วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อยากเปลี่ยนเป็น 4wd จริงๆ

เผอิญผมมีธุระด่วนที่ต้องกลับบ้าน ซึ่งตอนขาไปก้ไม่มีอะไรมา เราไปกันแค่ 3 คน แต่พอขากลับ ผมไม่ได้กลับทางเดิม เพราะจะเยี่ยมพี่สาวที่บนเขา ไหนๆ ก็มาแล้ว น่าจะลองไปเยี่ยมแกสักหน่อย ลองหาโอกาศขับรึ้นลูกนี้สักครั้ง

เช้า 9 โมงกว่า เราออกเดินทางขึ้นเขา คราวนี้ เรามีผู้โดยสารเพิ่มมาอีกคน ซึ่งช่วงแรก ๆ ก็ไม่มีอะไรมากนัก เพราะถนนยังเป็นทางลาดยาง แต่พอใกล้จะถึงจุดหมายเท่านั้นแหละ ผมยังกล้า ๆ กลัวๆ ว่าจะไปไม่ไปดีล่ะเนี่ย .. ลองดูถนนข้างล่างนี้นะครับ ..

แต่พอขับลงไปจริง ๆ มันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ผมขับช้าเท่าที่จะช้าได้ เพราะถ้าขืนเร่งเครื่องอย่างเดียวคงไปไม่ไม่รอดแน่ ๆ แค่น้ำหนักที่ขนไปตอนนี้ก็เยอะพอแล้ว ถ้าขับแบบหนัก ๆ รับรองว่าใต้ท้องรถต้องครูดกับถนนไปหลายทีแล้ว

หลังจากนั้น มีช่วงหนึ่งที่มีรถจอดอยู่แล้วผมต้องขับผ่านไป แต่ถนนตรงนั้นมันแคบมากและไหล่ทาง มันไม่น่าจะผ่านไปได้เลยจริง ๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี .. เฮ้ยย.. โล่งอกไปที นึกว่าต้องเข็นกันซะแล้ว

ผมขับผ่านจุดเมื่อกี้ไปไกลมากนัก ผมก็มาถึงที่หมาย แต่ผมยังมองไม่ออกว่าเราจะพักกันที่ไหน พี่เขาบอกให้มองไปโน้น ต้องเดินต่อไปอีก ... ถึงไม่บอก ผมก็ไม่คิดว่าจะขับรถลงไปแน่ ๆ
แม้แต่ที่จอดอยู่ตอนนี้ ถ้าดูเผิน ๆ ก็ เหมือนทางขึ้นเขาธรรมดา แต่เมื่อผมขับไปถึง โอ .. มันขลุกขละมาก เข้ามุมโค้งอีกต่างหาก ต้องจอดแบบทำมุมให้ดีหน่อยละกัน จะได้ไม่ขวามทางชาวบ้าน

พอตอนจะถอยเข้าจอด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจอดแบบไหนดี ผมเกือบจะพลาดถอยลงหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเพราะเพราะคิดว่าเป็นทางเรียบธรรมดา แต่ดีที่พี่เขาร้องบอกได้ทัน เลยต้องจอดเบี่ยงออกจากทางเลี้ยวนิดหนึ่ง เผื่อมีรถเข้าออก .. พอจอดรถเสร็จ ผมก็เดินลงไปที่กระท่อมกลางสวนที่ตั้งอยู่โน้นนั่นแหละครับ..

มุมนี้ ผมถ่ายตอนเดินลงไปได้กลางทางแล้ว ..


แต่มุมนี้ เป็นที่ผมหันกลับไปถ่ายรูปของผมที่จอดไว้ครับ!!

เราพักกันสัก 30 นาที แต่ก็ขนเอามะม่วง น้อยหน่าและหน่อไม้ขึ้นมาเต็มคันรถ เพราะไม่ได้ใส่เฉพาะหลังรถเท่านั้น เรายังเอามาใส่ด้านในห้องโดยสารด้วย เอาล่ะสิ แบบนี้ ผมอยากจะแปรสภาพมาเป็นรถปิกอัพแบบมีหลังคา ด้วยการพับเบาะหลังลงมาแล้วนั่งรวมกันกับถุงเสบียงไปเลยดีไหม :)

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าให้นั่งกันไปแบบธรรมดานั่นแหละ จะได้ไม่เหนื่อยมาก และเผื่อว่าตำรวจเรียกระหว่างทาง จะได้ไม่มีปัญหา ต้องมาต่อรองกันอีกสาระพัด

ผมมาเสียเวลาอีกตอนจะเข้าส่งพี่ชายที่ลพบุรี ตอนแรก ผมก็คิดว่าจะเป็นทางผ่าน ใกล้ ๆ กับสระบุรี แต่ที่ไหนได้ เลยขึ้นไปอีกจนเกือบถึงสิงห์บุรี และถนนมันไม่น่าวิ่งเอาเสียเลย ลองคิดดูถนนที่มีรถบรรทุกวิ่งทุก ๆ ชั่วโมงครับ มันเป็นหลุมเป็นบ่อ จะวิ่งเร็วก็ไม่ได้ ต้องคอยคลานไปเรื่อย ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าคนแถวนั้น เขาไม่บ่นกันบ้างหรือไง หรือว่าทำใจได้แล้วสิ

ผมน่าจะเสียเวลาตรงนี้เกือบ 3 ชั่วโมง แม้ว่าระยะทางจะ ไม่กี่ร้อยกิโลเท่านั้น แต่มันวิ่งเร็วไม่ได้จริง ๆ และดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกแล้วล่ะตอนนั้น คงต้องเดินหน้าต่อไป สู้ ๆๆๆๆ

พอวิ่งมาถึงก่อนจะเข้าสระบุรี ผมก็เจอฝนตกเป็นระยะ ๆ .. เป็นระยะจริง ๆ แบบขับผ่านไปก็เจออีกเป็นแบบนี้ไป 2 - 3 ครั้งซึ่งแต่ละครั้งก็หนักมากเหมือนกัน เพราะโคลนที่ติดข้างรถ บังโคลนล้อและที่เกาะอยู่ตามข้างรถ มันออกหมดเลย เหมือนว่าล้างรถมาดี ๆ นี่เอง..

ผมมาจอดพักเข้าห้องน้ำที่ปั้มปิโตรนาส พหลโยธิน เพราะกลัวว่าน้ำมันจะหมดก่อนที่จะถึงบ้าน หรือพอวิ่งขึ้นทางด่วนแล้วน้ำมันหมดกลางทาง คงลำบากกว่านี้แน่ ๆ

จากนั้น ผมก็แวะส่งพี่ชายอีกคนที่ห้วยขวาง และผมไม่คิดจะเข้าพักอะไรหรอก ตอนนี้ เหนื่อย อยากกลับบ้าน อาบน้ำให้เย็นฉ่ำเท่านั้นก็พอ อดทนอีกนิดเพื่อให้ถึงที่หมาย ถ้าพักแล้วมันจะทำให้เหนื่อยกว่าเดิมแล้วไม่อยากขับรถต่ออีกนะสิ

ผมกลับถึงบ้านประมาณ 3 ทุ่มกว่า ซึ่งตอนแรกผมกะเอาไว้แค่ประมาณ 5-6 โมงก็น่าจะถึงกรุงเทพแล้ว และก็ผิดความคาดหมายอย่างมาก !!





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น


Google
 

Download unlimited stock photos!

Wikipedia

ผลการค้นหา