแทกซี่ที่อยู่ข้างหลังทางซ้ายของผมเร่งขึ้นมาอ้อมตัดหน้าผมเข้าเลนขวาซะงั้น ผมเลยต้องเบรค รถที่ตาม ๆ มาก็เบรคกันระนาว .. ทำไงได้ละ เขามาแบบนั้น ไม่เบรคก็ชนสิครับท่าน!!

- การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
- บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552

กว่าจะหลุดจากซอยสุขุมวิท 50

เย็นนี้ ออกจากออฟฟิซช้านิดหนึ่ง ช่วงพระราม 4 รถก็ไม่ค่อยติดมากหรอก พอจะถึงพระโขนง ทำไมรถมันดูเยอะจัง ถ้าจะเลี้ยวเข้าสุขุมวิท 42 ก็ล้นออกมาแล้ว ถ้าจะตรงไปออกที่แยกพระธขนงก็ดู่วารถวิ่งไปกันเยอะ ๆ พอดีไฟเขียวเขียวให้รถเลี้ยวขวา ไปทางรถไฟสายเก่า งั้น ลองดูละกัน รถคงไม่ติดมากหรอก

และแล้วพอเลี้ยวเข้าไปไม่นาน ก็ต้องชะงัก น่าจะไม่ถึง 20 เมตรเลยติดอยู่นั้นแหละประมาณครึ่งชั่วโมงเลยมั่ง ถ้าจะฉีกออกทางขวาไปทาง ม. กรุงเทพ ก็กลัวว่าจะหาทางกลับไม่ถูก เลยต้องรอแล้วรอ ตรงนั้น แหละ มันคงไม่นานหรอกมั้ง จากนั้นก็ค่อย ๆ กระดึบ ๆ ไปเรื่อย ๆ และก็ต้องถึงบางอ้อที่ตรงจะเลี้ยวซ้ายเข้าสุขุมวิท 50 นี่แหละ ที่หน้าวัดสะพานขึ้นป้ายใหญ่เลยว่าเย็นนี้มีน้กร้องลูกทุ่งมากันเพียบเลย มิน่าล่ะ เขามีงานวัดนี่เอง!!

จำได้ว่า กว่าจะหลุดจากซอยสุขุมวิท 50 ประมาณเกือบชั่วโมง แล้วต้องมาสะดุดอีกทีช่วงจะกลับรถ ใต้สะพานพระโขนง ผมไม่ค่อยชอบที่กลับรถตรงนี้เท่าไร เพราะชอบเบียด ชอบแซกเข้ามาจะกลับรถตลอดเวลา ถ้าจะไม่ให้เข้าเลยก็จะดูว่าใจดำเกินไป แต่ถ้าจะให้เข้าหมดก็ดูจะใจดีเกินคนไปหน่อย เพราะฉะนั้นต้องคอยต่อท้ายคันข้างหน้าให้เยอะที่สุด อย่าให้มีช่องว่างเด็ดขาด!!!



Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา