วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ชมทุ่งทานตะวัน

ออกเดินทางยามเช้า

ตื่นมาประมาณตี 5 ได้เพราะนอนไม่หลับอีกแล้ว แต่ยังไม่ได้ลุกจากที่นอนหรอก ไม่รู้จะไปทำอะไรดีเช้า ๆ แบบนี้ อีกอย่างก็นัดกับเพื่อน ๆ ไว้ตอน 6.30 น. ว่าจะไปเที่ยวทุ่งทานตะวันที่ลพบุรีกัน พอใกล้จะหกโมงก็ลุกขึ้นอาบน้ำ จัดเตรียมสิ่งของว่าจะเอาอะไรไปมั่ง ส่วนใหญ่ก็อุปกรณ์ทั่ว ๆ ไปสำหรับนักท่องเที่ยว เช่นกล้องดิจิตัลกับขาตั้งกล้อง ถ้าไม่เอาไปด้วยเดี๋ยวตากล้องก็ไม่ได้ถ่ายรูปกับเขาสักที นอกจากนั้นก็เป็นเสื่อพลาสติค น้ำสัก 2-3 ขวดพอลงมาที่รถก็จัดของใส่รถ เพื่อนที่นัดไว้ก็มาพอดี ไม่นานเราก็ออกเดินทางครับ

เส้นทางก็ไปกันง่าย ๆ ธรรมดา คือขับตามถนนอ่อนนุชไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 9 (ที่เรียกว่าวงแหวนตะวันออกมั้งครับ) ที่แถวเขตประเวศ พอขึ้นทางด่วนมาก็วิ่งเร็วบ้าง ช้าบ้างเพราะรถวันนี้เยอะพอควร แต่ไม่ถึงกับว่าวิ่งเร็วไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็วิ่งในช่วง 90 - 100 เท่านั้น เพราะไม่อยากวิ่งเร็วมาก อยากไปเรื่อย ๆ มากกว่า ไม่ต้องรีบร้อนอะไร

พอผ่านตัวเมืองสระบุรี ก็แวะปั้ม Jet เพื่อเติมน้ำมันสักถังก่อน ซึ่งมันก็น่าจะหมดตั้งนานแล้ว แต่วิ่งมาได้เป็นร้อยกิโลแบบนี้ ก็รู้สึกว่าดีจริง ๆ ที่รถเราไม่ได้เข้าสูบน้ำมัน และคราวนี้เราตั้งว่าจะเติมเป็นแก๊ซโซฮอล์ 95 แทน เพราะหลังจากที่หาโซฮอล์ 91 ไม่ได้เมื่อครั้งที่ไปซาฟารี

ชมทุ่งทานตะวัน

หลังจากนั้นก็ขับไปเรื่อย ๆ ถึงแยกพุแค เลี้ยวขวาไปทางพนัสนิคม ไปได้ไม่ใกลก็พอมีทุ่งทานตะวันเป็นหย่อม ๆ แต่ไม่ได้สวยเลยเพราะคงเริ่มฤดูเก็บเกี่ยวกันแล้วละมั้ง มีหลงทางบ้าง ก็จอดถามคนที่เขาเดิน ๆ อยู่แถวข้างถนนแหละ ถ้าเรายึดทางไปเขื่อนป่าสักฯ ก็เรียบร้อย คือจะง่ายมากว่าจะไปทางไหน หาป้ายได้ง่ายกว่าจุดหมยอื่น ๆ ที่สำคัญคือไม่หลงทาง !!!

ขับรถไปเรื่อย ๆ ตามถนนหมายเลข 3314 ง่ายดี ก็เจอไร่ทานตะวันขนาดใหญ่ถึงใหญ่มาก รถจอดกันทั้งสองข้างทาง เออ.. น่าจะเป็นตรงนี้แหละ อย่างน้อยคนก็ลงไปเยอะ แน่นอนว่าต้องจอดรถตามใหล่ทางแหละ แบบบ้านทุ่งจริง ๆ แล้วก็เดินเข้าไปตามที่คน ๆ เขาเดินไปอ่ะ

หากมองลึกเข้าไปในไร่แล้วจะเห็นว่า ดอกทานตะวันกำลังเบ่งบานกันทั่วทั้งทุ่งเลย สวยงามมาก ยิ่งถ้าเป็นตอนเช้าที่ดอกกำลังบานตอนเช้าต้อนรับแสงตะวัน คงสวยงามอย่างมาก เราก็เดินเข้าไปในไร่เก็บภาพให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มุมนั้นบ้าง มุมนี้บ้าง ถ่ายภาพได้ร้อยกว่าภาพมั้ง ดีนะที่เป็นกล้องดิจิตัล เพราะถ้าเป็นกล้องฟิล์มก็คงหมดไปหลายม้วนแล้ว เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้ที่เดียว

แต่... ทราบมั้ยว่าต้องเสียค่าเข้าชมด้วย?!?! เป็นความจริงครับ ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 5 บาท แต่ผมว่ามันไม่ได้มากมายอะไรนักหรอกที่จะจ่าย เพราะเดินเข้าไปเเล้วมันสวยจริง ๆ และที่เห็น ๆ ก็ต้นทานตะวันเหล่านั้นโดนเหยียบล้มกันเยอะมาก นี่ ขนาดผมมาเช้าแล้วนะยังมีเยอะ ขนาดนี้ ถ้าเป็นตอนบ่าย ๆ คนเยอะกว่านี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ฉะนั้น คนละ 5 บาทก็คงไม่คุ้มค่ากับความเสียหายจากการโดนเหยียบย่ำตลอดทั้งวัน.. ก็อย่างว่าแหละครับ เมื่อเขาเปิดให้คนเข้าชม ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน .. :)

เข้าเขื่อนป่าสัก ฯ

พอจะเข้าเขื่อนป่าสักฯ ก็มีอะไรให้เจ็บใจเหมือนกัน คือรถมันเยอะ คนเขาก็ขับช้า ๆ ตามกันมาแหละ แต่พวกที่ไม่มีมารยาทอ่ะนะ ขับคล่อมเลนมาทางซ้าย ตามไหล่ถนน เสร็จแล้วมันก็มาชะแว๊บเข้าทีละคัน สองคัน เหมือนกับพวกที่ชอบชะแว๊บเข้าตามคอสะพานหรือทางแคบ ๆ แหละครับ ตอนแรกก็กะไม่ให้เข้าแล้ว เบียดเข้ามา ผมก็เบียดขึ้นไป เหลือนิดเดียวจริง ๆ ถ้าขยับอีกไม่ถึงครึ่งล้อก็มีหวังสะกิดกันแน่ ๆ แต่น้องที่นั่งมาด้วยขอไว้บอกว่าให้เขาไปเถอะ เสียเวลาที่ไปตอแยกับคนพวกนี้ มันน่าเจ็บใจไหมละท่าน เกลียดจริง ๆ พวกไร้มารยาทเช่นนี้ เห็นแก่ตัว ขอให้ได้ไปก่อน เฮ้ยยย .. เซ็ง !!!

พอเข้าไปข้างใน คนก็เยอะเหมือนกัน มิน่าล่ะ รถติดจริง ตรงทางเข้ามา ตอนแรกก็ได้ที่จอดดีหรอก แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแถวนั้น เลยเลื่อนไปใกลหน่อย หาที่จอดใหม่อีกที ใกล้ ๆ ห้องน้ำอ่ะ ไหน ๆ ก็จอดแล้ว แวะเข้าห้องน้ำกันหน่อย จากนั้นก็มองรอบ ๆ ก็ยังไม่มีอะไรน่าสนใจอยู่ดี มันโล่ง อากาศร้อน ไม่มีจุดที่น่าสนใจเลย ก็เลื่อนไปอีกตรงหน้าออฟฟิซมั่ง เพราะมีขบวนรถไว้บริการนักท่องเที่ยว ไปชมรอบ ๆ เขื่อน ๆ หรืออาจจะไปถึงสันเขื่อนมั้ง เอาเป็นว่าตรงนี้ก็พอได้ อากาศเย็นสบายดี และก็มีที่จอดรถในร่มด้วย แต่ก็วนหาที่จอดรถอยู่นานเหมือนกัน

ทานข้าวเที่ยง

เชื่อมั้ยครับพี่น้อง .. ขับรถออกจากกรุงเทพมาซะใกล แต่ไม่รู้จะแวะกินข้าวที่ไหนกันดี เจอโลตัส ลพบุรีก็เลี้ยวซ้าย แบบตัดหน้าเข้าเข้าไปในห้างอีกต่างหาก แต่ก็ไม่ได้ทำแบบน่าเกลียดหรอกครับ ตีไฟเลี้ยวไปตั้งนานแล้วกะให้เขาขับผ่านเลยไปก่อน เราก็ขับชะลอไปเรื่อย ๆ ก็ยังไม่ยอมตีห่างจากเรา ก็เลยซิ่งไปข้างหน้าแล้วค่อยชะแล๊บเข้าซ้าย เท่านี้นก็เรียบร้อย ... :O พูดเรื่องกินข้าวกันต่อ พอเข้าจอดในโลตัสเสร็จ ก็มอง ๆ อยู่ว่าจะกินอะไรดี มองไปเห็น MK อ่ะ .. MK ก็ MK...

พระปรางค์สามยอด

ตอนบ่าย ก็พากันเข้าเมืองลพบุรี คุยกันว่าไปเที่ยวไปชมฝูงลิง แถวพระปรางสามยอด ในเมืองลพบุรีซะหน่อย พอไปถึงก็หาที่จอดรถนานมาก เพราะพระปรางค์นั้นตั้งอยู่ในตัวเมือง และมีรถเยอะมาก ตอนแรกขับผ่านหน้าไปแล้วก็ไม่มีที่จอด แล้วก็เลี้ยวเข้ามาใหม่ โอ.. มีที่ว่างพอดี แต่พอกำลังจะเข้าเทีบยจอด มองไปเห็นรถปิกอัพคันที่จอดอยู่ข้างหน้า โอ้ มายกอด ... สภาพเละมากครับเพราะเจ้าลิงน้อยใหญ่เหล่านั้น ขึ้นไปบนหลังคาแล้วก็ดึงเส้นยางตามรอยขอบประตู ขอบกระจกออกมาดึงเล่นกัน วางเกลื่อนที่พื้นก็มี โอย.. แบบนี้ถึงจะสนุกยังไงก็ไม่เอาด้วยหรอกครับ แต่ระหว่างนั้นก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาที่รถคันนั้นพร้อมหนังสะติ๊ก คิดว่าเขาคงจะคอยไล่ลิงที่มาก่อกวน สร้างความรำคาญกับรถที่จอดกันแน่ ..

สองภาพข้างล่าง ผมบอกให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ ถ่ายเอาไว้ให้หน่อย เผื่อวันหลังใครผ่านไปแถวนั้นจะได้ระมัดระวังเอาไว้บ้างครับ



เย็นแล้วกลับ กทม.

หลังจากที่เราตกลงกันในรถแล้วว่าคงไม่คุ้มกันแน่ ถ้าจะจอดรถทิ้งไว้แล้วไปเดินถ่ายรูปรอบ ๆ พระปรางค์สามยอดอย่างที่ตั้งใจไว้ อาจจะมองโลกแง่ร้ายไปหน่อย แต่ตัวอย่างเห็นกับตาแบบนี้ ก็ไม่ขอเสี่ยง เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับรถของเราจริง ๆ มันสูญเสียมากกว่าความพอใจที่ได้ถ่ายรูป เลยกลับขึ้นรถเตรียมตัวเข้ากรุงเทพดีกว่า กลับเร็วก็ถึงเร็ว :)

อาหารมื้อเย็น

สุดท้ายก็เลยมาลงเอยที่ร้านส้มตำเจ้าเก่าหน้าปากซอย เพราะอยากกินอะไรที่เป็นบ้าน ๆ ม่กกว่า เลยแวะจอดรถซื้อส้มตำกับตำซั่ว ไก่ย่างกับปลาดดุกสักตัวไปเป็นอาหารมื้อเย็นอย่างอะเหร็ดอร่อย :P

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น


Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา