วันนี้ ผมเอารถเข้าเช็คระยะ 7 หมื่นกิโลเมตรที่ศูนย์ ฯ ประจำใกล้บ้าน จริง ๆ ผมก็ควรจะเข้าเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วแต่ผมไม่ค่อยได้ใช้รถเหมือนเมื่อก่อน ผมจึงตั้งใจปล่อยใหัมันเลยไปสักนิดหนึ่งและก็เข็มไมล์มันวิ่งเลยไปแล้วเกือบร้อยโลล่ะ ไม่อยากทิ้งไว้นานมากเกินไป
ก่อนนำรถเข้าศูนย์ ผมก็โทรเช็คคิวเรียบร้อย เขาก็บอกให้นำรถเข้ามาติดต่อได้เลย อืมม ดูท่าว่ารถจะไม่เยอะนะ
พอมาถึงผมก็ติดต่อเคาน์เตอร์ตามปกติ นอกจากเช็ค 7 หมื่นโลแล้วผมยังขอให้เขาเช็คอาการที่รถกระชากตอนออกตัวด้วย แม้จะไม่เป็นทุกครั้ง และมีแรงบ้างเบาบ้าง ไม่แน่นอน ผมกลัวว่า พอเอามาให้ช่างเช็คแล้วจะไม่เจอ แล้วก็บอกไม่มีปัญหาอะไรเหมือนเดิม เสร็จแล้วผมก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานต่อครับ
ตอนสาย ๆ ช่างโทรมาบอกผ้าเบรคเหลือ 3 มิล ไม่ทราบจะเปลี่ยนไหม และที่ปัดน้ำฝนก็เริ่มหร่อนแล้ว จะเปลี่ยนด้วยไหมครับ ผมก็บอกว่า ยังก่อนเอาไว้คราวหน้าก็ได้ บางทีก็อยากเปลี่ยนนะแต่ก็เห็นแบบนี้ทุกที มันต้องมีอะไรให้เปลี่ยนเรื่อย ๆ แหละ เวลาที่เอารถเข้าศูนย์
ผมก็เข้าใจว่ารถมันนานแล้ว อะไหล่บางอย่างก็ควรเปลี่ยน แต่ปัญหามันอยู่ที่ค่าแรงในการเปลี่ยนนี่สิ ถ้าลงเป็นเลขหนึ่งทีไหน โดนเข้าไป 440 บาททันที เขาไม่ได้คิดเหมือนเรานี่ว่าทุกอย่างเหมารวมเป็นหนึ่งเดียว แต่เขาแยกเป็นจุด ๆ ถ้าต้องแยกชิ้นส่วนออกมาเยอะ ก็ยิ่งมีแรงหลายหน่วย เข้าไปอีกนะ!
พอตอนบ่าย ช่างก็โทรมาบอกอีกว่าจะขอรถไว้สักวัน เพราะอยากเอาไปวิ่งทดสอบ ผมก็เออออไปกับเขา เพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำยังไงบ้างและผลจะออกมาแบบไหน อยากแก้ให้มันเสร็จ ๆ ไป มันเป็นมานานแล้วแต่ไม่ได้รุนแรงอะไร ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยมาตลอดนั่นแหละ
ตอนนี้ ผมก็อดที่จะคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ไม่ได้ เขาจะเอารถไปวิ่งทางไกลแค่ไหน เอารถไปโดนอะไรมารึเปล่า ผมอาจจะเป็นพวกวิตกจริตนิดหน่อย ห่วงรถสุด ๆ ขนาดเพื่อนมาขับแล้วเหยียบแรง ๆ ผมยังพบอกให้เพลา ๆ หน่อย ใครที่ขึ้นรถผม ผมจะบอกให้ปิดประตูเบา ๆ ตลอด เพราะไม่ใช่รถปิกอัพที่จะกระแทกประตูปัง ๆ เวลาปิด .. ผมไม่ชอบ :)
แต่ก็เอาเป็นว่าคงได้แต่รอล่ะงานนี้..
...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น