วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การจอดรถที่โรงแรมบันยัน ทรี

พอดีผมมีโอกาศได้ไปสัมมนาที่โรงแรมบันยัน ทรี (Ban Yan Tree Hotel) ที่ถนนสาทรใต้ ผมคิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักดี แต่ผมจะขอพูดถึงเรื่องการจอดรถที่นี่ดีกว่าว่าเราจะเข้าออกอย่างไรบ้าง

เริ่มต้นตรงหน้าประตูทางเข้าหลักด้านถนนสาทร ผมต้องบอกว่าแค่ทางเข้าก็สร้างความสับสนให้กระผมซะแล้ว ก็ตรงทางเข้ามันเหมือนมีสองช่อง และทั้งสองช่องก็เขียนว่าเป็นทางเข้าเหมือนกัน อ้าว แล้วช่องไหนมันทางเข้า ช่องไหนทางออกกันแน่ ..

ช่องแรกก็เป็นทางเข้าครับ แต่ถ้าตรงไปจะมีป้ายบอกว่าเป็นทางเข้าสำหรับ visitors ชั่วคราว คือสำหรับรับส่งแบบชั่วคราว ประมาณว่าวิ่งเข้ามาสัก 15 นาทีก็ออกไป อันนี้ผมไม่รู้ว่าเข้าไปจะเจออะไรบ้าง เพราะผมมาที่นี้เพื่อทำกิจกรรมแบบทั้งวัน ฝากคนที่เข้าไปช่องมาสานต่อละกันนะ

ช่องที่สองก็เขียนว่าทางเข้า และถ้าตรงไปก็จะเป็นทางเข้าสำหรับแขกที่มาเพื่อทำกิจกรรมทั้งวัน วิ่งเข้าไปจะมีพี่ยามคอยตรวจใต้ท้องรถเหมือนทั่ว ๆ ไปเวลาเข้าห้าง เข้าโรงแรมหรู ๆ ครับ แม้ว่าจะไม่ได้แบบ 100 % ในเรื่องของความปรอดภัยแต่ก็ดีครับเพราะอย่างน้อยก็กรองรถที่วิ่งเข้าออกไปได้ระดับหนึ่ง

พอวิ่งสุดทางจะเจอทางเลี้ยวซ้ายขึ้นลานจอดด้านบน ตรงนี้ผมแนะนำให้เปิดไฟหน้าด้วย เพราะรถที่วิ่งสวนมาจะได้เห็นว่าเราขึ้นมาแล้ว ให้ระวังสักหน่อย พอวิ่งขึ้นได้หน่อยหนึ่งก็จะเจอตู้ยามให้บัตรจอดรถ ก็เป็นกระดาษสีขาวธรรมดาที่เขียนเลขทะเบียนของเราครับ ผมไม่ได้หมายความว่าเป็นกระดาษปล่าว ๆ นะครับ เขาก็มีลายลักษณ์อักษรว่าเป็นบัตรจอดนั่นแหละนะ

จากนั้นก็จะเป็นการวิ่งวนขวาชึ้นข้างบน หาที่จอดได้เลยทุกชั้น ตรงไหนว่างก็เลือกจอดได้เลย ลานจอดรถที่นี่อาจจะไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างที่คิดนะครับ เพราะจะมีรถจอดทั้งแบบขนานทางที่รถวิ่งและจอดในซอง ก็ต้องสังเกตให้ดีว่าตรงไหนจอดได้ หรือจอดไม่ได้ ถ้าเป็นการจอดในซอง (ทั้งถอยเข้าจอดหรือเสียบหน้าเข้า) อาจจะดูยากหน่อยหนึ่งเพราะเขาไม่มีเลนให้จอดเป็นช่อง ๆ เหมือนที่อื่น ๆ

สำหรับเรื่องราคาค่าจอดเป็นอย่างนี้ครับ
- 15 นาทีแรกจอดฟรี อันนี้แค่รับส่งเพื่อนที่โรงแรม ห้ามจอดนานนะครับ
- ถ้าคิดเป็นชั่วโมง ๆ ละ 50 บาท/ชม. ก็ปัดเศษนาทีเป็นชั่วโมงถัดไปเหมือนที่อื่นนั่นแหละครับ แต่ถ้ามีแสตมป์บัตรจอดรถก็จอดฟรีได้

บทสรุปราคาผมว่าถ้าคิดว่าก็ยังถือว่าโอเคสำหรับโรงแรมหรู ๆ อย่างนี้ แต่ถ้าไม่มีธุระอะไรก็คงไม่เข้าไปเดินเล่นแล้วก็ขับรถออกมาเฉย ๆ กันอยู่แล้ว

อ้อ.. ลืมบอกไปเรื่องหนึ่ง ผมแนะนำให้จอดทางด้านฝั่ง A เพราะอยู่ฝั่งเดียวกันกับลิฟต์ เวลาขึ้นลงจะได้สะดวกกว่ากัน ไม่ยังงั้นพอออกจากลิฟต์ก็ต้องเดินขึ้นลงบันไดหรือทางที่รถวิ่งขึ้นลงนั่นแหละ อาจจะไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ แค่ลำพังรถที่วิ่งสวนกันก็เสียวพอแล้ว อย่าให้ต้องมาระวังคนเดิน้านข้างอีกเลยครับ

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เลี้ยวขวาตรง 5 แยก ณ ระนอง

พอดีออกจากที่ทำงานแล้วรู้สึกว่ารถมันติดผิดปกติ แต่ผมยังดันทุรังที่จะลองดูมันจะนานมั้ย สุดท้ายผมก็ทนไม่ได้ขอฉีกตัวหนีออกจากพระราม 4 ก่อนดีกว่าจะโดยการกลับรถตรงแยกสาทรกับพระราม 4 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสวนพลู ซอยเดิมที่ชอบใช้เวลารถติดที่สาทร

พอหลุดจากซอยสวนพลูถึงแยกจะเข้าพระราม 2 มั้งเลี้ยวซ้ายก็จ๊ะเอ๋กับแถวยาวมากเพื่อขึ้นทางด่วนกัน ตายละหว่า แล้วเราจะทำยังไงดี ...

ผมตัดสินใจวิ่งทางราบลองดูดีกว่าว่าจะเป็นงัย พอเลยมาถึงแยก ณ ระนองแล้วเลี้ยวขวามาเรื่อย ๆ จนถึงหน้า ม. กรุงเทพฯ เออ.. ไม่ติดอย่างที่คิดนะ อาจจะสับสนเฉพาะช่วงแรกที่เข้าเพราะไม่เคยมาเส้นนี้เลยจริง ๆ อีกอย่างมันจะวิ่งลอดทางด่วนมาเรื่อย ๆ เหมือนมีอะไรอยู่ข้างบนตลอดเวลา

จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าถนนรถไฟสายเก่ามาออกสุขุมวิท 50 ตรงโลตัส อ่อนนุชนั่นแหละ เออออ.. ดีนะเนี่ย เดี๋ยววันหลังทำแบบนี้อีกทั้งดีกว่า :P

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ผมมีประชุมดึก

วันนี้ ผมมีนัดประชุมกันประมาณ 19.00 - 20.00 น เลยถือโอกาศมาทำงานสาย เพราะยังไงก็ไม่ได้กลับเร็วอยู่ดี แม้จะรู้ตัวว่าถ้าออกสายต้องเจอรถติด ซึ่งเป็นรู้กันว่า ช่วงเวลาเร่งด่วนนั้น เส้นพระราม 4 ติดยังกะอะไรดีแต่ต้องลอง ๆ ดูเผื่อว่าวันนี้อาจจะดีกว่า

พอตอนเย็น ประชุมเสร็จประมาณ 20.00 น. พอเก็บของเสร็จปิดคอมพ์เรียบร้อยก็เดินไปที่ลานรถ เออ.. รถยังมีเยอะเหมือนกัน คนเข้าทำงานกันดึกจริง ๆ ซึ่งถ้าเรียกว่าดึกก็คงไม่ถูกมากนัก แต่เพราะว่าการทำงานของคนเราส่วนจะสิ้นวันแค่ตอน 5 - 6 โมงเย็นเท่านั้น คุณอยู่ที่ทำงานถึง 2 ทุ่มเนี่ย ไม่ธรรมดาแน่ ๆ จริงไหมครับ ???

มันมีเสียวก็ตอนที่ออกจากช่องที่จอดรถนั่นแหละ พอดีมีรถจอดซ้อนคันทางขวามือ แบบตรงที่จะออกพอดี ผมก็เห็นแล้วแหละ และก็เข็นออกไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง เพราะคิดว่าคงน่าจะพ้น แต่เอาเข้าจริง ๆ ผมต้องขยับรถเข้าออก 2-3 รอบและที่สำคัญนะ ข้างรถของผมเกือบจะไปเบียดกับรถคันนั้น ตรงข้างบนล้อมันเหลือนิดเดียวเอง นิดเดียวจริง ๆ เพราะผมเอากระจกลงแล้วมองที่ขอบตรงหักมุมจะเลี้ยวเลย ไม่ได้มองที่กระจกข้างขวาด้วย เพราะมันคงชิดมาก ๆ

พอถึงแยกกล้วยน้ำไท เริ่มลัเลว่าจะไปทางไหนดี เลี้ยวซ้ายออกสุขุมวิท 42 ถ้าตรงไปก็ออกแยกพระโขนง และถ้าเลี้ยวขวาก็เป็นรถไฟสายเก่า รู้มั้ย ผมเลือกเส้นไหนครับ.. ผมเลือกไปสายรถไฟสายเก่า ช่วงหลัง ๆ มาผมชอบเส้นนี้มากกว่า เรพาะมันซิ่งได้เยอะกว่า เสียเวลาหน่อยช่วงหน้าวัดสะพานกับที่จะกลับรถใต้สะพานพระโขนง ถ้าผ่านสองจุดนี้ก็สบาย ๆ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงอีก คือรถไม่ติดแต่ขับให้ดีก็พอ :)

สรุปว่า ตอนเช้าผมขับรถออกจากบ้าน 9 โมงเช้า พอตกเย็นก็ขับรถกลับเข้าบ้านเวลา 3 ทุ่ม นาฬิกาหมุนรอบหนึ่งพอดี๊ พอดี...

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นัดประชุมแต่ก็ถูกเลื่อน

วันนี้ เลิกงานช้ากว่าปกติ เพราะมีประชุม แต่แล้วนายที่นัดประชุมกลับบอกว่าเลื่อนไปวันพรุ่งนี้ เพราะเขารถของเขามีปัญหา ผมเลยออกเร็วกว่าที่คิดแต่ตอนแรก

แต่ผมว่าน่าจะคิดผิดหรือถูกก้ไม่ทราบได้ เพราะพอมองลงที่ถนนสาทร รถเต็มพื้นที่หมด ตั้งแต่แยกสะพานไทย-เบลเยี่ยม จนเลยหน้าออฟฟิซไปแบบไกลจริง ๆ

ถ้าขืนผมออกไปแล้วรถเข้าพระราม 4 เหมือนที่เคย ผมว่าน่าจะใช้เวลานานมาก ๆ ดีไม่ดี ถึงบ้านคงปาเข้าไป 3 - 4 ทุ่มเหมือนเมื่อนานมาแล้ว ผมออกจจากออฟฟิซประมาณ 17.30 น. แต่ถึงบ้านจริง ๆ 21.00 น. ตอนนั้นผมวิ่งเลยเข้าถนนวิทยุแล้วเข้าไปทางถนนเพชรบุรีแล้ว จากนั้นเลี้ยวขวาเข้ามาศรีนครินทร์ตรงแยกพัฒนาการ เพราะยังใช้ทางด่วนไม่เป็น ยอมรับไกลและใช้เวลานานมากเกินจริง

เย็นนี้ พอผมออกจากออฟิซได้ ผมก็ตีไฟเข้าขวาตลอด เพราะต้องกลับรถเข้าสวนพลูให้ได้ เหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจ เปิดช่องปล่อยให้ผมเข้าขวาให้ได้ก่อนแล้วเลื่อนรถขึ้นมาเพราะใช้เวลาตรงนี้เพียงน้อยนิด ไม่ถึง 5 นาทีมั้ง :) จริง ๆ แล้วถึงแม้ว่า ถ้าเขาจะไม่ยอมให้ผมเข้าขวาก็จะทำให้เขาและคนอื่นๆ ไปไหนไม่ได้เหมือนกันเพราะรถมันติดอยู่แล้ว และทุกคนก็จะติดตรงนั้นแบบขัดลำไว้เฉย ๆ ซึ่งเสียเวลามากกว่าซะอีก

พอผมกลับรถได้ผมก็เลี้ยวเข้าสวยพลู เสียเวลานิดหน่อยเพราะถนนมันแคบ คนเดินข้ามถนนบ้าง รถจอดกินเลนบ้าง แต่ก็ยังดีกว่ารอไปพระราม 4 แบบไม่มีวี่แววว่าจะได้ไปเมื่อไหร่ พอขึ้นทางด่วนได้ก็บึ่งกันแบบสุด ๆ ผมว่าร่าจะอยู่ 80 - 90 km/h ได้แหละ จะเสียเวลาก็ตรงที่กลับรถใต้สะพานพระโขนงเท่านั้นเอง นอกนั้นก็ชิว ชิวววว..

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ฝาถังน้ำมันปิดไม่สนิท

เช้านี้ พอผมจอดรถปุ๊บก็ลองเดินดูรอบ ๆ คันสักหน่อย ว่าจอดรถกินที่พี่ยามที่ลานจอดมั้ยเพราะวันนี้ ผมจอดไกล้ ๆ เสาร์ที่แกชอบมาวางกับข้าว ต้องเคลียร์ทางให้แกบ้างนิดหน่อย

ผมก็เดินไปดูข้างหลัง อ้าว ฝาถังน้ำมันปิดไม่สนิท แน่นอนครับ ผมคิดถึงเด็กปั้มที่ปุ้ม ปตท. กล้วยน้ำไทที่ผมแวะเข้าเติมน้ำมันเมื่อเช้าทำชัวร์ ๆ ไม่มีใครอื่น อีกอย่างตอนเช้าผมก็เช็ดกระจกรถ เดินรอบรถไปแล้วหลายรอบ แล้วก็มีจอดเติมน้ำมันที่เดียวเท่านั้น

ถ้าอย่างนั้น เย็นนี้ ก่อนขับรถกลับบ้าน ผมคงต้องลองดูแล้วว่าเขาปิดฝาด้านในสนิทดีหรือเปล่า ถ้าปิดไม่สนิท ผมเชื่อว่าน้ำมันจะต้องสิ้นเปลืองไปมากกว่าปกติแน่ เพราะน้ำมันระเหยออกไปได้ ไม่เพียงตอนที่ขณะเดินรถ แม้แต่ตอนจอดที่บ้านหรือที่ทำงานก็ตาม มันก็ระเหยได้ทั้งนั้น บอกตามตรงว่าผมก็ไม่เคยสงสัยเรื่องอย่างนี้หรอก แต่ต่อไปนี้ ผมขอเช็คฝาถังน้ำมันทั้งด้านในและด้านนอกทุกครั้งที่เติมน้ำมัน ว่าเขาปิดสนิทดีหรือไม่

ผมจำได้ว่า เขาทำแบบนี้มา 2 - 3 ครั้งแล้ว มันเสียเวลามากนักเหรอที่จะหมุนสายฝาผิดถังน้ำมันออกไปก่อน แล้วค่อยหมุนฝาถังน้ำมันด้านในให้สนิท แล้วก็ปิดฝาถังด้านนอกอีกทีให้มันเรียบร้อยสักหน่อย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะรีบไปไหน เพราะยังไงผมก็ต้องรอจ่ายตังค์อยู่ดี หรือว่าแค่อยากทำให้เติมน้ำมันให้เสร็จ ๆ ไป ลูกค้าจะได้ออกไป แล้วลูกค้าคนใหม่จะได้เข้ามา แต่ผมดูแล้วตอนนั้นก็ไม่มีใครรอเติมน้ำมันข้างหลังผมอีกแล้วนะ

ผมเคยเห็นแต่ของคนอื่นที่ฝาถังน้ำมันมัน เปิดออกมาแบบสุดเลยแต่เจ้าของรถก็เฉย วิ่งไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมว่าเขาน่าจะมองเห็นนะ เพราะกระจกมองข้างก็ทำมุมได้อยู่แล้วนี่นา และบางคนก็ปิดประตูไม่สนิท เออ.. แล้วไฟที่หน้าปัดไม่โชว์บอกว่าประตูปิดไม่สนิทก็ไม่รู้นะ ผมเองก็เคยเหมือนกัน แต่เป็นประตูหลังหากันแทบตามเพราะตรงไฟที่ประตูหลังมีกล่องบังพอดี :P



วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันหยุดแต่สุดๆ กับการเดินทาง

ผมต้องบอกว่า วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมใช้รถได้คุ้มจริง ๆ ซึ่งจริงๆ ก็รถของผมได้ทำงานหนักกว่าทุกๆ วัน เพราะว่าเพื่อนของผมชวนไปดูบ้าน ดูทาวน์เฮ้าส์ ผมก็เลยต้องทำหน้าที่ขับรถไปดูตามหมู่บ้านต่าง ๆ โดยที่มีผู้โดยสารตัวน้อย ๆ มาด้วยคนหนึ่ง

เราเริ่มกันตอนเช้า 9 โมง แถว ๆ ถนนศรีนครินทร์เพราะอยู่ไกล้บ้านดี จากนั้นก็วนเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติอ้อมสวนหลวงออกไปทางอ่อนนุช เสร็จจากนั้นก็ออกไปกิ่งแก้ว เพื่อจะดู the connect แต่พอโทรเข้าไปเขาบอกว่าโครงการปิดแล้ว ไหน ๆ ก็จะดูของ the connect ก็อยากจะดูให้ได้ ผม เลยขึ้นทางด่วนไปลงดอนเมืองเพื่อจะดูของ the connect ที่ดอนเมืองกัน

พอดูบ้านเรียบร้อยเริ่มจะหิว ก็แวะเข้า รังสิต หากับช้าวกินซะก่อนแทน เราก็เดินดูหลายร้านแล้วก็มาลงที่ร้าน แซ่บ อะไรสักอย่างที่อยู่ตรงข้ามกับร้าน the country pub แหละ (จำไม่ค่อยได้อ่ะ)

ถ้าถามว่าอาหารอร่อยมั้ย ผมบอกเลยว่าไม่เลยครับ พ่อครัวจะเติมข้าวคั่วทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นลาบก้อยซอยต้ม เขาใส่ข้าวคั่วหมดทุกชนิด และก็มือหนักซะด้วย ผมยอมรับนะว่าว่าข้าวคั่วมันทำให้อาหารหอม แต่ถ้าใส่เยอะมันก็จะเสียรสชาติอื่น ๆ ได้

พอกินข้าวเที่ยงกันเสร็จก็เตรียมตัวไปอีกงานหนึ่งตอน 6 โมงเย็นที่ไก่ย่างพระราม 9 ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าจะกลับห้องก่อน เพื่อนส่งให้ลูกกลับมานอนก่อนที่ห้อง เพราะเดินทางมาทั้งวันแล้ว เขาคงเหนื่อยมาก ตอนแรกผมก็คิดว่าคงออกมาไม่นานก็กลับ แต่เอาเข้าจริง ๆ ต้องเดินทางทั้งวันเลยทีเดียว

ขอพูดถึงมื้อเย็นนี้นิดหนึ่ง พอดีว่าเพื่อน ๆ อยากนัดพบปะสังสรรค์เจอกันสักหน่อยเลยหาร้านที่พอจะนั่งนานๆ ได้ด้วย เผื่อจะได้คุยกันานาน ๆ หน่อย เพราะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว และที่เลือกร้านนี้เพราะทุกคนเป็นหนุ่มอีสานกันทั้งนั้น ถ้าจะชวนกันไปกินพิซซ่าหน้าทะเล หรือไก่ kfc ก็คงจะดูไม่ถูกปากสักเท่าไหร :)

เราก็นั่งกินข้าวกัน คุยกันไปเรื่อย ๆ กว่าจะเลิกลากันก็ 3 ทุ่มกว่าเกือบ 4 ทุ่มมั้ง ประมาณว่าเด็กในร้านนั่งมองตาละห้อยว่าเมื่อไหรจะออกสักที ได้เวลาเลิกงานแล้ว ฉันจะกลับบ้าน !! จนแม่บ้านที่เก็บถ้วนชามเดินมาบอกว่าจะปิดร้านแล้วค่ะ .. เท่านั้นแหละเราก็เลยแยกย้ายกลับกัน

ก่อนออกจากร้าน พอดีมีรถขายผลไม้ข้าง ๆ เลยเดินไปซื้อทุเรียนสัก 1 - 2 โลแต่เผอิญเจอคนขายเป็นคนบ้านเฮา ๆ เขาเลยหยิบให้ 2-3 ลูกบอกให้ฟรี ๆ เลยครับ แต่พี่ต้องไปแกะเอาเอง ผมจะกลับบ้านแล้ว .. อ้าววว ของฟรีใครก็ชอบ เดี๋ยวค่อยหาวิธีแกะเองที่บ้านละกันนะ

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เป็นฆาตรกรแต่เช้าเลยเรา

เช้านี้ ผมขับรถออกจากบ้านก็เวลาตามปกตินั่นแหละ คือประมาณ 6 โมงเช้า

เหตุมันเกิดตั้งแต่ยังไม่ออกจากซอยที่อยู่ด้วยซ้ำ พอดีว่ามันเป็นช่วงวนรถจะออกจากซอย และตรงนั้นจะมีบ้านเช่าเป็นห้อง ๆ และก็มีส่วนที่บ้านสำหรับรถบรรทุกอะไรสักอย่างนี่แหละ ที่ถนนก็จะมีไก่ลงมาเดินเล่นที่ถนนเยอะแยะเหมือนทุกวัน ผมก็เจอแบบนี้เป็นประจำจนชินแล้วละ พอวิ่งมาช่วงนี้ทีไร ผมก็จะชะลอเกือบจะหยุดด้วยซ้ำ กลัวไปเหยียบไก่ของชาวบ้านเขา

แต่วันนี้ ไม่รู้เป็นอะไร พอผมกำลังขับ ๆ อยู่ก็มีเสียงตุ๊บขึ้นมาพร้อม ๆ กับรถของผมมีอาการว่าปีนอะไรสักอย่างเข้าแล้ว ผมคิดว่าต้องโดนอะไรสักอย่างเข้าแล้ว ไก่หรือเปล่าหว่า .. เป็นฆาตรกรแต่เช้าเลยเรา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเหยียบได้นะ คิดว่าพออยู่ไต้ท้องรถแล้วมันคงวิ่งไปมาแล้วเพราะไม่รู้จะออกทางไหน สุดท้ายก็เลโดนเหยียบซะงั้น :(

พอดีมีรถอีกคันวิ่งตามมาเลยไม่ได้จอดดู แต่มองกระจกหลังเห็นอะไรสักอย่างกองอยู่ที่พื้น และรถคันนั้นก็เบี่ยงออกจากซากที่กองอยู่ โอ.. ซากไก่ที่เราเพิ่งเหยียบเมื้อกี้ละมั้ง งั้นเดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาเจรจาล่ะกัน เช้านี้ ขอไปทำงานก่อน

ถึงไก่ที่โดนเหยียบยังไงก็ขอโทษทีนะ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ :P

Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา