วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

ก่อนถึงตลาดคลองเตย

พอเลยโค้งฮอนด้ามาได้นิดหนึ่ง ผมก็วิ่งอยู่เลนขวาในสุด เผอิญมีรถสีเทาเข้มอีกคันอยู่เลนกลางอยากจะเปลี่ยนเลนเข้ามา ผมเห็นว่าผมก็อยู่กระชั้นชิดกับรถคันข้างหน้าแล้ว แต่เขาก็ยังอยากเข้ามา ผมเลยเร่งขึ้นมาก่อนเพื่อไม่ให้เข้ามาและบีบแตรใส่ครั้งหนึ่ง ผมก็ได้คิดอะไรมากหรอกเพราะมันก็เป็นปกติดีที่รถเลนกลางจะเบียดเข้าเลนขวาเพราะเลนกลางติดคนขนของบ้าง รถจอดบ้าง ช่วงก่อนถึงแยกตลาดคลองเตยเสมอ

พอผมผ่านเขาไปแล้ว เขาก็เข้ามาตามหลังผมนั่นแหละเรื่อย ๆ มาจนถึงแยกไฟแดง ผมก็กระพริบไฟจะเข้าเลนกลาง เพราะรถเลนในจะรอเลี้ยวขวา พอผมกำลังจะหักรถออกไปก็เห็นพี่คนข้างหลังนั่นแหละพุ่งออกมาเบียดไว้ ผมก็ลองเร่งเครื่องแกก็เร่งตาม แต่ไม่ยอมให้ผมออกไปได้ ประมาณว่ากันที่ไว้เฉย ๆ หรือว่าแกจะติดแทกซี่คันข้างหน้า ไม่หรอกมั้ง แค่อยากกวนเฉย ๆ เอออ.. เอาละสิ ดูสิว่าจะทนไปได้สักกี่น้ำ ..

ผมคิดว่าถ้าเขายังขืนเล่นยึกยักตรงนั้นนานนะ ผมจะชนให้มันรู้กันไปเลย เสียเวลาช่างมัน อยากรู้เหมือนกันว่าจะแน่สักแค่ไหน เพราะมันอยู่ตรงแยกและป้อมตำรวจก็อยู่อีกไม่กี่เมตร ตรงหลางแยก ..และอยากรู้เหมือนกันแหละว่าประกันชั้น 1 จะทำอย่างไร

พอเลยแยกนั้นแกก็ขับไปเลนอื่นอีกไม่มากวนอีกหรอก และแกก็เข้าเลนในขับผ่านผมไปช่วงหน้าบ่อนไก่ เพราะผมเตรียมจะออกซ้ายเข้าสาทรส่วนพี่แกคงขึ้นสะพานตรงไปแหละ

ผมก็พอจำทะเบียนได้คร่าว ๆ ว่า ฐฏ หรือ ช 89xx นี่แหละมั้งพอดีมองไม่ทัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่เจอแกอีกเลย เอาเป็นว่า อย่ามาให้เจอแบบนี้อีกเลย เสียอารมณ์ เสียสุขภาพจิต เพราะแค่ขับรถก็เครียดพอแล้วยังมาคนแบบนี้อีก ภาวนาว่าอย่าเจอกันอีกเลย สาธุ!!!

พอผมก็ขึ้นตึกจอดรถเรียบร้อยและก็เขียนบันทึกประจำวัน :)

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ผมโดนบังคับให้ขึ้นทางด่วน

พอดีเมื่อเย็นวาน ผมไปงานเลี้ยงของบริษัทที่ Central World ตอนเย็น ๆ กว่าจะออกก็ประมาณ 3 ทุ่ม พอผมออกมาผมก็กะว่าจะออกตรงถนนพระราม 1 เพื่อต่อไปยังสุขุมวิท เพราะจะได้ถึงอ่อนนุชเร็วหน่อย ยังไงก็เป็นทางตรงตลอดเหมือนขาเข้ามา เมื่อตอนเช้า

ผมก็สังเกตตลอดเส้นทางนะว่าตั้งแต่ผมออกจากห้างมา ทำไมเขาปล่อยรถขาออกวิ่งเลนเดียวตลอด แล้วรถจะออกพอไหม ยิ่งตอนกลางคืนคนมาเที่ยวแถบในเมืองเยอะด้วย แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าน่าจะกันให้รถวิ่งออกเมืองน้อยเท่านั้นเอง รถที่วิ่ง ๆ ตามกันมาก็วิ่งตามกันจริง ๆ ไม่มีคันไหนแซงกันสักที

แต่แล้วผมก็ต้องอึ้ง .. เจอป้ายห้ามตรง แต่บังคับให้เลี้ยวซ้ายเท่านั้น โอ.. โน่ อีกสักครั้ง ผมโดนบังคับให้ขึ้นทางด่วน นั่นคือต้องเสียค่าผ่านทาง 45 บาท จากเพลินจิตเพื่อที่จะไปอ่อนนุช ทำไงดีล่ะ ไม่มีทางเลือกแล้วนิ ต้องขึ้นทางด่วนสิครับ กลับลำไม่ได้แล้ว !!!

อ้าว ขึ้นทางก็ขึ้น เมื่อไม่มีทางเลือก .. คิดว่ารถคงไม่ติดเพราะมัน 3 ทุ่มกว่า ๆ แล้ว .. ผิดครับ แค่พ้นจากตู้จ่ายค่าผ่านทางเท่านั้นแหละ ผมมองไปข้างหน้า รถเยอะมาก ลองมองข้างหลัง .. เอาล่ะสิ เข้าเลนผิดแล้วยังต้องเจอรถติดอีก ฮือออ .. อยากจะโดดลงจากทางด่วน มันเป็นช่วงเวลาที่คิดผิดจริง ๆ เพราะความเคยชินแท้ ๆ

พอวิ่งขึ้นทางด่วนก็ต้องค่อย ๆ ขยับตาม ๆ กันไปเพราะรถมันติด วันศุกร์เป็นแบบนนี้ทีไรตายแน่ ๆ รถอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด

พอถึงพระราม 9 ตอนแรกก็คิดว่าจะลงแต่ท่าทางรถมันก็น่าจะเยอะ ผมเลยต้องยอมจ่ายค่าผ่านทางอีก 20 บาทเพื่อไปลงที่ศรีนครินทร์ จะได้ง่ายหน่อยหนึ่ง เพราะคุ้นเคยดี

สรุปก็คือ อย่าไว้ใจทาง (อย่าวางใจคน) แม้ทางจะตรง ก็ใช่ว่าจะสามารถนำพาเราไปสู่จดหมายปลายได้ เพราะโดนเปลี่ยนการจราจร รถต้องเดินทางตามจราจรที่ตำรวจวางไว้ !!

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

เรื่องวุ่น ๆ ที่ปั้มเอสโซ่

พอดีว่าผมจะต้องเติมน้ำมัน เพราะมันขึ้นเตือนแล้วและพรุ่งนี้ผมจะต้องออกแต่เช้าไปทำธุระที่ Central World ตั้งแต่เช้าจนเย็น ผมเลยจะเติมน้ำมันให้เสร็จซะก่อน

พอวิ่งเข้าปั้มเอสโซ่ที่พระราม 4 ผมก็เข้าผิดตู้เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าตรงไหนที่มันมีหัวจ่ายของโซฮอล์ 91 เลยขับเลยตู้จ่ายที่สองเข้าไปหน้าแมคโดนัลด์แล้ววกกลับมาที่ฝั่งหน้าโลตัสเพื่ออ้อมเข้ามาที่ตู้แรก ประมาณว่าวิ่งรถเป็นเลข 8 ไปในปั้มเล่นเลย (ลองเขียนเลข 8 โดยลากเส้นจากล่างซ้ายขึ้นบนขวาดูดิ) กว่าจะเข้าตู้จ่ายได้ก็เสียเวลา กินที่รถที่จะเข้าปั้ม เข้าโลตัสเยอะแยะไปหมด มันจะเป็นนี่หว่า เด็กปั้มก็ไม่มาโบกรถให้เลย

ผมต้องยอมหน้าด้านหน้าทน เพื่อเข้าให้ได้ ขวางก็ต้องยอม .. รู้ว่าไม่ดีแต่มันต้องเป็นแบบนี้แหละ :P

พอผมเข้าจอดที่หัวจ่ายได้ ก็บอกให้เด็กปั้มเติมโซฮอล์ 91 จำนวน 800 บาท เพราะคิดว่าจะจ่ายด้วยบัตรเครดิต ขืนเติมแค่ 500 แล้วจ่ายด้วยบัตร มันก็ยังไงอยู่อ่ะ

และผมก็ได้น้ำเปล่ามา 1 หนึ่งเป็นของแถม ซึ่งเมื่อก่อนเอสโซ่จะแถม 2 ขวดใหญ่ :)

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

วันนี้เติมน้ำมัน 500 บาท

วันนี้ ผมออกสายหน่อย เพราะอะไรไม่ทราบเหมือนกัน ตื่นมาก็ตอนประมาณตี 5 จากนั้นก็นอนเล่น iPhone ตัวใหม่จนลืมตัว พอตี 5.45 ก็อาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน

วันนี้ก็มีเรื่องลุ้นอีกเหมือนเดิม คือน้ำมันจะหมดถังแล้ว มันขึ้นไฟเตือนมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว แต่ไม่อยากเติมตอนเย็น

พอเติมน้ำมันเสร็จ ผมก็เลียบเลนซ้ายเพื่อจะเข้าไปทางสุนทรโกษาเหมือนเดิม ด้วยเหตุผลเดิม ๆ นั่นแหละ พอสายแล้ว รถเส้นพระราม 4 การจราจรจะไม่ค่อยดีนัก

วันนี้ ผมดูแล้วรถก็ไม่เยอะมาก แต่ว่ามีเรื่องเสียวอีกรอบตรงหน้าโรงเรียนก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าพระราม 4 ผมก็วิ่งเลนขวามาธรรมดาแหละ แต่สังเกตว่ามันมีรถอยู่เลนกลางไปช้า ๆ จะเข้าเลยก็ไม่ดี เพราะเดี๋ยวไปติดหน้ารถเมล์ใต้สะพานลอย ผมขอขับเลยไปหน่อย แล้วพอจะฉีกเข้าซ้าย โอ.. โน่ มัรถแทกซี่อีกคันจะเข้าขวา หักหลบทันทีครับ ไม่ต้องรออะไรหรอก ดีที่ออกตัวไม่แรงมาก เลยพอมีเวลาผ่อนแรงและชะลอได้

อัพเดทราคาน้ำมันที่เติมวันนี้ครับ ..

วันที่ 9/17/2009 6:41 AM (ตามใบเสร็จ)
ชนิดน้ำมัน Gasohol 91
ราคาลิตรละ 30.34 บาท
จำนวน 16.50 ลิตร
จำนวน 500 บาท

แปลกใจมั้ยที่คราวนี้ ผมเติมไปแค่ 500 บาทเพราะมีตังค์ติดกระเป๋าเท่านี้จริง ๆ อีกอย่างก็อยากลองเปลี่ยนดูเท่านั้นเอง จะได้รู้ว่าถ้าเติมแค่นี้จะอยู่ได้กี่วัน แต่ผมคิดว่าน่าจะอยู่ได้สักอาทิตย์กว่า ๆ เร็วช้าก็ไม่เป็นไร และวีคเอนนี้ผมคงไม่ได้ออกไปไหนหรอก

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

จากนี้ไปต้องหมั่นเปิดกระโปรงรถแล้ว

วันนี้ผมไปเยี่ยมพี่ชายที่ห้วยขวาง พอตอนขากลับ ผมไปแวะอาจารย์สอนขับรถที่อยู่แถวพระราม 9 ออกไปทางบิ๊ก ซี รามคำแหง ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเรียกเส้นนี้ว่าอะไร เผอิญว่าอาจารย์ที่ไปหา เขาเป็นช่าวรถรถ เขาเลยเอาน้ำมันเครื่องมาราดตรงที่มันเป็นรอยผุกร่อนใต้แบตเตอรรี่

แกก็อธิบายประมาณว่าต้องเอาน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันจักรอาบตรงที่จะเป็นสนิมไว้ เพื่อไม่ให้สนิมมันก่อตัวได้ง่ายขึ้น นอกนั้นก็มีอีกเยอะแยะ แต่ผมก็รับมาได้ไม่หมดหรอก จำได้บ้าง ไม่ได้บ้างเพราะผมค่อยไม่ใความรู้เรื่องรถ เรื่องเครื่องยนต์รถเลยสักนิด ประมาณว่ามีหน้าที่ขับก็ขับไปวัน ๆ เท่านั้นเอง :P ถ้าถึงวันที่จะต้องเอารถเข้าศูนย์ ผมก็จะโทรไปหาศูนย์บอกจะรถเข้าเช็คระยะ ก็เท่านั้น ใจจริงแล้ว ผมก็อยากศึกษารายละเอียดเรื่องรถราบ้างแต่มันก็ทำใจไม่ได้สักที จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถของเราบ้าง ถ้าจะต้องเข้าซ่อม ต้องซ่อมตรงไหน เพราะไม่งั้นอาจจะโดนช่างหลอกเอาได้ เอออ.. รู้ไว้ใช่ว่าครับ

จากนี้ไป ผมคงต้องหมั่นเปิดกระโปรงหน้ารถดูว่าอาการจะดีขึ้นหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องเสียตังค์พ่นสีกันใหม่แหละ

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

เย็นนี้ฝนตกหนักมากเลย

เย็นนี้ ผมออกจากที่ทำานประมาณ 6.45 น ก่อนลงจากออฟฟิซ ผมก็ชะเง้อมองทางหน้าต่างไปดูที่ถนนสาทร ก็รู้แล้วว่ารถติด แต่มันต้องลงแล้ว ไม่อยากรอ เพราะยังก็ไม่นอนที่ออฟฟิซแน่ ๆ

พอผมลงมาก็ติดจริง ๆ ผมเลยขอแซะออกเพื่อจะกลับรถเข้าสวนพลูขึ้นทางด่วน น่าจะดีกว่า นี้ แต่กว่าจะออกจากออฟฟิซก้ไม่เวลหลายนาทีอยู่ อาศัยเบียดมาเรื่อย ๆ ไม่ใให้ก็ไม่ได้ไปอยู่ดี เพราะข้างหน้ามันติด ตำรวจก็เปิดไฟเขียวแค่ 2-3 คันเท่านั้นเอง เพราะถ้าเยอะกว่านั้น รถก็เข้าพระราม 4 ไม่ได้เหมือนกัน !!

หลังจากที่ผมกลับรถได้ ก็ชะแว๊บเข้าสวนพลู ก็มีบ้างที่ชะลอ เสียเวลาตอนที่มีคนข้ามถนน เดินแบบอยากลงมาก็ลง รถเลยต้องหยุดอย่างเดียว พอพ้นจากตลาดมาก็วิ่งฉิวเลย ผมก็นึกว่ามันจะติดตลอดซอยซะอีก

ผมมาเสียเวลาอีกช่วงก็ตอนรอขึ้นทางด่วน ซึ่งตอนแรกก็กะจะเปลี่ยนใจวิ่งเข้าสุนทรโกษา แต่ไม่เอาดีกว่า รถคงเยอะอยู่แล้ว แต่ทำไมเขาเปิดช่องเก็บตังค์แค่ 3 ช่อง ผมรถวิ่งมากันเป็นพรวนเพื่อรอขึ้นทางด่วนอ่ะ เอออ.. แล้วเจ้าหน้าที่หายไปไหนกันหมด ไม่มาทำงาน เปิดเยอะๆ ไว้สิ วันนี้ผนตก คนต้องหนีขึ้นทางด่วนอยู่แล้ว รู้มั้ยครับ ?!?!

ตั้งแต่ขับรถมานะ ผมคิดว่าคงเป็นวันนี้แหละที่เจอฝนตกหนักที่สุด โดยเฉพาะตอนที่จ่ายค่าผ่านทางขึ้นทางด่วนแล้ว ขนาดผมใช้ที่ปัดน้ำฝนเบอร์ 3 (น่าจะสุดท้ายแล้วมั้ง ? ) ยังเอาไม่อยู่ แต่ว่าสงสารที่ปัดน้ำฝนมันปัดไปมายังไม่รู้ ปัดแบบแปลก ๆ อีกอย่างกลัวว่ามันจะพังด้วย ดูเหมือนไม่ค่อยรื่นดีเหมือนเบอร์ต่ำ ๆ ลงมาซะอีก ก็เลยปรับมาที่เบอร์ 2 แทน ค่อยรื่นหูรื่นตาหน่อย รถมันเยอะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องซิ่งอะไรหรอก

ผมอยากจะฝากบอกคนที่ขับรถแล้วชอบเปิดไฟฉุกเฉินขณะที่ฝนตกหนักว่าอย่าทำอีกเลย มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก แต่มันจะพลอยทำให้คุณโดนชนได้ง่ายขึ้นเดิมซะอีก ลองคิดดูว่าเวลาคุณจะเปลี่ยนเลนหรือคนอื่นเขาเปลี่ยนเลนแล้วมาเจอรถของคุณที่เปิดไฟกระพริบทั้งสอง บอกเลยว่า เขางงแน่ ๆ ครับ "จะเอายังไงดี ตกลงว่ารถคันนี้จะออกซ้ายออกขวากันแน่ หรือแค่วิ่งฉุกเฉินตรงกลางเฉย ๆ" ช่วงชะลอคิดนี่แหละ ถ้ามีรถซิ่งตาม ๆ กันมาจะ สะดุดกันทั้งยวง

เอาง่าย ๆ สมมติว่าคันที่ตามหลังคุณมาอยากจะแซงคุณมั่ง แค่นี้เขาก็เดาไม่ออกแล้วว่าจะแซงซ้ายหรือแซงขวาดี ยิ่งถ้าเกิดว่าคุณอยากแซงคันที่อยู่ข้างหน้าของคุณพร้อมคันที่อยู่ข้างหลังคุณอีกที รับรองงานเข้าแน่ ๆ ครับ เพราะคุณใช้ไฟเลี้ยวไปแล้วทั้งสองดวง คุณจะบอกว่า คุณตีไฟเลี้ยวนะไม่ได้ เพราะไฟของกระพริบทั้งสองดวงพร้อมกัน ใครจะรู้ว่าคุณจะออกซ้ายหรือขวาล่ะ

ถ้าคุณอยู่ในสถานะการณ์ฉุกเฉินจริง ๆ ผมแนะนำให้จอดรถไปเลยแล้วโทรขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ก็วิ่งช้าในเลนซ้ายสุด อย่าวิ่ง/ซิ่งในช่องขวาสุดหรือเลนกลางด้วยไฟฉุกเฉิน ยกเว้นวิ่งตามรถตำรวนะ :) เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา บอกตรง ๆ ว่า ไม่คุ้มหรอกครับ แค่เปิดไฟธรรมดาก็ช่ วยแล้ว

เอาล่ะ มาต่อเรื่องของผมต่อดีกว่า .. ตอนแรกว่าจะลงที่อาจณรงค์แล้วค่อยเข้ารถไฟสายเก่า แต่คงไม่สะดวกแน่ เพราะช่วงเวลานี้ รถคงไม่ต่างแถมถนนไม่ดีอีกต่างหาก คงไม่กล้าเข้าเสี่ยงแบบนั้น ไปลงสุขุมวิท 62 น่าจะดีกว่ามั้ย ??

ผมตัดสินใจไปลงสุขุมวิท 62 แต่พอลงไปก็สังเกตว่าน้ำมันไหลตามถนนเยอะมาก พอจะออกปากซอย เจอเลยครับ น้ำนี้ล้นขอบถนน แถมมีรถเมล์เพิ่งจะเปลี่ยนเลนเข้าไปอยู่ตรงกลางอีก จะเอาไงดีหว่า จะลองเข้าไปเลยมั้ย หรือว่าจะรอให้รถเมลไปก่อนดี คิดไปคิดมา เอาว่ะ ลองดูสักตั้ง ถนนมันเป็นเส้นตรงนี่นา ตรงนี้เราววิ่งได้ ข้างหน้าก็ต้องผ่านได้เหมือนกัน ...

และแล้ว ผมก็ผ่านมาได้อย่างฉิวเฉียด ไม่มีอาการสะดุดอะไร ไม่เบียดขอบเลยสักนิด ไม่เบียดรถเมล์ เออ.. ดีแล้วล่ะ อย่าให้เจอแบบนี้อีกล่ะกัน

หลังจากนั้น ก็มาเสียเวลาอีกแล้วตอนจะกลับรถได้สะพานพระโขนง รู้ทั้งรู้ว่าตรงมันก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ทำไมเขาไม่หาทางแก้กันสักทีนะ ผมเห็นจอดรอกลับรถกันแบบซ้อนสองซ้อนสาม ล้ำเส้นไปถึงกลางถนนโน้น เลยทำให้รถทางตรงเสียช่องจราจรไปหนึ่งช่อง คนที่อยู่ในช่องกลับรถก็จะพยายามเบียดคันข้างหน้าไว้ให้ชิดที่สุด ประมาณว่าอย่าเข้ามานะ ๆ ฉันไม่ไห้หรอก ผมเห็นแบบนี้ทุกวัน วันไหนที่ผมกลับบ้านเร็วผมจะเลี่ยงไปออกสุขุมวิท 42 แทน แล้ววิ่งตรงมาเรื่อย ๆ ไม่อยากมาแย่งที่กลับรถตรงนี้จริง ๆ มันกดดัน มันเสียวกว่าวิ่งหรือซิ่งทางตรงซะอีก

สรุปผมถึงบ้านเกือบ 3 ทุ่ม ทางเข้าบ้าน เจอน้ำท่วมออกมาอีก ตอนแรกนึกว่าไฟแถวนั้นดับซะอีก เห็นมืด ๆ เงียบ ๆ ยังไง่ก็ไม่รู้ ..

ก่อนดับเครื่อง ผมก็เลยเร่งเครื่อง 2-3 ทีและเยียบเบรคย้ำ ๆ ไปด้วย เคยอ่านเจอเวลาขับรถลุยน้ำมาให้ทำแบบนี้ เพื่อไล่น้ำไล่ความชื้นออกจากเครื่องให้พอเป็นพิธีว่างั้นเถอะ .. :)

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

เช้านี้เติมน้ำมันอีกแล้ว

เช้านี้ ผมจำเป็นเติมน้ำมันอีกแล้ว เมื่อวานก็ลุ้น ๆ อยู่ว่าจะทำธุระต่างๆ เสร็จทันหรือปล่าว เพราะผมไม่อยากเติมน้ำมันตอนกลางวันแดดร้อน ๆ ผมเคยอ่านเจอบทความที่เขาเขียนบอกว่า ไม่ควรเติมน้ำมันตอนกลางวันเพราะจทำให้ได้น้ำมันน้อยกว่าปกติ เพราะน้ำมันจะระเหยระหว่างเติมไปเล็กน้อย ซึ่งถ้าถามว่าจำเป็นไหม ก็ไม่จำเป็นว่า ต้องเป๊ะ ๆ 100% หรอกแต่เอาแค่ดู ๆ ไว้หน่อยก็ดี โดยหลักการอาจจะมีส่วนอยู่

วันนี้ ผมก็ยังเติม Gasohol 91 เหมือนเดิมครับ
ราคา 30.74 บาท/ลิตร
จำนวน 26.025 ลิตร
จำนวน 800 บาท

พอเติมน้ำมันเสร็จ ผมก็เตรียมออกซ้ายไปทางสุนทรโกษา เพราะไม่อยากติดที่แยกคลองเตยนาน และถ้าวัดระยะทางก็ไม่ต่างกันมากเท่าไรครับ :)

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

ทำไมต้องล้างรถตอนหน้าฝน

ผมไม่ได้ล้างรถมา 2-3 เดือนแล้วมั้ง และก็คิดว่าเมื่อหมดหน้าฝนแล้วค่อยเอารถไปล้าง แต่ดูไป ดูมา สภาพมันเลอะเทอะมาก ฝุ่นข้างในปลิวว่อนกันสนุกเลย เอาเป็นว่ายังไงก็ขอทำความสะอาด ดูดฝุ่นข้างในบ้างดีกว่า ปล่อยไว้มันก็เลอะเหมือนเดิม และพลอยทำให้สีรถเปลี่ยนไปด้วย

วันนี้ สาย ๆ หน่อย ผมก็ขับรถไปอ่อนนุช วิ่งขึ้นไปจอดที่ชั้นบนในคาร์ฟูร์ ผมไม่ชอบจอดชั้นล่างหรอก มันจะดูอึมครึมยังไงไม่รู้สิ ไม่ค่อยชอบเท่าไร ถ้าเป็นก่อนเที่ยงขึ้นข้างบนสะดวกสุด ๆ แล้ว เลือกที่จอดได้เลย อยากจะบอกว่าสะดวกกว่าไปหาที่จอดข้างล่างตั้งเยอะ ผมได้ที่จอดตรงทางซ้ายตลอด สะดวกทางเข้าออก มองเห็นชัดเจนดีและคนผ่านไปมาตลอด

จากนั้น ผมก็เดินไปร้านตัดผมตรงปากซอยอ่อนนุช แถวนี้จะมีอยู่สองร้าน ผมเคยใช้บริการร้านแรกไกล้แยกแล้วครั้งหนึ่งมั้ง แต่ไม่ประทับใจเหมือนร้านที่สองที่อยู่ถัดเข้ามา ผมว่าเขาตัดดีกว่า แต่วันนี้ที่มานะ โอ.. คิวยาวมาก รอเกือบชั่วโมงเลยมั้ง ทุกครั้งที่ผมมาไม่เคยรอนานขนาดนี้เลย เอาเฮอะ ตั้งใจมาแล้วนี่นา รอก็รอสิ.. :)

หลังจากที่รออยู่นานมาก ก็มาถึงคิวผมสักที ผมว่าคนนี้น่าจะเป็นเจ้าของร้านนะและเขาก็ทำทรงผมให้ผู้หญิงด้วย เขาตัดดี ละเอียดดีมาก ซอยข้างหลังเนียบมาก โกนไรผมให้แบบเนียบจริง ๆ เออ.. วันนี้สมราคาที่รอจริง ๆ นะครับ

พอตัดผมเสร็จ ผมก็ไปซื้อของที่คาร์ฟูร์แป๊บหนึ่ง บวกกับเดินดูของนิดน่อย เสร็จแล้วก็ขับรถกลับเลยแวะปั้มคาลเท็กซ์ไกล้บ้านเหมือนเดิม เพื่อล้างรถ อืมมม คิวไม่ยาวมาก งั้นจอดไกล้ทีล้างนั่นแหละ จอดได้ไม่นาน ก็มีรถกระบะมาต่อท้ายอีกคัน อ้าวว มีเพื่อนแล้ว ..

ผมรอรถอยู่แป๊บหนึ่ง แผนกล้างก็เสร็จแล้วเขาขับมาต่อที่แผนกเป่า/เช็ดให้แห้ง ดูดฝุ่นด้านใน ลงแวกซ์ที่ล้อหน่อยหนึ่งเรียบร้อย สังเกตว่าจะไม่ค่อยนานเหมือนทุกครั้ง แต่ก็เฮอะเดี๋ยวฝนก็ตกแล้ว และดูรอยคันแล้วเหมือมีรอยเล็ก ๆ เยอะเหมือนกัน เป็นรอยเหมือนโดนสะเก็ดก้อนหินมากกว่าทีจะเป็นรอยขีดข่วน เลยไม่รู้จะแก้แบบไหนดี นอกจากเคลือบใหม่ทั้งหมด

พอกลับถึงหอพัก ผมก็สำรวจรอบคันอีกครั้ง พร้อมเตรียมอุปกรณ์การขัดรอย แต่แล้วระหว่างที่ผมกำลังขัดเกลารอยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงประมาณว่าฝนตกทางทิศตะวันตก เลยมองขึ้นไปบนฟ้า โอ้ โน่.. มืดทะมึนมาเลยครับพี่น้อง ฝนตกแล้วหนักซะด้วย เก็บของแทบไม่ทัน บ้าจริง ๆ ขัดไปได้มีกี่รอยเองต้องรีบหลบฝนก่อนซะก่อน เสียดายจริง ๆ :P

ตลอดระยะการเดินทางวันนี้ ผมลุ้นอย่างเดียวว่าน้ำมันจะหมดกลางทางหรือเปล่านะ เพราะมันขึ้นไฟเตือนตั้งแต่วันศุกร์ตอนกลับจากซีคอนแล้ว



Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา